แข็งขันทำมาค้าขาย หากินกันตาย โชห่วยเรียงรายหลายปี ไม่เคยคิดเบี้ยวภาษี ผ่อนจ่ายตามมี บางทีเศรษฐกิจซบเซา กระแสเปลี่ยนเวียนวนทนเอา ไม่คิดแบบเขลา ค้ายาตลบหลังหวังสบาย ต่างชาติตั้งตนอันตราย เข้ามามากมาย "เสียงตาย"เพราะประชาชื่นชม นอบน้อมทุนนอกทุนนิยม เห็นดีเหมาะสม เพาะบ่มการค้าเสรี อิสระเลือกในวิถี ของถูก-ของดี โลกนี้มีไหมที่ไหนกัน ปลุกผีต่างชาติโรมรัน จับมือกับมัน ผลักดันตอบสนองสังคม โชห่วยช่วยโห่คารม ทุนน้อยต้องตรม ค่านิยมแบบใหม่ไทยเจริญ
23 สิงหาคม 2549 09:43 น. - comment id 600543
สวัสดีครับ ในความเข้าใจของผม ถ้าผมซื้อของในร้านใหญ่ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นของๆไทย100%ก็ตาม ผลกำไรก็จะถูกปันออกไปนอกประเทศไปส่วนหนึ่ง ตรงนี้ผมคิดว่ากำไรนิดๆหน่อยๆจากผม ถ้ารวมกันหลายๆคราวก็น่าจะเป็นเงินเยอะอยู่ อย่างน้อยมันก็ไหลเวียนกลับเข้าสู่คนบ้านเดียวกันไม่ใช่หรือ แต่ทุกอย่างก็มีข้อดีของมันเหมือนกัน ผมยอมรับ สำหรับผม โชห่วย ไม่ได้เป็นตัวแทนของทั้ง วัฒนธรรมประเพณีไทย และ เศรษฐกิจไทย ดอกครับ แต่เป็นตัวแทนวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม(ซึ่งเป็นสิ่งดี)ต่างหาก อย่างที่คนในยุคนี้พยายามโหยหากันเหลือเกิน จนบางครั้งก็น่าหมั่นไส้ บางครั้งถูกถามว่า โชห่วย ทั้งหลายเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ และ เด็กในร้าน ได้รับสิทธิตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดหรือไม่ กฎหมายมีไว้เพื่อทุกคนครับ มิใช่เพื่อโอบอุ้มบางกลุ่มและกดหัวอีกกลุ่ม ฉันใดฉันนั้น ประเทศไทย ก็เป็นของคนไทยทุกคน ไม่สมควรถูกผู้ใดนำมาอ้างเพื่อปลุกปั่นสาธารณชนไปในทางของตน เมืองไทยเราใหญ่พอสำหรับคนนานาจำพวก ต่างๆความคิด (เหมือนดั่งที่เศรษฐกิจของเราโตพอสำหรับธุรกิจหลายๆประเภท ทั้งใหญ่และเล็ก) ก็ว่ากันไป..
23 สิงหาคม 2549 10:02 น. - comment id 600547
ที่อำเภอ.. ของกุ้งมีเซเว่นน่ะ ทุกสาขาจะฝึกมาให้ขายขนมจีบ+ซาละเปา เหมือนกันเลย.. ไปซื้อของใช้สตรี แล้วรับซาลาเปาเพิ่ม มันเข้ากันไหมเนี่ย..ถามจริง... แหะ แหะ :)
23 สิงหาคม 2549 10:31 น. - comment id 600554
สวัสดีครับ..คุณกุ้งหนามแดง แปลกมั้ย อำเภอผม เซเว่น ไม่กล้ามา มีแต่ที่เชียงดาว ข้ามอำเภอผมไป และไปตั้งที่ฝางตั้ง 2 แห่ง อุอุ..ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ผมว่า เซเว่นผมต่างกับบ้านคุณกุ้งนิดนึง ของผม \"อู้กำเมือง\" ได้โตย อิอิ
23 สิงหาคม 2549 11:12 น. - comment id 600573
พ่อกับแม่เลี้ยงชีวิตและส่งเสียลูกๆ ด้วยร้านโชห่วยมาเป็นเวลากว่าสามสิบปีแล้ว แดดเช้าก็เกิดมากับร้านโชห่วยเนี่ยแหละค่ะ ยังโชคดีที่อยู่ในซอย และรู้จักคุ้นเคยกับคนในซอยมาเนิ่นนาน เขาไม่ต้องออกไปไหนไกล ไม่ต้องเดินออกมาถึงปากซอยไปตลาด เขาก็แวะมาซื้อของที่บ้านเรา คนในซอยเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ทำงานโรงงาน และบางคนก็เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน คนเฒ่าๆ แก่ๆ ก็ไม่ต้องเดินไกล อยากได้อะไรก็มาที่บ้านเรา เด็กๆ วิ่งมาซื้อขนม