มี " ที่ว่าง " บ้างไหม จะจับจองร้องไห้อย่างเปิดเผย แทนความเฉาช้ำชอกซึ่งงอกเงย เพื่อล่วงเลยภาพลบความซบเซา มี " ที่ว่าง" บ้างไหม คลายอัดอั้นตันใจจนไม่เหงา กลางกลับกลอกงำจิตชีวิตเรา หวังแสงเช้าเข้าถึง..ซึ่งไม่มี
9 สิงหาคม 2549 09:58 น. - comment id 596127
ตอบให้นะจ๊ะ....ที่ว่าง.. มาแล้วจ้ามาบอกบอกว่าว่าง อยู่ที่กลางฟากฟ้าหน้าบ้านหนอ แสงตะวันแสงไฟประกายก่อ เพีงเธอต่อกอไฟด้วยใจรัก
9 สิงหาคม 2549 10:14 น. - comment id 596133
เรื่องของแสง .. ยังมีหลายแหล่งที่ถูกบดบังให้แสงเข้าไม่ถึง เรื่องของหัวใจ .. ถ้าความรักคือความเข้าใจซึ่งกันและกัน คงไม่มีมุมใด ๆ ของหัวใจ ที่เข้าไม่ถึง ไม่มีกำแพงใด กั้นขวาง .. เนอะ
9 สิงหาคม 2549 10:58 น. - comment id 596185
มาทักทายนะน้องชาย... ข้างบน..จะอยู่มุมแดงหรือน้ำเงิน..เลือกเอานะ
9 สิงหาคม 2549 11:16 น. - comment id 596195
ที่ว่างแน่ะมีอยู่เสมอนะค่ะ :- เพียงแต่เปิดใจรับซิค่ะ :- แล้วแสงของยามเช้าจะมาเยือน :-
9 สิงหาคม 2549 12:33 น. - comment id 596242
เปิดหน้าต่างหัวใจยามไหวหวั่น แสงรักแรกของฉันจักสาดถึง ชะล้างโศกโลกเศร้าเฝ้าคำนึง มองโลกซึ้งกว้างขวางกว่าเคยเป็น เปิดหน้าต่างไว้วางใจ สิ ที่รัก แสงสว่างจะทอถักรักให้เห็น ที่ว่างแห่งกาลเวลาล้างเยือกเย็น ที่ทุกข์เข็ญจักมลายสายใยทอ เปิดหน้าต่างหัวใจ นะ คนดี รับแสงที่อบอุ่นละมุนก่อ เปิดดวงใจใสสะอาดสว่างพอ ที่จะรอรักแรกแทรกดวงใจ. สวัสดีค่ะ ... คุณร้อยแปดพันเก้า : ) Space and Times ของความรัก จักก่อเกิดเมื่อคุณเปิดดวงใจรับแสงสว่างสาดทอ
9 สิงหาคม 2549 14:38 น. - comment id 596282
ฮั่นแน่ ต้องเปิดม่านบ้างค่ะ..รับแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์ :)
9 สิงหาคม 2549 17:19 น. - comment id 596333
ที่ว่างไม่ค่อยมีแล้วใส่อะไรก้อคับไปหมด
9 สิงหาคม 2549 20:50 น. - comment id 596374
หายากนะครับที่ร้องไห้ ไม่เคยเห็นเขาจะจัดทำขึ้นมาให้เป็นการเฉพาะ ถ้าหาที่ซบได้แล้วบอกด้วยนะครับ
9 สิงหาคม 2549 23:41 น. - comment id 596437
ร้องไห้ไม่ต้องมีที่ว่างก็ร้องได้สู้หาตักว่าง ๆ ของสาว ๆ ดีก่า เผื่อจะได้เกลือกหน้าเช็ดน้ำตาได้บ้าง อิอิ
10 สิงหาคม 2549 08:48 น. - comment id 596529
ก็แสงมันไร้เงานิค่ะ อิอิ
16 สิงหาคม 2549 12:44 น. - comment id 597934
http://santipap.com/tantawan.htm
20 สิงหาคม 2549 10:51 น. - comment id 599394
ขอบคุณทุกท่านครับ
7 กันยายน 2549 12:10 น. - comment id 604157
7 กันยายน 2549 12:17 น. - comment id 604159
7 กันยายน 2549 15:23 น. - comment id 604223
ฟันธง : Sideways : เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก... หากผมไม่รู้มาก่อน(ซึ่งจริงๆ ก็ลืมไปแล้วด้วย) เมื่อดู Sideways จบ คำแรกที่ออกมาจากปากคงเป็น มันช่างเหมือนกับ About Schmidt จังเลย แล้วก็จริงๆ เสียด้วยว่า ผกก. Alexander Payne คือผู้ที่ทำ About Schmidt หนังเล็กๆ ดูยาก(หมายถึงเข้าใจแก่นได้ยาก ไม่ใช่ดูไม่รู้เรื่อง)ที่ผมชอบค่อนข้างมาก อีกเรื่องหนึ่งที่ Sideways ทำให้ผมระลึกถึงนั่นคือ Fargo