http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html (สี่แผ่นดิน ลุ่มเจ้าพระยา) ไปนั่งทอดตาทอดใจ ดูสายน้ำรักนิรันดร์ค่อยๆระรินไหล อย่างช้าช้าอย่างอาลัยอาวรณ์ หน้าพระตำหนักสิริยาลัย ที่แสนสงบงามในท่ามแมกไม้ไทย จนตะวันพลบตะวันตกดินตรงหน้า กับฟากฟ้าที่แสนงามราวเรียวรุ้ง ราวในเรื่อง สไบนวลสไบนางและ*ดั่งดวงเนตรในทุกยาม* ทั้ง*ลีลาวดีมณีรุ้ง* ที่เคยถอดจิตถอดใจรจนาฝากไว้ ให้ทุกดวงใจในร่มรักได้อ่านผ่านตา หวังฝากประทับใจ ดูนกกาโผผิน ด้วยดวงใจเหว่ว้าดายเดียวราวย้อนยุค พบสุขสงบหากไยแสนเศร้า ราวได้ยินเสียงทุกข์..สุขสรรพสิ่ง แห่งเงื้อมเงางามอดีตกาล เสมือนตัวเองนั้นร่วมเป็นหนึ่งใน และ ได้น้อมนำมาลัยสดงดงามไปกราบพระอัฐิ ที่ฝังพระศพเจ้าฟ้ากุ้ง ในแสงเรื่อเรืองรัศมีของทิวาวัน ที่กำลังผันดวงลงเรี่ยต่ำทายทักทุกศิลาคร่ำ ยอดเจดีย์วัดไชยวัฒนาราม ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดดำเพนท์พิมพ์ลายดอกไม้ สดสะพรั่งด้านหน้า ยาวกรอมเท้า ใส่หมวกถักลายลูกไม้สีขาว กำลัง. ค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าช้า ผ่านลานลีลาวดี ที่กำลังส่งกลิ่นหอมระรินสะพรั่งพร่างไปทั่ว และดวงดอกปลิดโปรยโรยกรายแลละลานตา ตรงลานหญ้า ราว.. ถูกประดับด้วยมนตราแห่งหวานเศร้าร้างลาแรม ให้แสนอาวรณ์อาลัย ทุกย่างก้าวรอยย่ำบนศิลามณี ที่นะบัดนี้สึกกร่อนไปกับกาลเวลา ทุกศิลาที่ประดับเป็นพระปรางค์ปรา เจดีย์ ยิ่งพาให้ใจดวงเหว่ว้า นัยน์เรียวตาซึมซึ้งราวมีหยาดน้ำผึ้ง กำลังจะหยดรินรดบนเรียวแก้มพลีทุกนาที กับ..... มหัศจรรย์ความงามนี้ที่ยากบอกด้วยคำ หากจักสัมผัสได้ด้วยพลังแห่งความรัก อันล้ำลึกดำดื่มอย่างปลาบปลื้มปิติเพียงนั้น ราวกับสวรรค์ แลฟ้าดินประทานพร ให้หัวใจอ่อนหวานในร่างอรชรได้รับรู้รับทราบเพียงลำพัง เธอ..เดินช้าช้าเข้าไปภายในเบื้องพระวิหารรายและ หยุดร่ำไห้..... เมื่อแหงยเงยไปเห็นองค์พระพุทธมากมาย ที่นะบัดนี้สิ้นไร้เศียร..! ............... พบพุทธบุญเพรงสยาม.....ลำน้ำน่าน ๑) อยุธยายศล่มแล้ว...........ลอยสวรรค์ ลงฤา* โคลงสะอื้นรำพัน.................ศึกแพ้ แรมนิราศจาบัลย์................บุณย์รักษ์ เวียงแล อินนรินทร์ธิเบศร์แล้...........ร่ำร้าวโคลงหวนฯ (*นิราศนรินทร์) (๒) เศวตฉัตรช่อฟ้า............ วงศ์สวรรค์ เก้ารัชกาลบรร-................... จบแล้ว รัตนวงศ์วรรณ.................... วัฏแผ่น ดินแฮ สันตติวงศ์แพร้ว................. ร่วงรุ้งเรืองสยามฯ (๓) แดง...ฤกษ์ไทฤกษ์ด้าว.. ดำเกิง สุรีย์แล แดง...เลือดหลั่งเลือดเชิง..... ศึกเชื้อ แดง...มารมอดมารเพลิง...... พ่ายพุทธ แดง...ชาดหรคุณชาดเกื้อ..... เลือดแก้วละเลงสยามฯ (๔) น้ำเงินงามรามร่มเกล้า.... เครือกษัตริย์ กษัตริย์เกษมวิวรรธน์.............