มาเล่นกับแดดเช้า ... ยายเสิดไม่ต้องซื้อผัก ปลูกผักแล้วก็เอาผักมาแบ่งให้ที่บ้าน บ้านแดดเช้าก็มีเครื่องทำน้ำพริกทุกอย่าง ไม่ต้องออกไปซื้ออะไร ก็ตำน้ำพริกแล้วแบ่งไปให้แกกินคลุกข้าวได้สองสามมื้อ ร้านโชห่วย ... ในซอยยังดีอยู่ค่ะ แต่แม่เหนื่อยเหลือเกิน แดดเช้าว่าถ้าแดดเช้าทำงานเก็บเงินได้สักก้อน ด้วยธุรกิจของแดดเช้าเอง แดดเช้าจะเปลี่ยนบ้านให้เป็นเหมือนมินิมาร์ก แม่จะได้ไม่ต้องเดินหยิบของ มีเค้าท์เตอร์คอยนับตังค์ แต่พ่อของแดดเช้าเป็นคนแก่ ชอบเก็บของมาตอกๆ ทำอะไรเองซะเรื่อย และไม่ค่อยยอมเปลี่ยนแปลง ตรงนี้เป็นปัญหานิดหน่อย แต่ถ้าเป็นเงินของแดดเช้าเอง วันนึง แดดเช้าต้องปรับปรุงร้านได้ พ่อคงไม่กล้าขวางอีก คนจีนนี่ก็ประหยัดเนาะ ... เก็บไม้ เก็บอะไรต่ออะไร แล้วมาตอกๆ มีแต่ของเก่าๆ แทนที่บ้านจะดูดี ก็เลยดูโทรม แต่ไปขวางท่านไม่ได้อีก ท่านก็บอกว่า ท่านมีศิลปะ เหอะๆ เปรอะไปทั้งบ้านเลย ต้องปล่อยไป ความสุขของคนแก่ที่อยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่อยากจะไปจ้างคนอื่นทำ ไม่อยากจะซื้อของใหม่มาทำ ก็เข้ามาเล่าให้ฟังค่ะ ... ในฐานะที่เกิดและโตมาเพราะร้านโชห่วย และมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะร้านโชห่วย เป็นร้านที่สร้างสัมพันธภาพกับชุมชนได้ดีที่สุดเลย รู้ความเป็นไปของแต่ละบ้าน และหลายๆ คนจะมาพบปะกันที่หน้าบ้านเรา เมื่อก่อนขายกาแฟโบราณ ก็มีคนมากินกาแฟ คุยกัน เดี๋ยวนี้เลิกขาย ก็มีชมรมพระเครื่องมาแลกพระกันที่หน้าบ้านเป็นเดือนแล้วน่ะค่ะ บ้านเลยไม่เคยเงียบเลยสักวัน แวะมาคุยกันค่ะ : )
23 สิงหาคม 2549 12:13 น. - comment id 600606
รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มไหมค่ะ..ไม่รู้จะถามทำไม..วันนั้นไปซื้ออีโนกะมีดโกน... ...สบายดีนะน้องชาย..ที่แม่แตงก็คัดค้านเรื่องนี้กันอยู่ครับ...
23 สิงหาคม 2549 12:26 น. - comment id 600632
ทุกอย่างลงตัวในที่แห่งเดียว ประหยัดน้ำมันรถค่าเดินทางและอะไรๆหลายอย่าง รวมทั้งประหยัดน้ำใจคนด้วยไง จริงไหมท่าน
23 สิงหาคม 2549 12:50 น. - comment id 600655
23 สิงหาคม 2549 13:07 น. - comment id 600666
สวัสดีค่ะ พี่พันเก้า ที่ จังหวัด บ้านบัวยิ่งแล้วใหญ่ค่ะ เป็นจังหวัดเล็กๆด้วยค่ะแต่มี โลตัส เซเว่น โลบินสัน แล้วตอนนี้แถมบิ๊กซี เข้าไปอีก ร้านโชห่วยในตลาดเงียบไปเลยค่ะ แต่พอไปดูเข้าจริงๆแล้วของซื้อตามตลาด จะถูกกว่าด้วยซ่ำไปซึ่งของก็เหมือนกันแท้ๆ แค่ได้ชื่อว่าซื้อมาจากห้างเท่านั้นเองค่ะ แต่ที่บ้านบัวไม่กระทบค่ะเพราะขายของที่ทำให้บ้านสวยเลยสบายไป มีงานทั้งปี แต่เหนื่อยค่ะ เพื่อนบัวบอกว่าที่เชียงใหม่ฝนตกตลอดหรือค่ะถ้าพี่พันเก้าอยู่ที่นั้น ก้อระวังตัวนะค่ะ ดูแลตัวเองดีๆค่ะ เพราะบัวยังต้องการอ่านสิ่งดีๆจากพี่อยู่ค่ะ
23 สิงหาคม 2549 13:54 น. - comment id 600671
... โลตัสเหรอ ครับ เดินสบาย แอร์เย็น ที่จอดรถเยอะ ดีทุกอย่าง ไม่ดี อยุ่อย่างเดียว เงินเข้ากระเป๋าฝรั่งมันเกือบหมด จ่ายไป 100 นี้ เข้าเป๋าฝรั่งไปแล้ว 90 อีก 10 ที่เหลือจ่ายคืนมาให้คนไทยไว้จ้างยามเฝ้าห้างให้มัน ...