หนังเล็กๆ ที่น่ารักเมื่อหลายปีก่อน ที่ผมบอกว่า Sideways มีความละม้ายจนทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องอื่นๆ (ที่ล้วนแต่คุณภาพสูงทั้งนั้น) ผมไม่ได้ตั้งใจบอกว่า Sideways ไปลอกเค้ามาหรือได้รับอิทธิพลมาอะไรแบบนั้นเลย แต่สิ่งที่ทำให้ Sideways มีความรู้สึกร่วมเดียวกับหนัง 2 เรื่องนั้นคือความที่มันเป็นหนังเล็กๆ เล่าถึงประเด็นที่ค่อนข้างเครียดหรือโหดร้าย(อย่างน้อยก็ทางจิตใจ) แต่กลับเล่าออกมาและมีบทคลี่คลายตนเองได้น่าอบอุ่นอย่างประหลาด ผมคงขออนุญาตข้ามในส่วนของเนื้อเรื่องไปเพราะหากบอกอะไรไปแม้แต่น้อย คงรังแต่จะทำลายความสุขของคุณกับตัวหนังมากขึ้นเท่านั้น เอาเป็นว่า ตัวหนังมีพล๊อตเรียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ก็ไม่น่าเบื่อเช่นกัน ผนวกกับบทภาพยนตร์ที่ง่ายๆ สมกับตัวเรื่องหลัก แต่รู้ที่จะปล่อยหมัดเด็ดในช่วงที่สมควรจะออกหมัด และเมื่อไหร่ที่ตัวบทต้องการความแม่นยำและความซาบซึ้ง มันจะนำเสนอผู้ชมด้วยบทพูดที่หลายๆ คนคงจะยกไว้เป็นประโยคประทับใจตลอดกาลเลยทีเดียว ซึ่งช่วงที่ผมชอบมากมายคงเป็นฉากที่ Paul Giamatti เล่าถึงธรรมชาติที่แสนบอบบางขององุ่นดำพันธุ์ปิโนต์ให้กับ Virginia Madsen ฟัง และกับสิ่งที่เธอตอบเขามานั้น ....ไปชมกันเองเถอะครับ นัยยะที่แฝงอยู่ในไดอะล๊อคช่วงนี้มันช่างจริงใจ ซาบซึ้ง และแสนจะล้ำลึกอย่างเรียบง่ายเสียเหลือเกิน Paul Giamatti นักแสดงระดับ โคตรตัวประกอบตลอดกาล ที่เล่นหนังมานับร้อยเรื่อง คงไม่น่าแปลกหากจะบอกว่าเขาเป็นนักแสดงที่เคยรับบทมาแล้วแทบจะทุกรูปแบบ และการที่เขายังคงความเป็นตัวประกอบมาจนเดี๋ยวนี้คงไม่ใช่เพราะ ความสามารถไม่ถึง เป็นแน่ แต่คงเป็นเพราะ..อืมม...รู้ๆ กันอยู่ก็แล้วกันว่าวงการนี้มันเป็นอย่างไร Paul ทำให้บท Miles ที่เขาเล่นเป็นผู้ชายที่ไร้ความสามารถ ขาดความมั่นใจในตัวเอง เห็นแก่ตัว นิสัยเสียกับคนที่ตัวเองรัก(แม่และอดีตภรรยา) Miles ไม่ใช่ผู้ชายในฝันของใครๆ อย่างชัดแจ้ง เขาก้าวข้ามเส้นแบ่งของความเป็นสุภาพบุรุษหลายครั้งหลายคราว แต่ด้วยฝีมือทางการแสดงที่ถึงกึ๋น ทำให้ผู้ชมโกรธ Miles ไม่ลงเอาจริงๆ ไม่ว่าเขาจะพลาดอีกกี่ครั้งกี่คราก็ตามที แม้บทของ Miles จะดูเหมือนไม่มีอะไร ผู้ชมก็นั่งดูชีวิตอันราบเรียบของเขาที่ทำตัวเหมือนเราๆ ท่านๆ ไปวันๆ นี่เอง ไม่เห็นจะมีอะไรที่พอจะ โชว์พาว(เวอร์) กันได้เลย ซึ่งตามความเห็นของผม ไอ้ความ ไม่มีอะไรให้โชว์ ของตัวบทนี่แหละทีทำให้ Paul เสนอฝีมือล้วนๆ ที่สั่งสมมานานเล่นอย่าง เป็นธรรมชาติแบบสุดๆ และเนียนมากมายเสียจนผู้ชมไม่รู้สึกสะดุดอะไรเลย เพราะเรื่องราวในชีวิตของ mile กับพฤติกรรมที่เขาแสดงต่อเหตุการณ์นั้นๆ ด้วยการฝีมือการแสดงของ Paul มันช่างเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา กับคนที่เรารู้จักเมื่อวันก่อน เมื่อปีก่อนดีๆ นี่เอง ในขณะที่ Paul เล่นเสียจนเอาหนังอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวเสียด้วยซ้ำ บทเพื่อนซี้ของเขาอย่างบทของ Jack คงจะเป็นฝันร้ายของนักแสดงอย่างไม่ต้องสงสัย ที่มันจะเป็นงานมหาหิน กับการต้องมาประชันกับคนที่เล่นได้ชนิดที่กุมหนังทั้งเรื่องไว้ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ แต่ Thomas Harden Church กลับประคองตัวเองไว้ได้ดีน่าพอใจทีเดียว กับงานแนวตลกที่เขาได้รับมาตลอดเช่น sitcom ทาง TV ที่ดังระดับกลางๆ ค่อนไปทางสูง อย่าง Ned and Stacey และที่ประทับใจผมไม่รู้ลืมคือบทของ Roy ช่างเครื่องสติเฟื่องในซีรีย์ในใจผมตลอดกาลอย่าง Wings งานเหล่านี้ล้วนเสริมสร้างให้ทักษะทางการแสดงของ Thomas แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเห็นได้ชัดว่า Thomas ยังเล่นได้ลึกไม่เท่ากับPaul ที่น่าจะบรรลุขั้นสุดยอดทางการแสดงไปแล้ว แต่ในฉาก ปล่อยของ ช่วงท้ายเรื่องที่ตัวละคร Jack ที่เขาเล่นต้องแก้ผ้าวิ่งกลับมาพร้อมความผิดพลาดครั้งใหญ่ ที่อาจทำให้เขาเสียคนที่เขารักมากที่สุด (ที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะขาดเธอไม่ได้) ฉากนี้เปิดตัวมาพร้อมความฮาชนิดที่น้ำมูกน้ำตาไหล กับสภาพของ Jack เนื้อตัวล่อนจ้อน แต่เพียงเสี้ยววินาที Thomas กลับจับผู้ชมอยู่หมัดทันทีด้วยการเปลี่ยนอารมณ์จนน้ำตา(ของผู้ชม) ที่ออกมาภายหลังไม่ได้มาจากความน่าขบขันเสียแล้ว พูดได้คำเดียวว่า Thomas ทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ กับฉากนี้ หากจะถามกันตรงๆ แล้ว ผมว่า Sideways ไม่ใช่หนังที่ควรจะได้เข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยมในเวทีใดๆ ทั้งนั้น ความเห็นส่วนตัวจริงๆ ของผมหากถูกถามท่ามกลางวงเหล้าคงจะบอกว่า \'หนังมันก็ไม่มีอะไรมาก แต่น่ารักว่ะ บอกไม่ถูก(โว้ย)\' ประมาณนี้ แต่กับการแสดงของ Paul Giamatti, Thomas Haden Church และ Virginia Madsen แล้ว ผมคงพูดได้เต็มที่กว่าว่า เวทีประกวดเวทีไหนที่ไม่มีชื่อของพวกเขาขึ้นเสนอเข้าชิงแล้วละก็ เชื่อได้ว่าคงจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลกับความน่าเชื่อถือของสถาบันนั้นๆ แล้วละครับ นีอุงลองแล้ว...สำหรับตัวหนัง ดีมากครับ ส่วนการแสดงนั้น สุดยอดดดดดมาก นีอุง\'s fact : Sideways เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ ติด 1 ใน 20 หนังที่มี ตอนจบที่ดีที่สุด ตามความชอบของนีอุง
7 กันยายน 2549 15:28 น. - comment id 604225
ภาพยนตร์เรื่อง Sideways เริ่มเรื่องราวด้วยการออกเดินทางเพื่อเที่ยวชิมไวน์ของสองเพื่อนเก่า... ที่หันเหเปลี่ยนทิศอย่างวุ่นวายแบบหลบๆ เลี่ยงๆ (Sideways) ไปสู่การค้นหาที่ลดเลี้ยว ทว่าเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ของความแปรปรวนที่บ้าคลั่ง ในเรื่องความรักและมิตรภาพ การยืนหยัดของความว้าเหว่ และความฝันอันน่าเบื่อหน่าย และการต่อสู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น ระหว่างปิโนต์กับคาเบอร์เนต์ ความโชคไม่ดีเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ไมลส์ (พอล จิอาแมตติ) พ่อม่ายที่อกหักไม่ยอมคลาย ซึ่งเป็นว่าที่นักเขียนนิยายผู้คลั่งไคล้ไวน์ ตกลงใจที่จะให้รางวัลกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนวิทยาลัย ซึ่งเป็นนักแสดงไฟมอด แจ็ค (โทมัส เฮเดน