๏ โลมแดดสายทอดทิวสู่ผิวเนื้อ โอบอุ่นเจือหนาวลมมาห่มหาย ระยับแสงทอดทางจนพร่างพราย ร้อยความหมายกำซาบลงทาบใจ ๏ แต่ละหยดหยาดรินก็สิ้นแล้ว ยังแต่แว่วฝากย้ำกับคำไข ก็เพียงหยาดน้ำค้างที่จางไป ท่ามเนื้อไอหนึ่งเจ้า..ผู้เฝ้าคอย ๏ ทุกอณูแห่งถวิลระรินผ่าน จากฝุ่นลานผืนย่ำอันต่ำต้อย จรดสรวงงามเรื่อดั่งเนื้อพลอย มาหลอมร้อยรับขวัญอย่างบรรจง ๏ โอบจนอุ่นแทนเจ็บอันเหน็บหนาว ลบเรื่องราวเกาะกุมจากลุ่มหลง ทิ้งเงาร้างปรากฏจนหมดลง พร้อมรอยบ่งเลือนหายกับสายกาล ๏ ปลิดปลิวเถิด..บทตอนวันอ่อนไหว เพื่อแกร่งใจได้ระบัดขึ้นหยัดขาน ถ้อยสำเสียง..เถิดฟัง..ยิ่งกังวาน เมื่อแว่วหวานร่วมร่ำขับทำนอง ๏ กระซิบผ่านธารโศกถึงโตรกผา กี่น้ำตาซับบนความหม่นหมอง ตราบรุ่งแสงระเหยไห้เป็นไอฟอง ใต้ครรลองโชนช่วงแห่งดวงไฟ ๏ โลมแดดผ่านลานพุ่มโกสุมสี แต้มมาลีร่วมล้อมกล่อมสมัย ลบอดีตกรีดรอยจากคอยใคร เหลือเพียงใจหนึ่งร้อย..มาคอยเคียง
14 พฤศจิกายน 2549 06:55 น. - comment id 626535
คิดถึงพี่นางเสมอค่ะ
14 พฤศจิกายน 2549 07:41 น. - comment id 626539
เหลือใจร้อยมาคอยฝัน คอยคืนที่วันแสนหวาน
14 พฤศจิกายน 2549 07:42 น. - comment id 626540
โอบอรุณอุ่นเอื้อผ่านเนื้อผิว สายใจปลิวลอยล่องท่องเวหา ส่งคะนึงถึงใครอยู่ไกลตา ฝากแดดจ้ามอบไออุ่นละมุนละไม
14 พฤศจิกายน 2549 08:03 น. - comment id 626552
งดงามจริงๆค่ะ
14 พฤศจิกายน 2549 10:02 น. - comment id 626573
อยากแต่งให้ไพเราะได้แบบนี้จริง ๆ
14 พฤศจิกายน 2549 10:11 น. - comment id 626574
ได้สดับรับชมงามยิ่งนัก เหมือนได้พักชมวิวดีนักหนา ได้ผ่อนคลายปลดปล่อยชื่นอุรา ช่างนำมาซึ่งความสุขดีนักแล
14 พฤศจิกายน 2549 10:29 น. - comment id 626577
โอบอรุนไหนจะอุ่นเท่าโอบเจ้า ที่พี่เคล้าเคลียคลอแก้วตาเอ๋ย ไม่อยากออกจากอกเจ้าเอาเสียเลย อยากนอนหนุนอกทรามเชยทั้งเช้าเย็น *********สวัสดียามสายคะ แวะทักทาย*************
14 พฤศจิกายน 2549 11:59 น. - comment id 626613
.. งานคุณสวยจัง..