23 สิงหาคม 2549 15:22 น. - comment id 600691
ร้านโชห่วย ร้านขายของชำ ร้านขายของเบ็ดเตล็ด .. จนกระทั่งวิถีการตลาดเปลี่ยนไปตามยุคโลกาภิวัฒน์ ห้างสรรพสินค้าเริ่มมีบทบาทเข้ามา ตอนอัลมิตรายังเล็ก การที่มีโอกาสได้ไปเดินฉ่ำแอร์ที่เซ็นทรัลสีลม เป็นอะไรที่เรียกว่าตื่นเต้นมาก ๆ แทบจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจกันข้ามวันข้ามคืน นอนไม่หลับ .. อยากให้ถึงเวลาเร็ว ๆ ทั้งที่อัลมิตราไม่ได้คิดจะไปจับจ่ายซื้อหาสิ่งของใด ๆ เพียงแค่ได้ไปเห็นบรรยากาศในห้างก็พอใจแล้ว แต่ความสำคัญของข้าวของต่าง ๆ ในบ้าน ล้วนมาจากร้านโชห่วยทั้งนั้น ก็ร้านค้าในละแวกบ้านนั่นล่ะ จนกระทั่งอัลมิตราเติบโตขึ้น ได้มีโอกาสศึกษาวิชาทางการตลาด ซึ่งในขณะนั้น การขายก็ได้ขยับขยายตาม ห้างเริ่มมีมากกว่า ห้างเซ็นทรัลและห้างไทยไดมารูและโรบินสันที่รู้จัก .. เรียกได้ว่าเป็นทศวรรษทองของห้างสรรพสินค้าเลยทีเดียว ซึ่งในขณะนั้นอัลมิตราก็มีโอกาสฝึกงานในห้างสรรพสินค้าในภาคบ่ายพร้อมกับเรียนในภาคเช้าไปด้วย แต่อัลมิตรากลับมีความรู้สึกว่า อัลมิตราไม่ค่อยถนัดงานในด้านนี้เลย มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกระแสต่อต้านนิด ๆ ในตัว อัลมิตราไม่ชอบอะไรที่ปรุงมากนัก นี่ก็คงจะเป็นเช่นนั้น สิ่งละลานที่เห็นว่าสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นการจัดดิสเพย์ในตู้ หรือกระทั่งในบู๊ธสินค้าก็ตามแต่ ก็เคยมีบ้างเหมือนกันที่คิดทบทวนแล้วทบทวนอีกว่า ทำไมสินค้าแต่ละชิ้น ราคาจึงสูง ต่อให้ลดราคากระหน่ำเซลล์ก็เถอะ ล้วนแต่มีกำไรทั้งนั้น มันยิ่งทำให้ความรู้สึกไม่ไว้วางใจในห้างสรรพสินค้า มีมากกว่าเดิม อาจเป็นเพราะ อัลมิตรามองตนเองเป็นผู้บริโภค ไม่ได้มองตนเองเป็นฝ่ายขาย คงเป็นความแปลกในเส้นทางชีวิตของอัลมิตรา ที่พลิกผันตลอด จากเริ่มต้นการศึกษาที่เลือกสายวิชาชีพอื่น และมาเรียนต่ออีกสาย จากนั้นก็มาทำงานอีกอย่าง คนละเรื่องเดียวกัน แต่ทั้งหมด ก็ไม่ได้ทำให้อัลมิตราหลุดพ้นจากวัฏจักรการขายได้เลย ทุกวันนี้ยังคงคิด ยังคงวางแผน และดำเนินการทุกอย่าง เพื่อให้ได้ยอดขาย ซึ่งเป้าหมายหลักก็คือห้างสรรพสินค้า รองลงมาก็คือร้านค้าที่เป็น discount store แต่ก็ไม่ใช่ว่าร้านค้าโชห่วยจะถูกทิ้งให้ค่อย ๆ ตายไปจากตลาดการขาย มีโปรเจคใหญ่โปรเจคหนึ่งที่อัลมิตราได้ลงมือทำไปราวสามปี โปรเจคนั้นส่งผลโดยตรงร้านค้าโชห่วย หรือร้านค้าระดับรากหญ้า ทั้งนี้ก็เนื่องจากนโยบายที่ได้รับมา เป็นนโยบายที่ผู้บริหารคำนึงถึงร้านโชห่วยโดยตรง ทุกครั้งที่อัลมิตราได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยว บางครั้งก็ได้เห็นผลงานของตนเองตามแหล่งชนบทต่าง ๆ ก็เคยบ้างนะ ที่เข้าไปซื้อของ และพร้อมกันนั้นก็ได้สอบถามอะไรบางอย่างจากเจ้าของกิจการ หลาย ๆ อย่างที่ได้รับฟังมา ล้วนแต่สื่อให้เห็นว่า รูปแบบของการตลาดได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งในแต่ละสภาพของแต่ละร้านค้าโชห่วยนั้น จะทำอย่างไร เพื่อให้ยืนหยัดอยู่ได้ คงต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจจากหลาย ๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของผู้จัดจำหน่ายสินค้าให้อีกทอด หรือลูกค้าที่ควรปรับทัศนคติในการเลือกซื้อสินค้า กระทั่งร้านค้าโชห่วยเองก็ควรมีพัฒนาการให้ดูดี สร้างบรรยากาศในการจับจ่ายให้สะดวกสบายมีสินค้าหมุนเวียนไม่มีฝุ่นหยักไย่จับเขรอะหรือหมดอายุ ทุกอย่างมันมีวงจร มันไม่ได้เกิดจากจุด ๆ เดียวแล้วขยายใหญ่ ... สำหรับความรู้สึกของอัลมิตรา ยังคงคุ้นชินกับร้านค้าโชห่วย แต่ทว่าแถวบ้านของอัลมิตรา ทุกอย่างถูกปรับเปลี่ยนกลายเป็นมินิช็อปไปเสียหมด ทำให้โอกาสในการจับจ่ายเปลี่ยนไป ท้ายนี้ก็ได้แต่หวังว่า ร้านรากหญ้า ร้านโชห่วย จะพลิกฟื้นกับมาสู่ตลาดการขายอีกหนหนึ่ง
23 สิงหาคม 2549 15:50 น. - comment id 600715
ความคิดของคนเปลี่ยนไปตามเวลาค่ะ สิ่งไหนเข้ามาแล้วสะดวกสบายก็ยอมรับกันง่าย
23 สิงหาคม 2549 17:51 น. - comment id 600822
คนไทยส่วนหนึ่งถูกแย่งอาชีพ นับวันจะทำมาหากินฝืดเคืองลงไปทุกขณะ รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครมองเห็นความสำคัญเท่าไหร่ คนไทยเริ่มกลายพันธุ์ไปแล้วมั้ง
23 สิงหาคม 2549 18:26 น. - comment id 600848
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก..ตามกระแสโลกา.. ขัดขืนไม่ได้หรอกครับ ..มีแต่ต้องปรับตัว ผมไม่ได้พูดเองนะ...จับความจากที่ผู้นำเค้าชอบพูดบ่อยๆ ถ้าจะซื้อของที่ตามรูปน่ะ...ดูฉลากหมดอายุให้ดีนะครับ.. ที่นี่ชอบมั่วนิ่ม..