วรทล้ำ ล้ำแผ่นสุพรรณบัฏ...................บรมราช- วงศ์แล ราชธรรมเพียบพร้ำ.................พุทธพร้อมพรสยามฯ (๕) เขียว..กระทงตองท่องท้อง...ธารทอง เขียว...ทุ่งข้าวรวงรอง...............ระบัดกล้า เขียว...ผักคละครองคลอง.........เครียวยอด เขียว...พระมรกตหลักหล้า........เหล่านี้มณีสยามฯ (๖) ขาว...กลีบแก้วพุดซ้อน.......แซมทรวง ขาว...หยดน้ำค้างยวง...............หยาดน้ำ ขาว...ข้าวดอกมะลิรวง..............หุงใหม่ ขาว...ดอกบัวไป่ช้ำ...................ผ่องแผ้วพุทธถวายฯ (๗) เหลือง...รวงพวงพุ่มข้าว......โพสพสรม เหลือง...พัสตร์สงฆ์รงค์ลม.........รุ่งคุ้ง เหลือง...อรุณแรกขานขรม........ขมิ้นเพรียก เหลือง...บุปผาร่วงรุ้ง................เรื่อแล้วลานสยามฯ (๘) แว่วตะโพนแผ่วพ้น...........เพลบุญ โพ้นวรรษาราพิกุล...................เกี่ยวข้าว ปรางค์สางรุ่งอรุณ.....................ระดะยอด อวดแฮ บุญสยามค่ำเช้า........................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ (๙) ขึ้นสิบห้าค่ำไหว้..................วิสาขา เทียนรุ่งร่ำเรียมตา...................ตาดเคื้อ นวลเดือนอาบปฏิมา.................มณฑป อาบโบสถ์เทียนอาบเนื้อ...........นุชหน้าพัสตร์สงฆ์ฯ (๑๐) ไขประทีปประดับต้น.........รัตติธรรม สงฆ์แว่วแจ้วลำนำ...................นพน้อม เพลาพร่าจันทรารำ-.................ไรยอด โพธิ์แล โบสถ์ค่ำพัสตร์ภายพร้อม..........พร่างพื้นแขไขฯ (๑๑) ข้าวออกรวงดกแล้ว..........ละลานตา ไหวว่ายตะเพียนปลา...............ผุดปลื้ม พลบค่ำเพรียกวิหคนา............ นางเพรียก ละเมอฤา แรมล่าอริราชครึ้ม...................ศกคล้อยเรือนหายฯ (๑๒) ทองหยิบเคยหยิบป้อน......เพลา เสมอนอ เรียมหยาดหวานหยาดตา.........ขยิบซึ้ง เรียมหยอดรักหยอดยา.............หยดพิษ แรมรักร้าวรักทึ้ง......................หยิบแย้มแซมขมฯ (๑๓) รอนตะวันลับเศร้า...........บึงอุบล จันทร์แจ่มแย้มนวลยล............เยี่ยมฟ้า ขิมครวญดั่งครางคน.................ครวญพี่ นะแม่ นิราศเรียมห่างหน้า.................ห่อนได้แลเห็นฯ (๑๔) ปรารถนาภาพลึกล้ำ.........ละเลงบุญ เกล็ดทิพย์ลิบละมุน..................ม่านน้ำ อารยธรรมค้ำจุน......................จวบค่ำ เจ้าพระยาพาข้าม......................ล่องฟ้าสวรรค์สยามฯ (๑๕) ทอดสะพานล่องข้าม..........แขนงชล ระยับหมอกดอกอุบล.................เบ่งใต้ บัวเรียมระเมียรยล..................หยั่งย่าน ชเลแล บัวสี่เหล่าเนาไซร้.....................สร่างสิ้นธรรมสรรค์ฯ (๑๖) พรพรหมธรรมแต่เบื้อง....บุราณกาล สืบแผ่นดินระรินมาลย์.............อะคร้าว ข้าวจวักตักถวายทาน...............