14 พฤศจิกายน 2549 12:32 น. - comment id 626629
๐ เคียงอรุณ..ม่านหมอกซบดอกไม้ เพื่อรอการขับไขจากไฟสรวง คือเริ่มกาลภู่ห้อมด้วยหอมปวง และเริ่มทรวงเบิกบานด้วยหวานคำ ๐ น้ำค้างกลั่นหยดเห็นหยาดเป็นย่าน ไหวแววผ่านพร่างพรมของลมร่ำ เหมือนแววในเนตรจู่ให้รู้จำ เข้าหยอดย้ำใจอยู่..เกินรู้จาง ๐ ลับเลือนเถิดรูปรอยเคยสร้อยเศร้า หลังม่านหม่นป่นเงาเคลื่อนเข้าสาง พันแสงย่อมส่องเห็นทุกเส้นทาง ก่อนเลือนรางปลีกเร้นไม่เห็นรอย ๐ มองเถิดนั่น..สกุณาบินฝ่าหนาว และครั้งคราวร่อนแล้วอย่างแผ่วค่อย เหมือนจิตหนึ่งเคยท่องอย่างล่องลอย กลับเริ่มพลอยร่อนลง..อย่างจงใจ ๐ หยาดน้ำจะระเหิดระเหยแห้ง หลังร้อนแรงส่องระยับลงขับไล่ ฤๅจะเช่นหวานล้ำของคำใคร ย่อมหยาดให้ชื่นอยู่ไม่รู้เลือน ๐ รำพึงผ่านพวงผกาในป่าหอม ว่าที่เคยร่ำหลอม..ยากหอมเหมือน เพียงเสี้ยวส่วนนิรมิตอันบิดเบือน ที่กล่นเกลื่อนบริบทให้ทดลอง ๐ เหมือนน้ำค้างที่ระเหิดระเหยแห้ง ชั่วเข้าสางด้วยแรงพันแสงส่อง ไม่อาจสู้แสงเหนืออันเรื่อรอง รอแต่ต้องลับเลือน..จนเคลื่อนคลาย ๐ ล่วงแล้วคาบพิรุณพิลาปร่ำ แต่ลมคร่ำครวญตอนกลับย้อนสาย จึงเหน็บหนาวท่วมไปทั้งใจกาย หวังจักป่ายปัดพ้น..ก็จนใจ ๐ ผ่านอรุณ..ร้างหมอก..ไม้ดอกหอม จึงร่ำล้อมสุคนธาได้อาศัย อิฏฐารส..รอยประทิ่น..อาจสิ้นไป หวังเพียงให้..รูปถวิล..อย่าสิ้นตาม.
14 พฤศจิกายน 2549 13:08 น. - comment id 626639
สวัสดีครับ งดงามในความรู้สึกครับ ผมมีอยู่เรื่องหนึ่ง ชื่อเดียวกัน โอบอรุณ โอบคืนโอบวันอันแสนหวาน เนิ่นนานเกินใจเกินใฝ่ฝัน อ้อมอกโอบไว้เอื้อไอกัน ผ่านผันราตรีมีเพียงเรา บนภูสูงเสียดขึ้นเบียดฟ้า ดารากระจ่างอยู่กลางเขา สายลมพัดผ่านผะแผ่วเบา ใต้เงาเมฆานภาลัย หนาวลมห่มผ้าเขาว่าอุ่น เพียงหนุนตักนอนจะตอนไหน หนาวเนื้อห่มเนื้อเติมเชื้อไฟ หวามไหวเชยชิดแนบนิทรา เก็บฟืนก่อเพลิงให้เริงร้อน สุมขอนโหมไฟเสน่หา อิงรักอุ่นไอในแววตา กระทั่งฟ้าสีทองผ่องอำไพ เรืองอรุณรุ่งสางสว่างแล้ว วาวแวววับวามความสดใส น้ำค้างพราวพร่างกลางฤทัย วันใหม่วันนี้มีเพียงเรา
14 พฤศจิกายน 2549 13:50 น. - comment id 626656
...งดงามครับ
14 พฤศจิกายน 2549 14:10 น. - comment id 626661
:) อบอุ่นดีค่ะ
14 พฤศจิกายน 2549 16:50 น. - comment id 626708
งดงามจึงครับ
14 พฤศจิกายน 2549 18:37 น. - comment id 626748
สุดยอด
15 พฤศจิกายน 2549 00:51 น. - comment id 626902
กลอนไพเราะและงดงามยิ่งนัก รูปสวยมากเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานนะค่ะ
15 พฤศจิกายน 2549 06:45 น. - comment id 626933
ดอกกุหลาบนี้สวยงามจริงๆ ขอบคุณน้อง..เพรง.พเยีย..ที่ให้หยิบยืมมา ใช้โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ๐ ลมโอบรัดสายหมอกและดอกไม้ ปลุกวันใหม่ให้ตื่นด้วยคลื่นหนาว หยดน้ำค้างหยาดรับแสงวับวาว หลังเดือนดาวลับดวงเมื่อล่วงคืน ๐ ภุมรินบินว่อนแล้วร่อนดอม กรุ่นหวานหอมยื้อยุดก็สุดขืน กุสุมกลิ่นหวนลมเข้ากลมกลืน ย่อมแตะตื่นปรารถนาบรรดามี ๐ เมื่อลิขิตสิทธาสถานภาพ ย่อมสืบทราบเหมาะควรทุกส่วนที่ จึงเกื้อการณ์ก่อถวิลและยินดี เฉกมาลีล่อภมรให้ร่อนลง ๐ ไร้สำเนียงเสียงดังเพื่อฟังเพราะ จะหลั่งเซาะโสตสดับความรับส่ง เหลือแต่หวานหอมผกาในป่าดง จักสืบส่งสาปภู่ให้รู้ยอม ๐ บ้าง..