23 สิงหาคม 2549 19:20 น. - comment id 600862
23 สิงหาคม 2549 22:53 น. - comment id 600921
เริ่มเข้าสู่ทุนนิยมเต็มตัวแล้วครับ ..ประเทศไทย
24 สิงหาคม 2549 10:34 น. - comment id 600999
สวัสดีครับ..พี่ชาย ผมติดกาแฟเย็นเซเว่นน่ะพี่ ไม่รู้พี่เคยได้ยินไหมเมื่อนานมากกกกแล้ว นินทาตรงนี้โดนจับเปล่าเนี่ย ตอนผมเรียนนะ จะซื้อกาแฟเย็นที่เซเว่นหลังมอกิน ตอนนั้นผมอยู่หลังกาดพยอมอะ เขาว่ากาแฟที่นี่มียา_ อะนะ กินแล้วตาแข็ง อ่านหนังสือได้ทั้งคืน จริงไม่จริงไม่รู้นะ เพราะผมกินกาแฟทีไรผมก็หลับสบาย.. .................. จริงครับท่านไรไก่..อิอิ ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมัน อย่าโหดกับผมหน่อยเลย น้ำใจไม่ต้องประหยัดก็ได้ครับ.. ............................ สวัสดีครับ..คุณมอมแมม มายิ้มหวานก็ดีใจแล้วอะครับ ........................... เดี๋ยวมาต่อครับ สักครู่
24 สิงหาคม 2549 10:16 น. - comment id 601002
สวัสดีครับ..คุณแดดเช้า เพิ่งทราบว่า คุณอยู่ในครอบครัวคนจีนนะครับ แต่ก่อนค่านิยมหรือเปล่าที่อยากให้ลูกรับราชการ มันมั่นคงอะไรทำนองนั้น ครอบครัวผมก็ครอบครัวข้าราชการครับ เรื่องค้าขายไม่มีในหัวเลย น้องๆ ผมก็รับราชการหมด การเลือกเรียนและการทำงานของผม มันก็แหกคอกมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ จะไปทำงานกินเงินเดือนก็แปลกๆ อยู่ พ่อแม่ก็เคยกลุ้มอกกลุ้มใจกับความไม่มั่นคงตรงนี้ แต่เราก็เอาตัวรอดมาได้ เลี้ยงตัวได้ แม้นจะดูเหมือนไม่มีเกียรติ ซึ่งก็ไม่รู้เขาวัดกันตรงไหน มีเงินไม่มีเกียรติ มีเกียรติไม่มีเงิน หรือไม่มีทั้งเกียรติและไม่มีทั้งเงิน ที่สำคัญก็อยากมีมันทั้งสองอย่าง แต่เราก็เคารพเกียรติที่เรามีอยู่เสมอๆ แต่อย่าเพิ่งไปหวังว่าคนที่จะมาร่วมชีวิตเขาจะคิดเหมือนเรานะ คนละเรื่อง อิอิ ร้านผมเล็ก ถึงเล็กมาก แต่อยู่ในโซน เซ็นเตอร์จ๊าบ เจริญสุดในอำเภอ เป็นทั้งสภากาแฟ การเป็นคนค้าคนขาย เหมือนกับต้องรู้เรื่องชาวบ้านไปซะทุกเรื่อง เรื่องดีที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ กับเรื่องไม่ดีที่คนสนใจก็ว่ากันไป แต่ก็เป็นบรรยากาศชุมชนที่ยังรู้สึกดีอยู่เยอะ แต่ถ้าทำตัวไม่ดี ก็ไม่น่าอยู่เท่าไรคุณว่ามั้น เพราะคนมันรู้จักกันหมดอะนะ การเอื้ออาทรแบบหนึ่งก็คือการแปะสินค้า อิอิ ไม่ค่อยอยากให้แปะเท่าไรเลย แต่ก็มีบ้าง มันเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีเช่นกัน ผมอาจจะโชคดีหลายๆ เรื่อง เราเป็นคนต่างถิ่น แต่มาอยู่ เขาก็ต้อนรับ มาอุดหนุนกันเป็นประจำ ที่สำคัญ ได้กินผลไม้ตามฤดูกาลอยู่เนืองๆ ป้าๆ ใจดีเยอะ คนใจดีเยอะครับ มีปีนึงที่ราคาลิ่นจี่ตกต่ำมาก ขนาดเอาไปคว้านในโรงงานนะครับ เบอร์โอที่ใหญ่สุด ดีสุด ยังได้กิโล 2 บาท เซ็งอะ ปีนั้นผมก็จะกินลิ้นจี่เป็นกระสอบ จนต้องสั่งพวกน้องๆ ที่บ้านมีสวนลิ้นจี่เลยว่า เฮ่ย! ถ้ารักกันจริง อย่าเอาลิ้นจี่มาฝากนะว้อย กินจนท้องเสียเลย และแถวบ้านผม ใครกินลิ้นจี่กระป๋อง เหมือนมีความผิดชอบกล จะมีสายตาประหลาดๆ ส่งมา เฮียกินเข้าไปได้ยังไง..