ทรวงบาตร อรุณแล พบพุทธบุญเพรงข้าว................กนกเนื้อนาถสยามฯ (๑๗) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ.........รวีอรุณ พุทธุปบาทกาลบุญ....................เบิกฟ้า พุทธศาสนิกละมุน...................พุทธชาด สยามนอ พุทธบุตรโชติชวาลหล้า.............สว่างเพี้ยงพันแสงฯ (๑๘) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง..พะไลทราย พันพร่างธรรมทองพราย...........พิจิตรฟ้า มะลิหล่นร่วงโรยวาย.................วัฏจักร เบิกรุ่งบุญระบายหล้า............... โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ (๑๙) บัวบังใบตะไคร่ครึ้ม..........บัญจรงค์ บังอุบลจตุวงศ์..........................เวี่ยน้ำ เบญจภูตโพชฌงค์....................ฌาปนกิจ บังฤา เบญจขันธ์กิเลสล้ำ....................ยากยั้งบังไฉนฯ (๒๐) เบญจขันธ์กิเลสรั้ง............ยามโยค ญาณเอย ทุกข์สร่างหมางเศร้าโศก...........สร่างสิ้น วิปัสสนาวิโมกข์........................วิมุตติ เบี่ยงบ่วงอบายหวิ้น..................วิวัฏโพ้นพรหมสวรรค์ฯ (๒๑) ปราชญ์ใดในโลกร้าง.......ธรรมา แสวงสว่างศาสนา....................เสน่ห์น้อม ฤาประลาตพันธนา...................เนืองยศ กิเลสรัดมายาย้อม....................ขุ่นข้นใจถลำฯ (๒๒) ปวงปราชญ์ปรัชญ์ก่อเคื้อ..กวีนิพนธ์ เพาะบ่มอักษรมนตร์.................มิ่งแก้ว ค่าคำรดเหล่าอุบล.....................บริพัตร ทวีปนา สงฆ์สะแบงกลดแล้ว.................เกียรติคล้อยครืนหลังฯ (๒๓) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง.............ไพหาร พุทธะหลั่งวิญญาณ....................หยาดไว้ ชะรอยพุทธเพรงกาล................มาล่ม ลงแล ธารพระธรรมผากไร้................ร่อยร้างมลายขวัญฯ (๒๔) พรายน้ำวาววับน้ำ...........นองพระยา เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา................ลิ่วลื้น ไหลลอยล่องชีวิตมา..................มาดมุ่ง เมืองแล จมคลื่นกระแสไป่ฟื้น...............ฝากน้ำซากสลายฯ (๒๕) ปณิธานไพร่ฟ้า...............กวีไพร พลีหลั่งเลือดละไม....................มุ่งฟื้น ปลุกสำนึกดื่มดวงใจ.................ชนชาติ กวีนอ กราบแผ่นดินน้ำตารื้น.............รักษ์ร้อยชาติสยามฯ .............. ใต้ร่มไม้ใบระยิบระยับไหว ฟังธรรมใจรับแดดทองส่องพรายพร่าง ใจดวงทองรับยอดธรรมส่องนำทาง ใสกระจ่างอัญมณีทิพย์นิรมิตใจ.. หลับตานิ่งทิ้งทุกสิ่งไว้ภายนอก ตาในบอกเปิดจิตงามรับพร่างใส ดอกบัวบุญแย้มคลี่บานกลางบึงใจ ยอดพระรัตนตรัยดั่งน้ำค้างลงพร่างริน.. ในนิมิตเราเคียงกันลานดอกจิต น้อมชีวิตกราบกรานถวายสิ้น มีเพียงว่างวางทุกข์น้ำตาริน