เสมอมาลีอันมีกลิ่น จึงกำจายรวยรินให้ถิ่นหอม ผู้หวนหามธุรสฤๅอดออม ผละห่างห้อมรื่นนั้น..ได้ฉันใด ๐ งามประณีตกิริยาที่ปรากฎ ปานเปรียบหอมผการส..สีสดใส เอ่อผกายอบอุ่นละมุนละไม จนบ้าง..ใฝ่ฝันเห็นไม่เว้นวาย ๐ ดอกหญ้าไหว..แดดบ่มเสียงลมร่ำ พร้อมหนาวคร่ำครวญให้อกใจหาย แต่สบรอยเนตรตอบใครลอบชาย แอบเร้นเห็นชม้ายอยู่หลายคราว ๐ ลมโอบรัดสายหมอกและดอกไม้ ปลุกอกใจให้ตื่นด้วยคลื่นหนาว แววในเนตรเลศระยับอยู่วับวาว เหมือนรอก้าวย่างสู่..เดินคู่เคียง
15 พฤศจิกายน 2549 11:15 น. - comment id 627059
งดงาม กำซาบทรวง... ขออนุญาติเก็บได้บทกลอนที่ชอบนะคะ
16 พฤศจิกายน 2549 05:48 น. - comment id 627302
.....น้องบัว คิดถึงเหมือนกันจ๊ะ พี่ไม่ค่อยได้มาคุยกับน้องบัวที่นี่ ไม่ว่ากันนะ .....แม่มดใจดี หวัดดีจ๊ะ .....คุณเพียงพลิ้ว สองวรรคนี้ถูกใจจัง... ส่งคะนึงถึงใครอยู่ไกลตา ฝากแดดจ้ามอบไออุ่นละมุนละไม .....คุณเฌอมาลย์ ขอบคุณค่ะ .....คุณnig เป็นกำลังใจให้นะคะ โดยส่วนตัวเองก็ยังต้องฝึกฝนอีกเยอะเลย .....คุณพงษ์ศักดิ์ ยินดีได้รู้จักค่ะ .....คุณศรรกรา ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ .....คุณผู้หญิงช่างฝัน ไม่ค่อยเห็นเขียนอะไรมาให้อ่านบ้างเลยค่ะ นางชอบกลอนคุณเหมือนกันนะ .....พี่คนนี้ แทนทุกคำ...ที่ร้อยมาจากใจนะคะ .....คุณเรไร ชอบบทนี้เป็นพิเศษค่ะ หนาวลมห่มผ้าเขาว่าอุ่น เพียงหนุนตักนอนจะตอนไหน หนาวเนื้อห่มเนื้อเติมเชื้อไฟ หวามไหวเชยชิดแนบนิทรา .....บินเดี่ยว อิจฉาคนอยู่เชียงใหม่ ไปดูงานพืชสวนโลกกี่ครั้งแล้วคะ .....กุ้ง พักนี้งานเยอะเหรอคะ ไม่ค่อยเห็นเขียนกลอนเลย ปลายปีก็อย่างนี้เนอะ ......ห้วงคำนึง ขอบคุณค่ะ .....คุณครูใหญ่ เปลี่ยนยุคอำนาจแล้ว ไม่รู้แนวทางการศึกษาบ้านเราจะออกมารูปไหน แต่คุณครูดีๆ อย่าเพิ่งท้อเสียก่อนนะคะ .....ผู้หญิงไร้เงา ขอบคุณจ้า .....สาวภูไท ด้วยความยินดีค่ะ
16 พฤศจิกายน 2549 17:36 น. - comment id 627556
อืมม....(เข้ามาซึมซับความงามทางภาษา)...กลอนชมธรรมชาติผสานกลอนอกหักรักหวานซึ้งนี่ยากจริงๆนะ ไม่เคยแต่งสำเร็จสักทีเลย
17 พฤศจิกายน 2549 01:17 น. - comment id 627633
แสงอรุณคือแสงแห่งแรงแรก ที่ซึทแทรกผ่านผิว...ในวันล้า เป็นแสงแห่งแรงรัก..แรงศรัทธา ให้เกิดกล้าขึ้นใหม่ด้วยใจทรนง แม้เมื่อวานผ่านพ้นด้วยแบบไหน เราตั้งใจใหม่ได้ทุกหน เพียงแค่เห็นแสงตะวันจากเบื้องบน ให้คอยดลดวงจิต...สว่างตาม
6 ธันวาคม 2549 16:21 น. - comment id 633987
ชอบท่อนที่เริ่มว่า ปลิดปลิวเถิด.... คำนี้สวยจังค่ะ ให้อารมณ์สวยด้วย
29 ธันวาคม 2549 16:35 น. - comment id 641422
งดงามจริงๆค่ะ
24 กรกฎาคม 2550 15:25 น. - comment id 729188
ขออนุญาตนำไปเก็บในบันทึกเกี่ยวกับ บทกวี บทเพลง ศิลปิน ศิลปะ สุนทรียแห่งชีวิต ใน http://gotoknow.org/blog/mindlife/post ครับ