ฮ่า ฮ่า ฮ่า และอย่าหวังว่า ผลไม้กระป๋องมาลี ร้านผมจะขายดีนะ อย่าบังอาจเอาวางขายเชียว อัธยาศัยคนทางนี้ ยังเจือด้วยมิตรภาพอยู่เยอะ อาจเป็นเพราะการแข่งขันไม่สูง เขามีพออยู่พอกิน ไม่ดิ้นรนมาก ในทางกลับกัน มันดูไม่กระตือรือร้นก็เป็นได้ และให้สังเกตได้เลยว่า เจ้าของกิจการที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่นกว่า90% เลยครับคุณ ตอนนี้นะ ห้างใหญ่มากว้านซื้อที่ ได้ที่หน้าโรงเรียนรังษีฯ หน้าสถานการศึกษา พวกพ่อค้า โชห่วยเล็กๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย ผมน่ะ อาจจะดึกดำบรรพ์มากไปหน่อย แต่ก็พอจะเข้าใจว่าอะไรมันต้องเปลี่ยน เพียงแต่ไม่ค่อยอยู่เฉยๆ เหมือนใครเขา สรุปว่า ต้องทำใจ...ต้องทำใจ...ต้องทำใจ ไว้ผมมาคุยต่อนะครับ เดินไปเดินมา รู้สึกเนื้อความเริ่มไม่ต่อเนื่อง เพราะสมาธิชักแตก ขอบคุณครับที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น
24 สิงหาคม 2549 11:15 น. - comment id 601004
เข้ามาโม้ต่อนะคะ คุณร้อยแปดพันเก้า ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอกนะคะที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ... แดดเช้าก็เป็นแบบคุณนี่แหละ ถึงแม้ห้างสรรพสินค้าจะอำนวยความสะดวกให้คนในสังคมได้มาก แต่ทำให้ความมีวิถีชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติเสื่อมลงเรื่อยๆ คนจะห่างไกลธรรมชาติ แม้แต่ธรรมชาติของคนด้วยกันเอง และคนจะอดทนกับความลำบากได้น้อยลง ... สังเกตว่า คนไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตจะซื้อของแพ็คใหญ่ๆ และมีของแถมล่อใจ แต่คนที่ซื้อของที่บ้านของแดดเช้า เขาจะซื้อตามกำลังเงิน ผงซักฟอกห่อละ 5-10 บาท สบู่ก้อนละ 10-20 บาท และก็มาซื้อได้บ่อยครั้ง มีปัญหาอะไรเปลี่ยนได้ คุยได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าคุณไปซื้อของหมดอายุที่ห้างสรรพสินค้า กระบวนการเปลี่ยนสินค้าจะยุ่งยากมากกว่าซื้อของร้านโชห่วย คนจีนถึงนิยมให้ลูกรับราชการเพราะว่า เป็นการเลี้ยงชีพที่มั่นคง ไม่ต้องมาลำบาก เพราะการค้าขายเป็นของไม่แน่นอน เป็นงานที่รายได้ไม่แน่นอน ถ้าขยัน ก็ได้เยอะ ถ้าไม่ขยัน ปิดร้านบ่อยๆ ไม่ขวนขวาย ก็ต้องขาดรายได้ในแต่ละชั่วโมง แต่ละวันไป การรับราชการสมัยก่อน เป็นการได้รับเงินเดือน สิ้นเดือนก็ได้รับแน่ๆ อยู่แล้ว เงินในแต่ละเดือนก็เห็นๆ อยู่ว่า จำนวนเท่าไหร่ ไม่ต้องมาวุ่นวายนับ มาตรวจสอบต้นทุน กำไร ขาดทุน หรือหาสินค้าตัวไหนมาขายบ้าง ตัวไหนขายดี ตัวไหนขายไม่ได้ ตัวไหนเอาเงินไปจมต้องรอเวลา จะใช้จ่ายอะไรแต่ละครั้งก็ต้องคำนวณแล้วคำนวณอีกว่า ได้มาแค่ไหน ควรใช้แค่ไหน ถึงจะได้ต้นทุนคืน กว่าจะถึงจุดคุ้มทุนก็ต้องอดทนและใช้เวลา ... แดดเช้ากลับมาอยู่บ้าน 1 ปีแล้ว พ่อนอนแต่หัวค่ำ ตื่นตีสอง เปิดร้านตีห้า บางทีตอนเช้าๆ นักเรียนมาพิมพ์งาน ถ่ายเอกสารก่อนไปโรงเรียน พ่อก็ต้องปลุกให้แดดเช้าตื่นตั้งแต่หกโมงเช้ามาทำงานให้ลูกค้า จะปิดบ้านแต่ละทีเพื่อไปธุระ ... ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ลูกค้าก็ไม่อยากให้ปิดนัก เพราะเขาต้องเดินไกล ไม่มีอะไรสะดวกสบายเท่ากับร้านโชห่วยอีกแล้วค่ะ แดดเช้าว่าอย่างนี้นะ จะให้คนแก่ๆ เดินไปห้างสรรพสินค้าที่กว้างใหญ่ มีของให้เลือกมากมาย คนแก่ก็คงเดินไม่ไหว เขาอยากอยู่อย่างสงบๆ ที่บ้านมากกว่า เลี้ยงหลานตัวเล็กๆ ไป แต่ภาพเหล่านี้กำลังจางหายไปค่ะ .. กำลังถูกกลืน กลัวแต่ว่า สักวันประเทศไทยจะไปเหมือนสิงคโปร์ที่ไม่มีชนบท เป็นประเทศที่มีแต่สังคมเมือง ถึงวันนั้นมาถึง ... อาจจะดีก็ได้ และแดดเช้าจะได้อ่านงานแนวของคุณร้อยแปดพันเก้าอีกหรือเปล่าไม่รู้เนาะ เพราะคนจะไม่มีใครคิดในเรื่องเหล่านี้ ตลาดนัด ... นี่ก็ดีนะคะ ตลาดนัดสะท้อนวิถีสังคมแบบไทยๆ เยอะเลย สมัยที่พักอยู่ที่อนุสาวรีย์ บางเขน มีตลาดนัดทุกวันอังคาร กับวันพฤหัส ยังได้กินขนมจีนแป้งหมัก จานละ 10 บาท มีของจากต่างจังหวัดมาขายเยอะ ข้าวหอมมะลิใหม่จากสุรินทร์ หุงกินแล้วก็เหนียวหอมดี เพราะข้าวมียาง เอามาต้มข้าวต้มยิ่งอร่อย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ... มีค่ามากกว่าสินค้าแพ็คๆ ในห้างสรรพสินค้าอีก เพราะว่า ได้เข้าถึงจิตวิญญาณของผู้ผลิต ดีใจจัง ... ที่คุณร้อยแปดพันเก้า มีสำนึกที่ดีเกี่ยวกับสังคมในมุมมองนี้ มุมมองที่คนกำลังจะลืม และไปไขว่คว้าความสะดวกสบาย แอร์เย็นๆ สินค้าแพ็คเรียบร้อยแล้ว วางขายแล้ว ไม่รู้จักกระบวนการผลิตว่า แท้จริงมาจากไหน และสินค้าเหล่านี้ผ่านกระบวนการอะไรมาหลายขั้นตอนมากกว่าสินค้าในร้านโชห่วยอีก แดดเช้าคิดว่า แดดเช้าโชคดีค่ะ ... อาจจะนอกคอกไม่เหมือนลูกๆ คนอื่นๆ ของพ่อแม่ที่ไปรับราชการกันหมดแล้ว ทั้งน้องสาวและน้องชาย ที่พวกเขาดูเหมือนประสบความสำเร็จในสายตาของญาติๆ แต่แดดเช้าเลือกที่จะทำอาชีพอิสระ แม้จะไม่มีอะไรแน่นอนก็ตาม แต่ได้เรียนรู้อะไรต่ออะไรในมุมมองที่ถูกมองข้ามเหล่านี้ ถือว่า คุ้มค่ากับการที่เกิดมาเป็นคนๆ หนึ่งในสังคมไทย ถ้ามีแนวทางพัฒนาสร้างสรรค์ได้ ก็จะทำตามจังหวะเวลาที่เหมาะสมค่ะ ขอบคุณค่ะ .. คุณร้อยแปดพันเก้า
24 สิงหาคม 2549 11:25 น. - comment id 601007
สวัสดีจ้ะ น้องบัว สงสัยพี่จะบ่นเป็นคนแก่ไปแล้ว คือมันเป็นภาระหน้าที่ที่ต้องอยู่กับมันทุกวัน ต้องคุยกับคนทุกวัน กลับบ้านก็เหนื่อยมาก ไม่อยากคุยกับใครอีกแล้ว นอกจากเล่นกับลูกชายสามตัว ตอนนี้เขาหายเป็นขี้เรื้อนแล้ว ทำขายหน้าจริงๆ เป็นขี้เรื้อนซะได้ นี่ก็ฤดูที่พี่ต้องฉีดยากันเห็บอีกแล้ว หาเงินไว้ให้เจ้าสามตัวนี่กินนะเนี่ย ร้านน้องบัว ขายเฟอร์นิเจอร์หรือเปล่าคะ หรือของตกแต่งบ้าน มีอะไรน่าสนใจบ้าง เล่าให้พี่ฟังบ้างสิ อีกอย่างนะ พี่ชอบแต่งสวน เพราะที่บ้านพี่มีที่เหลือพอสำหรับต้นไม้ที่ชอบ ดอกไม้ที่ชอบ ส่วนใหญ่จะสีขาว แปลกออกมาหน่อยก็จะโพทะเลที่ชอบออกเดือนตุลา และ เหลืองปรีดิยาธร ที่ช่วงนี้ลำต้นใหญ่ขึ้นมากแล้ว หน้าฝนนี้ ต้นไม้แตกดอกออกช่อ หญ้าก็ชุ่มชื่น ไม่ต้องเปิดสปริงเกิ้ล เพื่อรอดูสีรุ้งแทนหลังฝนตกจริงๆ หน้าฝนนี้ น้ำทำท่าจะท่วมหลายรอบแล้ว เผอิญ เทศบาลมีการลอกลำเหมืองมาอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นช่วงหาเสียงด้วย ประจวบเหมาะอะนะ แต่ก็ดี เพราะท่วมทีเดือดร้อนกันเป็นลูกโซ่ ไม่อยากให้เกิด ช่วงนี้ เมืองน่านก็แย่หน่อย น่าเห็นใจ พี่สบายดีค่ะ ขอบใจมากที่ไถ่ถามอยู่เสมอ น้องบัวก็ดูแลตัวเองด้วยละกัน พี่ก็จะพยายามเขียนกลอนมาคุย ถ้าไม่ยุ่งมากนัก เขียนช่วงทำงานนี่แหละ ได้ทีละบทนะครับ ไว้เอามาคุยกับสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยสักชีวิตเดียว แต่คุยกันเหมือนคนคุ้นเคย และมันก็ได้รับความสุขกลับไปทุกครั้ง .................... หวัดดีครับ น้องเก็น เอาน่านะ มนุษย์ก้อยากสบายมั่ง เป็นไรไปเล่า อย่างน้อยผมก็ได้ไปนั่งกินสุกี้เอ็มเคไง เห็นแก่กินเช่นกัน เพราะยังไงโลตัสก็มาอยู่ดี แต่ร้านสุกี้ที่ผมถ่อไปกินที่เมืองฝางจะขาดรายได้จากผมไปบ้างเป็นครั้งคราว ก็จะฝืนกระแสทำไม อุอุ เศร้าจังฮู้