หวังสุดสิ้นทุกข์ระทมเคยห่มใจ.. แกะเปลือกใจพบจิตใสอย่างช้าช้า แก่นชีวาคือทำดีมิหวั่นไหว รู้สละออกเพียรรู้ให้น้ำค้างใจ หอมดวงใจใสเย็นพร่างสร้างรอยบุญ.. เสียงสวดก้องสะท้อนทาบอาบอุ่นนัก ฝากใจภักดิ์สองดวงจิตอันหอมกรุ่น ใบไม้ร่วงพรูพร่างกระจ่างใจรับอรุณ ดอกพุดไพรใจละมุนรับวันพร.. แล้วดวงจิตกระจ่างก็พร่างวับ งามธรรมจับนวลเนื้อจิตซึ้งคำสอน สนิทแนบแอบแสนรักฟ้าอวยพร ให้เราสองล่วงสู่ฝั่งฝันวันนิพพาน..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html สี่แผ่นดิน คนมี ชีวิตและกายา ถือ กำเนิดเกิดมา เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน เป็นแดน ที่ให้ชีวา พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน... ............... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html ลุ่มเจ้าพระยา ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น จง ผูกพันรักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า เพราะว่าชีวา แสน สั้น เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
18 กรกฎาคม 2549 00:17 น. - comment id 590816
จากบางบทตอนใน *ดั่งดวงเนตรในทุกยาม* http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem67879.html ........................... ......................................... เวลายังมีที่เขาคนดีจะ ขับรถพาใบบัวไปอยุธยา ไปนั่งใต้ต้นลั่นทม เหว่ว้า ที่เขารู้ดีว่า *คือต้นไม้แห่งรักระหว่างสองเรา* ที่มีฉากหลังเป็นโบราณสถานแสนงาม ที่ย้อนรอยกาลรอยเก่าเงางามแห่งอดีต กลิ่นลั่นทมหวานเศร้า ราวย้อนเตือนถึงคืนวันแห่งรัก ที่สวรรค์และฟ้าดินได้เมตตาส่งเขามาพบกับใบบัว เขาคนดี ค่อยๆก้มลง เลือกเก็บดอกลั่นทมสีชมพูและขาว ที่ยังสดหวานพราวแตะแต้มเต็มพื้นหญ้ามาสองสามดอก และ ยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ หันมาทัดผมให้ใบบัว อย่างแสนรักแสนทะนุถนอมอ่อนโยน เป็นกิริยาละมุนละม่อมที่หายากยิ่งนัก ที่แสนงามนักจากน้ำใจรักภักดี และมาจากนวลเนื้อใจดวงดี ดวงที่ได้รับการอบรม ให้รู้ค่าคำว่าสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ที่จักพึงให้เกียรติผู้หญิงคนเดียวคนดีที่แสนรัก เขาโอบตระกองกอดใบบัว ไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง และค่อยๆไล้ลูบจูบแผ่วผิวไปตามริมเรียวแก้ม ที่ถ่ายทอดพลังแห่งหวานหอมทั้งสิ้นทั้งมวล นัยน์ตาสีสนิมเหล็กทอแววหนักแน่นมั่นคงจงรัก ราวผู้ชายโบราณ ที่มัก..มีรักภักดิ์พลีวางไว้แทบตัก มอบให้ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในดวงใจนี้ ที่จักเป็นดั่งรักนิรันดร์ เป็นดั่งตำนานให้ตราไว้ ให้จำจดอย่างสุดงดงามล้ำลึก..ในรู้สึกไปตราบชั่วกาล....
