กาลเวลา ความทรงจำ และ...ความรัก คุณว่ามั้ยว่ากาลเวลาช่วยทำให้ลืมอะไรบางอย่างในชีวิตได้ ถึงแม้จะใช้เวลานานก็ตาม อาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะลืมความเจ็บปวดในช่วงเวลานั้น แต่จงเชื่อเถอะว่า...เวลาทำให้เราลืมได้จริงๆ บางคนเขารีบร้อนเหลือเกินที่จะลืม แต่ไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เรารีบร้อนให้ลืมน่ะมันกลับยิ่งฝังรากลึกลงไปในใจ เพราะอะไรรู้มั้ย?? เพราะว่า มันเหมือนกับ ตอกย้ำ สิ่งเหล่านั้นไงละ ลองคิดูนะว่า ถ้าเราอยากจะลืมคนๆหนึ่งที่ทำเราเจ็บปวด เราบอกตัวเองให้ลืมคนๆนั้น และบอกให้ตัวเองลืมเวลาที่เจ็บปวด ไปทุกๆวัน โดยที่ชื่อและความทรงจำในช่วงนั้นตอกย้ำลงไปเรื่อยๆ และทีนี้เราจะใช้เวลาในการลืมสิ่งที่ ไม่ควรจำ นานมาก สู้เราปล่อยไว้แล้วเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆที่เราสองคนเคยทำด้วยกัน...ตอกย้ำสิ่งนั้น และช่วงเวลาที่มีความสุขลงไปในใจ แทนเวลาที่เจ็บปวดและช่วงที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นระหว่างเราไม่ดีกว่าหรือ?? อืม...ใช่ถ้าคุณอยากลืมทั้งหมดเกี่ยวกับคนๆนั้นแม้ช่วงเวลาที่ดีก็ตาม จงปล่อยมันไปพร้อมกับกาลเวลาปล่อยมันไปเรื่อยๆ หาอะไรทำเวลาที่คุณว่างจะได้ไม่ต้องคิดอะไรที่ฟุ่งซ่าน แล้วอยู่ๆวันหนึ่งคุณเกิดอยากจะนึกถึงช่วงเวลานั้น ที่บางทีคุณอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ลองเอามานึกใหม่คิดใหม่ในอีกแง่มุมหนึ่ง แล้วคุณจะยิ้มและจะหัวเราะกับช่วงเวลานั้น คุณอาจจะพบว่าช่วงเวลาที่คุณคิดว่าทุกข์ที่สุดอาจจะกลายมาเป็นแค่เรื่อง จิ๊บจ้อย ที่ผ่านมาในชีวิตของคุณก็ได้ เพราะฉะนั้นกาลเวลาจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย ในการลืมเรื่องบางเรื่องถึงแม้จะใช้เวลานานก็ตาม... อา...ช่วงเวลายามบ่ายบนโต๊ะไม้ขัดมันแวววาว สมุติว่าคุณกำลังนั่งจิบโกโก้ร้อนๆและนั่งกินของหวานที่เป็นเค้กช็อกโกแลต หรืออาจเป็นของหวานอย่างอื่นที่คุณชอบ มีเพลงรักหวานซึ้งเปิดคล้อไปเบาๆบรรยากาศรอบตัวร่มรื่น และเผอิญมันมีสมุดใส่รูปสีชมพูวางอยู่บนโต๊ะข้างๆโต๊ะของคุณซึ่งว่างคู่อยู่กับไดอารี่สีฟ้า แล้วมันก็ดันกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของคุณเสียด้วยว่าข้างในนั้นเขียนอะไรบ้าง และในสมุดใส่รูปนั้นมีรูปของใครอยู่ คุณจะเลือกอะไรระหว่าง... สมุดใส่รูป...