24 สิงหาคม 2549 12:10 น. - comment id 601010
สวัสดีครับ..คุณอัลมิตรา (ที่รักขอใครไม่รู้) เอาน่านะ ตามอารมณ์กลอน ขออนุญาตพี่บินฯแล้ว ล้อเล่นนิดหน่อย อย่าคิดมากละกัน เพราะ เห็นกันแต่ในรูป ที่เหลือ จินตนาการตามอักษรา บอกตามตรงเลยคุณ กลัวการได้ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯมาก เพราะความที่เชย และ ไม่ค่อยทันคน ไปไหนมาไหนเงอะๆ งะๆ ขนาดไปรับปริญญาน้องสาวที่ม.เกษตรฯ ที่ผ่านมา ขับรถวนหาที่จอด หาที่กินอยู่นาน บ้านญาติผมก็อยู่หมู่บ้านนนท์นคร เลยออกไปนิดเดียว ดูเหมือนใกล้ แต่รถติด ทั้งๆ ที่ คนกรุงเทพฯ บอกว่า รถไม่ค่อยติด หมายความว่ากระตุกไป กระตุกไป เมื่อยเป็นบ้า ไปวนรถตรงแครายอีก นัดใคร มันก็ไม่ออกมา มันไม่ค่อยเห็นแก่กินหรือไงไม่ทราบ จะขี่มอร์ไซต์เหมือนเชียงใหม่ ก็น่ากลัววุ๊ย ขับผลาญน้ำมันเล่นไป ไม่มีธุระผมไม่ไปเด็ดขาด นี่คงอีกนานกว่าจะเข้ากรุงเทพฯอีก มาอ่านผมโม้ต่อ เมื่อเช้านี้ผมโม้ให้คุณแดดเช้าไปรอบแล้ว ผมก็สงสัยว่า เมืองผมเล็กนิดเดียว ทำไมเห็นอะไรมากมายปานนั้น หรือว่าวงการมันต้องรู้จักกันหมด ไม่ว่าจะ ปั๊ว ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว แต่เครดิตผมดี จ่ายเงินตรง ขายก่อนจ่ายทีหลัง เช็คไม่ติดสปริง ไว้ใจได้ เลยไม่ติดขัดเรื่องซื้อหรือสั่งของมาขาย เพราะบางทีเงินสดในมือไม่มาก ทุนไม่มาก แต่ก็เอาตรงนี้มาก่อนได้ คุยกันได้ ค้าขายมาสิบปีนี้ก็ไม่ค่อยสะดุดอะไรมากนัก ร้านผมก็อยู่ปากซอย เป็นทางขาขึ้นไปเชียงราย เป็นทางเส้นเดียวที่ไม่ว่าใครจะไปจะมา มันต้องผ่านบ้านผมอยู่แล้ว ร้านติดๆ กัน เผอิญตึกแถวที่อยู่ เพื่อนบ้านก็ดีครับ ฝากบ้านได้เวลาไปไหนนานๆ ไม่เหมือนกับในเมืองหลวงที่ต้องฝากบ้านไว้กับขโมย ผมเลยชินกับสภาพที่พึ่งพาอาศัยกันอยู่ค่อนข้างมาก เพราะแต่ก่อนอยู่ในตัวเมือง ต่างไม่ค่อยสนใจกันเท่าไร หรือเพราะผมไม่ค่อนสนใจใคร แต่คุณอาจจะไม่ชอบที่นี่มาก คือต้องปรับใจให้ชินในเรื่องที่เขาถามเหมือนกัน ถ้าโสด เขาก็ถามว่า ทำไมไม่แต่งงาน หรือ แต่งงานแล้วก็จะถามว่า ทำไมไม่มีลูก แรกๆ คุณอาจอึกอัก ถามทำไมว๊า ...แต่ต่อไปอาจชิน เหมือนถามว่า กินข้าวหรือยัง กินกับอะไร เย็นนี้ทำอะไรกิน ..โอ้ อัธยาศัยมาก แต่อย่าคิดมากนะ เพราะมันไม่ได้รบกวนความเป็นตัวตนเรามากหรอก จากที่ผมไม่ค่อยพูด ผมก็ต้องยิ้มพูด และตอบ เพราะก่อนหน้านี้ ผมก็ต้องพาใครต่อใครที่ไม่คุ้นสักนิด พาไปเที่ยว พาไปเอนเตอร์เทน มันต่างกับไปหัวหกก้นขวิดกับเพื่อนเป็นไหนๆ แต่ตอนนั้นทำเพื่อเงินครับ เพราะมีภาระส่งน้องเรียน ต่างกับตอนนี้ มีเจ้าสามหน่อมาช่วยกิน และก็แค่เลี้ยงตัวเอง พอเพียงแบบไม่อัตคัตด้วย เมื่อความเปลี่ยนแปลงเข้ามาสู่อำเภอ มันก็ต้องยอมรับในด้านหนึ่งล่ะครับว่า มันเป็นความเจริญ ตามที่เขาบัญญัติคำนี้ไว้ใช้ และทำความรู้จักกับมันซะ เผลอไปทักทายกับความเจริญเข้า มันก็เข้ามาเรื่อยๆ เพราะเรายอมรับมันไปโดยปริยายตั้งแต่เมื่อไร ไม่รู้ตัว ประหลาดใจตัวเองนัก และจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนตัวตนจาก\"ลมลึกดึกดำบรรพ์\" เป็นลมคิมหันต์ผันผ่านตามฤดู เข้าใจนะครับว่าผมอยากบอกอะไร ผมต้านทางความคิด แต่มันเหมือนทุกอณู มันมีการเมืองเข้ามาแทรกตลอดเวลา ทั้งที่ผมก็พยายามจะแยกแยะ แยกตัว แต่ก็เหมือนไม่ได้ผล โชห่วย ของผม ไม่ได้โชอะไรห่วยๆ ออกไปนะ ก็คิอซะว่า เขาอยู่ได้ ผมก็ต้องอยู่ได้เช่นกัน อยู่ให้มีความสุขให้ได้ด้วย เอาไว้คุยกัน จะไปเช็คหนังสือก่อนครับ หลงกลมาคุยกับผมแล้ว ผมไม่ปล่อยนะ เพราะจะไม่อยู่อีกหลายวัน แหะ แหะ