18 กรกฎาคม 2549 00:27 น. - comment id 590818
จากบางเสี้ยวตอนใน*สไบนวลสไบนาง* http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html ....................... ..................................... เสียงเขาราวลอยมาจากฟ้าแสนไกล ปลอบประโลมใจหนักแน่น นุ่มนวลอ่อนหวานอ่อนโยน.. *คนดีอย่าร้องไห้.. ข้าจำพรากไปพลีหยาดเลือดรัก ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่เพื่อผืนดิน ให้เลือดละหลั่งรินจนหยาดสุดท้ายฝากไว้ทาแผ่นดิน* ให้ลูกหลานไทยและโลกรู้ว่า *กรุงศรีอยุธยาจะมิมีวันสิ้นคนดี* ข้าขอพลีคำมั่นสัญญา เอาหยาดเลือดชะโลมหล้าชะโลมดิน*ไม่รักตัวกลัวตาย* *ให้รู้ว่า ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจไท หัวใจนั้นดั่งเหล็กกล้า ให้ไอ้พวกข้าศึก..ได้สำนึกว่า..มันอย่าได้มาหยาม.. และ ให้มันหลั่งน้ำตารดเท้าสังเวยข้า..ที่มันบังอาจ..นัก!* *นวล..เจ้าเอย.. เจ้าผู้พิสุทธิ์ผ่องแผ้ว จงถนอมแก้วถนอมขวัญถนอมใจ รอวันที่ข้ากลับมา กลักทองที่เจ้ามอบให้ข้านั้น..* *ให้เจ้าจงรู้ว่า คือที่รวมขวัญพลี ที่รวมจิตวิญญาณข้ามิให้พรากไกล ถึงร่างเราจำไกล แต่หัวใจเราสองดวงนั้น.. ได้พลีคำมั่นสัญญา ยอมร่วงลงสู่ปวงพื้นพสุธาพร้อมกันแล้วมิใช่ดอกละหรือ.* *และจะยึดถือคำสัตย์มั่นมิปันแยก จะกี่ภพกี่ชาติ ให้พิสวาสดั่งคู่บุญญา จะตามติดเป็นพุทธมามกะ ขออธิษฐานจิต สถิตทอดคู่กันตลอดไปชั่วกัลปาวสานต์นะนวล* *เจ้า..ชวนข้าไปจุดเทียนมงคลบนบานในโบสถ์คร่ำ* เจ้ารู้ไหมยามนั้น ข้าเห็นเจ้างามตามแสงเทียนทองทอ งามใดไหนเล่าเจ้าเอย จะงามเท่าจิตไสว ที่พร่างสว่างสงบอยู่ภายในกายเจ้านะแม่สไบนวล* และ *ข้าแสนรัญจวนใจ เมื่อยามคิดว่าร่างเจ้านั้นงามเสียยิ่งกว่านางใดในปฐพีนี้* ที่ข้าจะขอพลีเสน่หามิเสื่อมคลาย *ใกล้สว่างแล้ว..ดุเหว่าแว่วเรไรร้อง ไหนเจ้าบอก จะเก็บดอกไม้หอมหอมมาให้ข้าห่อไว้ชายสไบ ให้ข้านำติดตัวไปอย่างไรเล่า* แต่ *ถึงไม่มีไม้หอม กลิ่นนวลก็ราวพยอมหอมอวลในอกในใจข้าเสมอมา* *จำเอาไว้นะนวล.. กลักทอง คือกล่องเก็บนิรันดร์รักแห่งเรานะเจ้ายอดดวงใจ* และ *ยามสุดท้ายแห่งลมหายใจข้า สไบนางของเจ้าผืนนี้ จะคู่ร่างคู่ชีวีคู่จิตวิญญาณข้าไปในทุกหน* *ข้าจะใช้มันซับหยาดเลือดและน้ำตา. ที่ข้าจะพลีจนหยาดสุดท้ายเพื่อปกบ้านป้องเมือง .