1ต้นไม้ใหญ่แผ่เงื้อม.........ร่มเงา หลากเมล็ดพันธุ์ท่านเอา.....อกคุ้ม ยืนหยัดอยู่นานเนา............กลางทุ่ง เมล็ดเก่าจนเปลือกหุ้ม-......ฝ่อเนื้อในเสีย 2ใต้เท้าหากท่านให้............เห็นตะวัน แหวกกิ่งใบฉายฝัน.............เปิดฟ้า สละหยาดพิรุณสวรรค์.........สักหยด โปรดเถิดเมตตาข้าฯ...........แค่เสี้ยวเศษทาน 3หากถูกใจปล่อยให้.........งอกเงย จักเทิดทูนเท่าเคย.............นอบน้อม ขอท่านกล่าวคำเปรย........เป็นพวก ผู้ถ่อมคำนับค้อม..............จักรู้บุญคุณ 4ใต้บารมีแผ่กว้าง...............คุ้มครอง หญ้าหนึ่งต้นแหงนมอง.........กิ่งนั้น หนึ่งชีวิตจับจอง..................ผืนโลก ต่ำค่าต่างชนชั้น..................เช่นนี้เชียวหรือ 5ฝังหัวว่าท่านรู้...................เห็นไกล อำนาจสั่งการใด.................ถูกต้อง แต่ชีวิตของใคร.................เป็นสิทธิ์ ขอสักคำขอร้อง.................เลือกได้เลือกเอง 6ดมกลิ่นดินกลิ่นหญ้า..........ยังหอม รักแผ่นดินย่อมยอม.............อยู่ได้ ลมบนเล่าจริงปลอม.............ใครจัก รู้ฤๅ กำพืดก็ต้นไม้.....................รับรู้แลเห็น 7มุมมองอาจต่างได้............เสมอเสมอ หลายสิ่งซึ่งพบเจอ..............แผกบ้าง ฟังเสียงเหล่าข้าฯเสนอ.........ท่านเปิด ใจเทอญ แม้ต่ำเติมค่าสร้าง................อย่าเย้ยเหยียดหยาม 8และจักเป็นเช่นนี้.........เนิ่นนาน จนกระทั่งมีมนุษย์หาญ....กาจกล้า บังอาจสับคมขวาน...........ตัดกิ่ง ไม้เอย แสงส่องลงจากฟ้า...........สู่พื้นเป็นผล 9หอบกิ่งไม้กลับบ้าน.........สมใจ โอกาสหว่านโปรยไป.........ทั่วพื้น ได้-เสีย-ประโยชน์ใคร......คิดต่าง คิดเทอญ ป่าทึบกลายโปร่งฟื้น.........เปิดให้เห็นแสง 10จำนวนต้นหญ้ามาก.........มายนัก ดื่มแดดฝนสักพัก................สุขแล้ว กำเนิดอ่อนแอจัก...............เริ่มพึ่ง ตนนา เหล่าเมล็ดแตกรากแก้ว......จากใต้ผิวดิน 11บรรดาไม้ใหญ่พร้อม...รอยแผล มองเหล่าวัชพืชแปร.......เปลี่ยนชั้น พายุพัดกระแส.............ลมกระโชก ไร้กิ่งมิอาจกั้น..............ปะทะต้นทนขืน 12ฝนตกลงจากฟ้า.........ทั่วดิน ไม้อ่อนเอนกายกิน.........ดื่มได้ เหลือแล้วหลากไหลริน...สูญเปล่า มีสุขมีสิทธิ์ใช้..................ชุ่มชื้นยืนสนาน 13ไม้เล็กแตกกิ่งก้าน......แข่งขัน ต้นแก่แย่งไม่ทัน............เริ่มท้อ บารมีท่านเมื่อวัน.............เก่าก่อน เริ่มถูกท้าหนักข้อ............เริ่มแค้นทวงคืน 14เพื่อป่ายังอยู่ได้............จงฟัง ไม้ใหญ่ร่มใบบัง................บอกชี้ ต้นหญ้าซึ่งกำลัง................แตกยอด อีกเหล่าไม้เล็กนี้...............โน่นล้วนอันตราย 15เติบโตโดยไม่รู้..............ทิศทาง ไร้กฏเกณฑ์ข้าฯวาง............แบบให้ คนชั่วตัดกิ่งถาง-.................ไพรเพื่อ ตนนา แย่งประโยชน์มวลไม้..........คิดร้ายแผ่นดิน 16ขับไล่มันออกพ้น..........ผืนไพร ด้วยก่อเกิดกองไฟ...........แผดกล้า เผาทุกสิ่งสิ้นไป................ชั่วพริบ ตาแล วอดหมดทั้งทุ่งหญ้า...........เริ่มต้นอีกหน 17ไม้ใหญ่ยืนต้นนิ่ง...........ตามเดิม ไม้เล็กหยุดเหิมเกริม..........สยบใต้ ซากหญ้าสู่ดินเสริม............ธาตุถ่าน เพื่อท่านแผ่กิ่งได้..............จากนี้ดีเสมอ 18ท่านนำป่าผ่านพ้น............มหันตภัย ปิดปากเสียสงบใจ...............รับรู้ ผลประโยชน์สนองนัย.........อำนาจ เลิกคิดเลิกต่อสู้..................จบสิ้นฝันหวาน
3 ตุลาคม 2549 22:46 น. - comment id 611525
