เก็บกอบดินพอประมาณสานความคิด นิรมิตเสกสรรค์ดั่งมั่นหมาย ปั้นโครงสร้างร่างต่อก่อรูปกาย ให้หลากหลายท่วงทีและลีลา วาดดวงจิตปั้นตามความรู้สึก ใช้สำนึกตัวตนปนปรารถนา ใส่วิญญาณกับก้อนดินธรรมดา เติมชีวิตให้เต็มค่ากว่าวันวาน ด้วยชีวิตมิอาจลิขิตให้- สว่างไสวดั่งแสงทองส่องผสาน ชีพซับซ้อนสับสนอนธกาล เวียนว่ายวนสายธารมารมายา เหมือนปั้นดินเป็นดาวพร่างพราวฝัน งามดั่งจันทร์เรืองรองผ่องวาสนา ไม่อาทรร้อนรนทนทรมา แต่จะหาความจริงใจอาจไม่มี มัวหลงรูปจูบลมชมภาพปั้น ทุกสิ่งนั้นแค่คราบการฉาบสี สรรพสิ่งสูญสลายกลายธุลี ใช้ชีวีบนทางธรรมตามทำนอง ปั้นชีวิตให้ได้ดั่งใจหวัง สร้างพลังบนความจริงทุกสิ่งผอง ให้เลอล้ำค่าล้นบนทางทอง สุขสมปองมั่นใจในศรัทธา
8 พฤษภาคม 2549 10:05 น. - comment id 575641
เราล้วนปรุง และสมมุติขึ้น... บางวันก็เหมือนนึกขึ้นได้ แต่เมื่อเวลาล่วงมีหลายอย่างมาปรุงเพิ่ม ก็กลับไปหลงกับสมมุตินั่นอีก... กว่าจะนึกได้ บางทีก็ยับเยินเกินไปแล้ว สวัสดีครับ
8 พฤษภาคม 2549 10:28 น. - comment id 575650
เป็นจริงดั่งนั้นของับ แวะมาเยี่ยมเยียนงับ ช่วงนี้แต่งกลอนไม่ค่อยจาออกของับ หุหุ
8 พฤษภาคม 2549 10:29 น. - comment id 575651
ใครหนอสร้างจักรวาลพิภพ ดินก่อทบเป็นดาวพราวฟ้าสวย แท้ใกล้เข้าคือก้อนดินถิ่นอำนวย ชีวิตช่วยเกิดได้อาศัยดิน ใครหนอช่างปั้นเรื่องราวของดาวโลก นาฏกรรมสุขโศกโลดเต้นดิ้น แท้ชีวิตรสกลิ่นเสียงเพียงยลยิน หวานเพียงลิ้นชิมอณูฝุ่นหล้านั้น ใครหนอคือนักเขียนเรื่องยิ่งใหญ่ วาดนิทานเกรียงไกรได้หลายขั้น ประวัติศาสตร์กาลเวลาน่าผูกพัน เป็นเรื่องสั้น เรื่องยาว สาวกันไป ใครหนอช่างสร้างจักรวาลพิภพ มีดาวเดือนบรรจบวงจรใหญ่ หลงตัวตน หลงเรื่องราว หลงดวงใจ จนเกรียงไกรโตเกินกว่าที่เป็น
8 พฤษภาคม 2549 10:40 น. - comment id 575655
พุทธทาสอยู่ไปไม่มีตาย แม้ร่างกายจะดับไม่ฟังเสียง ร่างกายเป็นร่างกายไม่ลำเอียง นั่นเป็นเพียงสิ่งเปลี่ยนไปในเวลา