ที่ข้าจะไม่มีวันเสียดายเสียใจ* หากทุกหยดเลือดนั้นจะหยาดรินแม้สิ้นสาย เพื่อเกียรติภูมิแห่งผืนดิน พื้นพสุธานี้ที่ข้าแสนรักเสียยิ่งนักแล้ว* *ข้าขอสัญญานะนวล เจ้าจงอย่าได้กำสรวลหวนไห้หาข้า อย่าเหว่ว้าดายเดียว หากดวงชีวิตข้าถูกปลิดปลงลงสังเวยมาตุภูมิแม่* *ข้าผู้ไม่แพ้ จะรอเจ้า.บนฟากฟ้า รอเวลาเราสองได้ครองคู่กัน จะนานสักกี่กัป์ปกัลป์ข้าก็จะรอเจ้านะนวล* ให้เจ้า..นวลละออจงไปวัดเพียรภาวนา และอธิษฐานจิตทุกเวลา *และเจ้ารู้.. ข้าจะสถิตทอดทุกที่ ในผืนดินนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้า และยามเหงา..เจ้าจงไปนั่งใต้ลั่นทมงาม..* ที่*เจ้ารู้ดีว่า ข้านี้ชอบเด็ดดอกหอมๆมาทัดแก้มแซมผมให้เจ้า* และนะที่แห่งนั้น.. สวรรค์จะเปิดดวงวิญญาญ์เจ้า ให้รับรู้เรื่องราวแห่งรักอมตะของสองเรา ดั่งคำอธิษฐานดั่งคำมั่นสัญญา* *จงจำไว้นะที่แห่งนั้นคือ สวรรค์ลอยคอยรอรักแห่งภักดีของสองเรา ที่จะไม่มีวันพรากจากกัน จะตามมาเตือนเจ้านั้นให้หันมอง..ลูกผู้ชายคนดี ที่มาหมายปองเจ้าราวแสนรักเอยแสนรักในกมล มิผิดคนผิดคำ.*. ******** หญิงสาว..สะดุ้งจากภวังค์ราวฝันไป ที่ทุกเรื่องราวราวได้สัมผัสมิติยิ่งใหญ่ที่ยากอธิบาย ราวฉากในเรื่องทวิภพ.. เธอค่อยๆหันไป แล้ว... หัวใจเธอก็แทบหยุดเต้น..! นั่นไง.. ผู้ชายคนนั้นคนในฝัน ที่เธอเห็นในนิมิตประจำ และกับนาทีที่เพิ่งผ่านไป ที่เธอเผลอตกในภวังค์ฝัน ราวกับไปพบเห็นภาพจริง ที่นะบัดนี้ เขาคนดี... ผิวสีทองแดงดูงามสุกปลั่งรับดวงตะวันสีทอง กำลังค่อยๆหันหลังไปชื่นชมภาพตะวันลา หากทว่า... เมื่อนวลเห็นหน้า ยิ่งพาให้ใจเต้นสั่นระริกราวจะเป็นลม.. พอกับดวงดอกลั่นทม ที่นะบัดนี้กำลังปลิดปลิว...ปลิดปลิว..... ลิ่วลอยควะคว้าง..... ลงพร่างพรมห่มพื้นพสุธา และหอมห้วงหัวใจ..สไบนวล ราวดวงตาสวรรค์พลันรับรู้....!!
18 กรกฎาคม 2549 01:03 น. - comment id 590821
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html ลีลาวดีมณีรุ้ง
18 กรกฎาคม 2549 07:17 น. - comment id 590843
"ชอบเพลงลุ่มน้ำเจ้าพระยาคะ\" เคยไปอยู่กับญาติ บ้านติดแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าขี้เรือข้ามน้ำไป ถ้าจำไม่ผิดก็เป็น จ.อยุธยา สวยมากคะ แต่น้ำไม่ค่อยใสเท่าไร เด็ก ๆ เล่นน้ำแต่ไม่กล้าเล่นอ่ะ ..กลัวน้ำ..ฮาๆๆๆ แวะมาเยี่ยมคะ พี่พุดสบายดีนะคะ.. ด้วยรัก....