เชิร์ช) ด้วยการเดินทางไปฉลองที่โรงบ่มไวน์แถวชายฝั่งทะเลตอนกลาง ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าวันแต่งงานของแจ็ค ทั้งสองเป็นคู่หูที่แปลกไม่มีใครเกิน แจ็คเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์เซ็กซ์จัด - ไมลส์เป็นคนขี้กังวลซึมเศร้า... แจ็คมองหา \"รสชาติแห่งอิสรภาพครั้งสุดท้าย\" ไมลส์หวังเพียงแต่ว่าจะไม่รู้สึกห่อเหี่ยวไปมากกว่าเดิม... แจ็ครู้สึกดีกับเมอร์ล็อตราคาถูก - ไมลส์แสวงหาปิโนต์ที่มีรสเลิศ อันที่จริงแล้ว อย่างเดียวที่พวกเขามีเหมือนกัน ก็คือความใฝ่ฝันที่ล้มเหลว และวัยเด็กที่กำลังจางหายไป ถึงกระนั้น เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงชายฝั่ง ไม่นานต่อมาไมลส์และแจ็คก็พบว่า พวกเขากำลังมึนเมากับไวน์และสาวๆ สเตฟานี (แซนดร้า โอ) และ มายา (เวอร์จิเนีย แมดเส็น) เมื่อแจ็คต้องหัวปักหัวปำกับสาวรินไวน์พื้นเมือง และขู่จะล้มเลิกงานแต่งงาน ไมลส์ก็พยายามที่จะดึงเพื่อนไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง แต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของตัวไมลส์เองกับสาวเสริฟผู้มาดมั่นมั่น ก็ก่อกวนเสียจนทำให้ทั้งสองหนุ่มล้มคว่ำไม่เป็นท่า เมื่อต้องกลับมาสู่ความเป็นจริงอย่างทันด่วน ตอนนี้ เมื่องานวิวาห์ใกล้เข้ามา และความไม่แน่นอนที่ว่าไมลส์และแจ็ค อาจกลับมาลอสแอนเจลิสไม่ทันเวลา โดยไม่บาดเจ็บหรือเปลี่ยนไป... ถ้าหากว่าพวกเขามาถึงได้แบบครบสามสิบสอง Sideways ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สี่ของผู้ประพันธ์-ผู้กำกับฯ อเล็กซานเดอร์ เพย์น (ต่อจากเรื่อง Citizen Ruth, Election และ About Schmidt) จากการเขียนบทของทีมเจ้าของรางวัล อเล็กซานเดอร์ เพย์น และ จิม เทย์เลอร์ (About Schmidt, Election) จากเค้าโครงเรื่องในนิยายชื่อเดียวกันโดย เร็กซ์ พิกเค็ต ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย ไมเคิล ลอนดอน (Thirteen, House of Sand and Fog) และร่วมอำนวยการสร้างโดย จอร์ช พาร์รา ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง Legally Blonde 2 และ About Schmidt ถ่ายทำโดยผู้กำกับภาพ เฟดอน พาพาไมเคิล (Moonlight Mile, Identity) ภาพยนตร์เดินเรื่องด้วยดนตรีประกอบที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ซึ่งประพันธ์โดย โรลฟ์ เคนท์ ผู้ที่มารวมพลังกับเพย์น หลังจากที่เคยทำงานร่วมกันใน About Schmidt, Election และ Citizen Ruth คือผู้ลำดับภาพ เควิน เทนท์ และผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ เจน แอน สจ็วต Sideways นำแสดงโดย พอล จิอาแมตติ (Paycheck, Duets, Man on the Moon, Saving Private Ryan, The Truman Show) และ โทมัส เฮเดน เชิร์ช (Spanglish, George of the Jungle, Tombstone) ร่วมด้วย แซนดร้า โอ (Under the Tuscan Sun, The Princess Diaries, Dancing at the Blue Iguana), เวอร์จิเนีย แมดเส็น (The Haunting, The Rainmaker, Ghosts of Mississippi, Candyman, Dune) ภาพยนตร์เรื่อง Sideways ได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 7 สาขา