24 สิงหาคม 2549 12:42 น. - comment id 601017
สวัสดีครับ คุณไวท์ลิลลี่ ความคิดคนเปลี่ยนได้ทุกเวลา อาจจะใช่ในบางเรื่องนะครับ อย่างเรื่องกระแสนี่ ผมไม่ได้เปลี่ยนเท่าไร แต่ต้องปรับตัวไปตามกระแสบ้าง ความสะดวกสบายใครๆ ก็ชอบครับ เหมือนมันชดเชยสำหรับชีวิตที่กรำงานด้วย เหมือนเป็นการให้รางวัลกับชีวิตด้วย แต่โลตัส อาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่เสียงส่วนใหญ่ว่าไง ก็ไปตามนั้นอะนะ มีอีกอย่าง เวลาเปลี่ยน ใจผมไม่เปลี่ยนครับ รักใครแล้วรักเลย ส่วนกลอนเป็นกลอน มีเพื่อนสาวนักกลอนในนี้ที่พอแหย่ได้บ้าง ก็ขออภัยกันไว้นานแล้ว อย่าถือโทษ เพราะเพื่อนเป็นเพื่อน เป็นอย่างอื่นไม่ได้ (ยกเว้นแห้ว อยากเป็นแฟนกับเขาแล้วเขาไม่เป็น ก็เท่านั้น แต่ที่นี่ไม่มี ถือเป็นเพื่อนกันหมด) หวานมั่ง ก็เป็นมิตรทางอักษรเท่านั้น อยากเขียนกลอนมาคุย เพราะคุยกันให้สบายใจจะดีกว่า ไม่สบายใจก็หายหัวไปเป็นพักๆ ไปอ่านหนังสือแทน ขอบคุณกับเสียงปรบมือ เป็นกำลังใจที่ดีทีเดียวครับ ................... หวัดดีครับ..ครูใหญ่ฯ เรื่องนี้เป็นประเด็นเล็กๆ จริงๆ ครับ เหมือนกับว่า เราเป็นจิ้งจก บอกอะไรเราก็รับได้ ปรับได้ คนต่อต้านก็ถูกมองกลับว่า พวกแกมันพ่อค้าหัวใส ขายของกินกำไร ก็งงอะว่าขายของไม่กินกำไรแล้วจะทำทำไม แต่มันมีตัวยื้อกันอยู่ไม่ได้ขายผูกขาดที่ไหน ค้าเกินกำไรก็อยู่ไม่ได้ ตัดกำไรก็ไม่ได้ ก็ต้องพึ่งพากันบ้าง แล้วใครที่ไหนจะมีทุนหนาเหมือนห้างใหญ่ๆ ล่ะน้อ เข้ามาเทศบาลได้ภาษีเต็มเม็ดต็มหน่วย ไอ้พวกเหมาจ่ายก็ถูกท้วงถามว่า นายบำรุงพื้นที่เท่าไร โอ้..พระเจ้ายอด มันจอร์จมาก ....ใครเสียภาษีจริงมั่งอยากถามนะ ...แม้แต่ข้าราชการก็มีหย่อนภาษี ถ้าเลี้ยงดูบุตร หรือ ภรรยาไม่มีรายได้ แต่เราก็จ่ายกันนะ ปีนี้ เขาขอเพิ่มภาษี เพราะเก็บภาษีไม่เข้าเป้าเขาว่างั้น...โอ้..คิดรายรับผมเลยท่าน ผมจะผ่อนจ่ายครับ..ฉะนี้แล ................... สวัสดีครับ..คุณdark side of mind จำได้อยู่นะ มีสโลแกนว่า..เชื่อผู้นำ นำชาติพ้นภัย อะไรเทือกๆ นี้ ก็เชื่อผู้นำเหมือนกันครับ แต่ไม่มีปัญญาเลี่ยงภาษี หรือเขาต้องใช้ปัญญาด้วย เราขาดปัญญาไป แต่โชคดี เหลือตัวจิตสำนึกอยู่..ซักกะนี๊ดก็ยังดี นะครับ..ก็ปรับตัวกันไป..เพื่อความอยู่รอด ........................ ขอบคุณครับ สำหรับ ดอกไม้ ..จะเก็บไว้ใส่แจกัน หอมไหมเอ่ย ...................... ช่ายแล้วครับ คุณเรไร มันซึมเข้าสายเลือดเราไปแล้วไม่รู้.. สายเลือดทุนนิยม.. โชห่วย ช่วยโห่ ไชโยไชโย.... ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
30 มีนาคม 2550 02:27 น. - comment id 678270
ขอบคุณทุกคนที่ช่วยออกความคิดเห็นที่ดีให้นะครับ ผมเป็นอีก 1 คนที่อยากจะเห็นร้านโชห่วยอยู่กับเราไปอีกนาน พอผมอ่านความคิดเห็นของพวกคุณแล้ว เลยนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่กับร้านโชห่วย ทั้งขนม อาหาร เครื่องดื่ม ของเล่น และหนังสือกาตูน ตอนนี้ผมกำลังได้งานตกแต่งร้านโชห่วยที่นึงอยู่ ขอบคุณที่ทำทำให้ผมได้มองย้อนกลับไปถึงความรู้สึกผูกพันกับร้านโชห่วย ผมจะเอาความรู้สึกนี้ไปสร้างสรค์งานที่ดีครับ