เข้ามาอ่าน นิทานต้นไม้ครับ ชอบอ่านเหมือนกัน แต่เขียนไม่เก่ง ขอจองโพสเบอร์ 1 นะครับขอบคุณมาก
3 ตุลาคม 2549 23:15 น. - comment id 611542
ชอบนิทาน ชอบต้นไม้ ชอบนิทานต้นไม้ สุดท้ายยังชอบคำว่ารากแก้ว ที่เปลี่ยนมาจากรากหญ้าเสียด้วยซิ อิอิ
4 ตุลาคม 2549 00:33 น. - comment id 611565
ต้นไม้โตใหญ่ได้ด้วย ... ดินเดิม ท่ามกลางไม้อื่นเสริม ... พวกพ้อง เด่นสง่าความกล้าเพิ่ม ... องอาจ ฤาไฉน ยืนหยัดอยู่ได้ต้อง ... นอบน้อมกรรมดี
4 ตุลาคม 2549 00:39 น. - comment id 611566
สวัสดีครับ .. ไม้เล็กไม้ใหญ่ไม้ ........ เมืองไทย หากตักตวงตัดไป ........... ป่าโล้น เพาะกล้าปลูกผืนไพร ..... ผนึกแผ่น ดินฝั่งนี้ฝั่งโน้น ............... แนบเพี้ยงหนึ่งเดียว
4 ตุลาคม 2549 09:19 น. - comment id 611614
ชอบครับ ขออนุญาต ลอกเอาไปอ่าน กำลังหัดเขียนโคลงอยู่อะครับ
4 ตุลาคม 2549 13:45 น. - comment id 611689
คุณ คนบนเกาะ นิทานสนุกมั้ยคับ โคลงน่ะจริงๆเขียนง่ายนะ เร็วด้วย ลองเขียนสิ คุณผู้หญิงไร้เงา รากหญ้าแฝกยึดดินดีกว่ารากแก้วของพืชใบเลี้ยงคู่ซะอีกนะครับ พืชแต่ละชนิดมีประโยชน์และมีคุณค่าทั้งนั้นแหละ อย่าดูถูกกันนะ คุณ sirin ต้นไม้ทำกรรมดีอยู่แล้ว อิๆ ต้นไม้ส่วนใหญ่นั้น..............ทำดี ช่วยสัตว์ต่างต่างมี................สุขล้น คนต่างหากป้ายสี..................เสียเปรอะ เดี๋ยวตัดเดี๋ยวต่อต้น............ผิดเพี้ยนพันธุกรรม ต้นไม้ไม่ค่อยก่อกรรมทำบาปเท่าไหร่นาคับ ยกเว้นพวกหม้อข้าวหม้อแกงลิงมั้ง อิๆ คุณหนอนดุ๊กดิ๊ก ดินฝั่งนี้ฝั่งโน้น....................แยกกัน ด้วยเหตุดังสวรรค์................กำหนดไว้ สายน้ำแทรกแบ่งปัน............สองฝั่ง เชื่อมต่อด้วยสะพานไม้..........สนิทเพี้ยงดินเดียว ถ้าดินเป็นผืนเดียวหมดทั้งโลกก็ไม่มีน้ำสิครับ ต้นไม้ก็ตายเหมือนกัน สรุปว่า อะไรที่อยู่ที่สมดุลแหละดีที่สุด แม้จะมีการสร้างและมีการทำลายตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งก็ต้องยอมรับว่า ความหวังเมื่อวานอาจจะไม่กลับมาอีกแล้ว
4 ตุลาคม 2549 13:48 น. - comment id 611690
คุณร้อยแปดพันเก้า ได้อ่านโคลงคุณร้อยแปดฯมาบ้าง ฝีมือพัฒนารวดเร็วจังคับ สำคัญคือต้องเขียนบ่อยๆ เขียนเล่าเรื่อง สนทนาตามที่คิดแล้วอยากสื่อออกมา เขียนไปเขียนมาจบไม่ลงก็ออกมา 18 บทอย่างที่เห็นเนี่ยคับ
4 ตุลาคม 2549 13:49 น. - comment id 611691
ชอบฟังนิทานคับ มีอีกไหมคับ..นิทานสนุกๆ
4 ตุลาคม 2549 16:09 น. - comment id 611759
ใดใดในโลกล้วน..............อนิจจัง ไม้ใหญ่ไม่ยืนยัง...............อยู่ยั้ง หญ้าแพรกใช่จีรัง.............เฉกเช่น กันนา ยามจบเวลาทั้ง-................หมดสิ้นดินฝัง ภวังค์คือทุกข์แท้...............สิ่งฝัน หลงไล่สิ่งใดกัน................อยากรู้ มัวยึดติดในขันธ์..............ทั้งหมด สรรพสิ่งมิหยัดสู้...............อยู่รั้งเวลา
4 ตุลาคม 2549 23:00 น. - comment id 611864
คุณไรไก่ นิทานหลอกเด็กน่ะพี่ม้าลายถนัด อยากฟังเรื่องอะไรล่ะจ๊ะ คุณมอมแมมฯ เอาโคลงเก่าๆในบล็อกมาตอบนะครับ วัตถุย่อมเสื่อมสิ้น.............สูญสลาย ชีวิตเกิดแล้วตาย..............เช่นนั้น เหลือชื่อเช่นความหมาย......อมตะ แต่งรูปธรรมคำปั้น.............ประดิษฐ์เนื้อนามธรรม เป็นอักขระร้อยรูป..............ลงเสียง สารสื่อบรรยายเพียง...........เพื่อย้ำ รำลึกอดีตไว้เคียง...............คู่ปัจ จุบันเทอญ ทุกสิ่งคงอยู่ค้ำ.....................โลกแท้แค่นาม