หรือ... ไดอารี่เล่มสีฟ้าน่ารัก แน่นอนว่าคุณต้องหยิบไดอารี่ก่อนแน่ๆ (หวังว่าเราคงเดาไม่ผิดนะ) เพราะคนส่วนใหญ่มักจะอยากรู้ความรู้สึกของคนอื่นมากกว่า คุณหันซ้ายแลขวาหวังลึกๆว่าเจ้าของไดอารี่นั้นคงจะไม่มาก่อนนะ แล้วเมื่อเห็นทางสะดวกคุณก็เดินไปหยิบและเปิดมันขึ้นมาที่โต๊ะของคุณ ตัวอักษรแรกที่ปรากฏอยู่ในสายตาคุณมันทำให้คุณแทบช็อก! พระเจ้าช่วย นี่มันคือไดอารี่ของเพื่อนในห้องนี่(หรือที่ทำงาน) และคนที่เขียนเขาก็เขียนถึงคุณด้วย! และแล้วต่อมความเห็นของคุณก็เพิ่มขึ้นทวีคูณ อยากรู้นักว่าข้างในนั้นจะเขียนว่าอย่างไร... คุณคิดว่าในนั้นจะเขียนว่าอะไรหืม... 1. ยัยนี่ต้องเขียนด่าเราแน่ๆ =_=^ 2. ไม่รู้สิ อ่านไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละแต่ถ้าด่าเรามีเฮแน่ๆ! ซึ่งอันนี้คนส่วนใหญ่มักจะคิดไปในทางที่ไม่ดีนัก มีบางอย่างที่ทำให้คนเหล่านั้นคิด อาจจะคือ...ความหวาดระแวง...และ...อคติ...เพราะส่วนที่อยู่ลึกๆในจิตใจของคนก็คือสิ่งเหล่านี้ ไม่มีใครหรอกที่ไม่มีความรู้สึกแบบนี้ เพราะคนเราไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ เป็นนางเอกหรือพระเอกในหนังน้ำเน่า แต่ที่คนเราเกิดมาไม่สมบูรณ์แบบนั้นเพราะ จะได้สร้างสีสันให้กับโลก โลกของเราต้องมีคนดี คนเลว ปะปนกันไปบ้าง ไม่มีประเทศไหนหรอกที่จะมีแต่คนดี อย่างน้อยล่ะในคน100คน ต้องมีสักสิบคนที่เป็นคนไม่ดี และคนหนึ่งแสนคนในสังคมต้องมีบ้างละที่เป็นคนไม่มีเงิน และคนตกงานปะปนไปในนั้นด้วย ไม่มีใครเป็มหาเศรษฐีหมดหรอก! หนึ่งในสิบอาจเป็นเด็กกำพร้า ห้าในสิบอาจจะเป็นคนที่สูญเสียคนที่รักไป แต่อีกเก้าในสิบอาจจะเป็นคนที่ครอบครัวพร้อม หรือไม่บางทีสิบสองในยี่สิบอาจเป็นครอบครัวที่แตกแยกก็ได้ จงจำไว้ว่าไม่มีอะไรที่เพอร์เฟคร์ไปเสียทุกอย่างหรอกนะในโลกนี้น่ะ ถึงแม้คนเราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเป็นได้ เราสามารถเลือกที่จะเป็นคนดีได้ เราสามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้ เอาละเรามาวกเข้าเรื่องไดอารี่สีฟ้าแสนน่ารักที่คุณกำลังจะได้อ่านกันดีกว่า บังเอิญจริงๆว่าสิ่งที่คุณคิดมันผิดถนัด คนๆนั้นเขาไม่ได้เขียนด่าหรือว่าคุณเลย เขามีแต่ชื่นชมคุณในไดอารี่นั้น คำพูดที่คนๆนั้นเขียนทำให้คุณยิ้มแป้นอารมณ์ดี แล้วในที่สุดคุณก็ปิดไดอารี่ลงด้วยหัวใจที่เบิกบานสุดๆ เมื่อคุณวางไดอารี่แล้วคุณก็หันไปยิบสมุดใส่รูปสีชมพูหวานแหว คุณค่อยๆเปิดมันออก รอยยิ้มของคุณเปลี่ยนไปจากที่ยิ้มด้วยความปลื้มปิติที่มีคนมายกยอเชิดชูคุณ เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนลง เพราะภาพที่คุณเห็นคือภาพของความทรงจำ ระหว่างคุณกับคนที่จากคุณไปแล้วคุณค่อยๆพลิกมันดูทีละหน้าอย่างเบามือ มีบางอย่างที่กาลเวลาลบมันออกไปแล้วในใจของคุณนั่นคือความเจ็บปวด คุณกำลังยิ้มหัวเราะกับภาพความทรงจำเก่าๆของคุณ ภาพเหตุการที่คุณคิดว่าคุณลืมมันไปแล้ว ภาพของความเจ็บปวดที่ดูแล้วมันไม่ได้สร้างความปวดร้าวให้คุณแม้แต่น้อย.... ถ้าเปรียบกาลเวลาเหมือนสมุดใส่รูป ความทรงจำก็เหมือนรูปที่ใส่อยู่ในสมุดบันทึกเล่มนั่นแหละ ลองหยิบมันขึ้นมาเปิดพลิกดูนะเพื่อคุณจะได้ยิ้มและมีความสุขกับมัน แม้บางรูปจะสีซีดไปหน่อยก็เถอะ เราต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร และ...เราเกิดมาเพื่อใคร P.S ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันเวลาที่ผ่านมา และกำลังจะมาถึงนะคะ
30 กันยายน 2549 09:21 น. - comment id 610522
วันเวลาผ่านไป ย้อนกลับไปนึกถึงตัวเอง แล้วหัวเราะพร้อมกับบอกว่า\"ทำไปได้\" อิอิ ขอบคุณในคำอวยพรค่ะ ขอให้คุณมีความสุขเช่นกันค่ะ
30 กันยายน 2549 12:39 น. - comment id 610590
กาลเวลาทำให้มีความทรงจำ และความทรงจำก็มีความรักปะปนอยู่ ... บางครั้งคิดเสียใจในสิ่งที่ทำแล้วอยากย้อนกลับไปแก้ไข แต่พอนานนานไป ก็รู้สึกดีแล้วที่ทำไปแบบนั้น เอาเป็นว่า ... กาลเวลานำพาทุกอย่างมาให้เรา และสะสมชั่วโมงบินทำให้หัวใจเราเข้มแข็งขึ้น แต่ทะเลใจคงจะยาก เพราะว่าชอบอ่อนไหวอยู่เรื่อย
21 มกราคม 2550 17:24 น. - comment id 648108
อย่าอ่านนะขอร้อง ความลับมาบอก เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เคยมีเด็กถูกฆ่าตายที่ห้องนำของภารโรง แต่ไม่สามารถหาต้นเหตุของคดีได้ จึงได้ปล่อยร่างไร้วิญญานของเด็กน้อยทิ้งไว้ ณ ที่เดิม ไม่มีการทำพิธีอะไรทั้งสิ้น วิญยาณของเด็กจึงล่องลอยวนเวียนอยู่ในรร. เป็นเวลาหลาย10ปี จนวันหนึ่งได้มีกลุ่มน.ร. หญิงเข้าไปในห้องนำนั้นเพื่อหวังจะแกล้งภารโรง จึงได้พบวิญยาณของเด็กน้อยกำลังไต่ไปตามเพดาน พร้อมแสยะยิ้มให้ พวกเทอกลัวมากรีบวิ่งออกจากห้องน้ำ แต่เพื่อนคนหนึ่งพลันไปเหยียบแอ่งน้ำที่พื้นเข้า จึงได้ล้มและไปสะดุดขาของเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้า เพื่อนคนนั้นได้จับแขนของอีกคนไว้จึงล้มกันมาเป็นทอดๆและหัวฟาดพื้นตายหมด วิญยาณของพวกเขาจึงวนเวียน ณ ที่แห่งนั้นตลอดไป จงส่งต่อไปอีก20 กระทู้ ภายใน 7ชม. ต่อแรกเราก็ไม่เชื่อหรอกแต่เพื่อนเราประสบอุบัติเหตุไปแล้ว 5คนตั้งแต่เรา บบบบ