18 กรกฎาคม 2549 07:55 น. - comment id 590859
ลั่นทมเอยเลยผ่านลานซึ้งโศก พ้นวิปโยคโลกใหม่ในนามแฝง ลีลาวดีศรีสวัสดิ์จัดมาแรง พ้นจากแหล่งโศกเศร้าเคล้าระทม. แก้วประเสริฐ.
18 กรกฎาคม 2549 08:04 น. - comment id 590863
สวัสดีค่ะ พี่พุด... อ่านแล้วจิตใจ... เป็นสุขคะ... รักษาสุขภาพนะคะ เป็นห่วงเสมอ..
18 กรกฎาคม 2549 08:56 น. - comment id 590874
อ่านแล้วนึกถึงคุณลำน้ำน่านจังค่ะ ไม่ได้อ่านนานแล้วนะคะ
18 กรกฎาคม 2549 12:39 น. - comment id 590968
... ไม่ได้แวะมาเยี่ยมบ้านพี่พุดก็นานแล้ว .. แต่กลับมาครั้งใด ... ก็เจอะเจองานงดงามเสมอ
18 กรกฎาคม 2549 13:25 น. - comment id 590981
สวัสดีค่ะ พี่พุด%36 สี่แผ่นดิน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา บัวอ่านแล้วบรรยายไม่ถูกค่ะรู้แต่ว่ามีทั้งร้อยยิ้มและ....
18 กรกฎาคม 2549 14:08 น. - comment id 591000
แวะทักทายยามบ่ายค่ะ สี่แผ่นดินสนุกนะคะได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่ทั้งเศร้าและยินดีด้วยคลุกเคล้ากันไป
18 กรกฎาคม 2549 14:34 น. - comment id 591006
แวะมาบ้านพี่พุดใจจะสงบทุกครั้งค่ะ
31 ตุลาคม 2552 23:48 น. - comment id 1058998
31 ตุลาคม 2552 23:51 น. - comment id 1059000
http://l.yimg.com/t/movies/movietalkies/20090403/12/riyasen-36b-1_1238741015.jpg http://buzz18.in.com/media/slideshow/2008/Sep/1riya_sen_1909_550x422.jpg http://2.bp.blogspot.com/_UmR7PsGWAAw/SeedMAhA3AI/AAAAAAAAMo0/Ml1Fw_OGRGU/s400/riya+sen-7.jpg http://www.mediacurry.tv/top-bollywood-videos/uploaded_images/Riya_Sen_1-734435.jpg http://www.superentertainmentinc.com/images/riya_sen.jpg http://buzz18.in.com/media/photogallery/2009/May/riyasen(34)_445x340.jpg > http://photogallery.indiatimes.com/celebs/indian-stars/riya-sen/portfolio-pics/Riya-Sen/photo/2946930/Riya-Sen.jpg http://www.photogallery.sandesh.com/cms/uploadimages/Riya-sen/26092009_214831937.jpg http://farm4.static.flickr.com/3208/2748210785_4f331237ae.jpg
1 พฤศจิกายน 2552 00:38 น. - comment id 1059013
http://www.zoomtv.in/wm/zen-cms-images/photo/650x700/r/riya_sen-12-650x700-2009-01-02.jpg http://www.zoomtv.in/wm/zen-cms-images/photo/650x700/r/riya_sen-13-650x700-2009-01-02.jpg http://decorations-for-parties.net/wp-content/uploads/2009/08/wedding-flower-centerpieces1.jpg http://www.romance-fire.com/pictures/wedding%20flowers%202.jpg http://www.myweddingflowerideas.co.uk/wedding_flower_rose/DHR%20358_flower.jpg http://www.instyleweddingsusa.com/pix/g2_11.jpg http://weddingandflowers.info/wp-content/uploads/2009/07/wedding-bouquet.jpg http://www.wishspecialevents.com/blog/wp-content/uploads/2009/08/purple-orange-flower-decor-wedding-volanni-dc.jpg