แว่วเสียงครวญ..บรรเลง..เป็นเพลงรัก สุดจะหัก..อาลัย..โหยไห้หา หวานน้ำคำ..เธอพร่ำ..จำนรรจา บาดอุรา..ซึมซ่าน..สะท้านทรวง พรหมลิขิต..บันดาล..ให้พานพบ คงสยบ..ใต้ร่มเงา..เฝ้าห่วงหวง ดอกรักบาน..พลิ้วไหว..อยู่ในทรวง ให้ก้าวล่วง..สู่นิยาม..ความผูกพัน ส่งสายตา..ฝากลม..มาบ่มรัก ไม่นานนัก..สุกงอม..รักหอมหวาน บ่มหัวใจ..ด้วยไมตรี..มีให้กัน คงสุขสันต์..เกี่ยวดอง..ทั้งสองใจ มาตรแม้นว่า..วาสนา..ชะตาเสริม ช่วยก่อเติม..ไฟรัก..ให้ยิ่งใหญ่ คำว่า"รัก"..จะสลัก..ปักกลางใจ ภูผาใหญ่..มิอาจกั้น..ฉันและเธอ ถึงห่างไกล..เพียงใด..ไม่เคยหวั่น "กันและกัน"..คำนี้..ที่เสนอ เรามีเรา..ใจมีใจ..ใคร่พบเจอ ฉันมีเธอ..เธอมีฉัน..ทุกวันวาน เมื่อรักนั้น..เข้าใจ..ในความรัก น้ำต้มผัก..ขื่นขม..ชมว่าหวาน อย่าเปลี่ยนแปร..ค่านิยม..อุดมการณ์ เกรงอ้อยตาล..จะพาลขม.."ชมไม่ลง"....
12 สิงหาคม 2549 17:16 น. - comment id 597119
สวัสดีครับ
12 สิงหาคม 2549 21:30 น. - comment id 597169
มาอ่านกลอนงามครับ เขาเรียกว่ารักสลักจิต อิอิ แก้วประเสริฐ.
12 สิงหาคม 2549 21:32 น. - comment id 597170
ซึ้งมากคัรบบบบบบบบบ
13 สิงหาคม 2549 17:12 น. - comment id 597278
เขียนใด้น่ารักมากเลย
13 สิงหาคม 2549 18:23 น. - comment id 597287
ขอบคุณ..คุณห้วงคำนึงค่ะที่แวะมาเยี่ยมค่ะ... คุณ..แก้วประเสริฐคะ..ใช่แล้วค่ะเขาเรียก ว่ารักสลักจิตค่ะ... คุณอัสสุคะ...ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมกุหลาบขาวค่ะ..