http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4414.html ...... ตะวันแห่งอรุณรุ่ง.. กำลังผันดวง..เยี่ยมโพยม แย้มสาย..พรายแสงมาทายทักผม..แลผืนหล้า ในเวลาอุษาสาง ที่... หยาดพราวน้ำค้างยังหยดเย็นเฉกเช่นทุกวัน ผมค่อยๆ...ลืมตา.. มองลอดบานหน้าต่างออกไป.. ดูฟ้าเมืองลวงเมืองหลวง ที่.. ถูกปวงควันมลพิษ พากันพ่นใส่ จนหาความกระจ่างใสแทบไม่มี ม่านเมืองถูกแหวกด้วยสรรพเสียงอึงอล ทั้งเสียงแห่งรถยนต์ เสียงผู้คน เสียงนกกา...ที่ต่างพากันตื่นแต่ย่ำรุ่งมุ่งหาเช้ากินค่ำ อันคือวัฏวนแห่งการดำรงชีวิตรอดให้ปลอดภัยไปวันวัน ในศีรษะผมปวดหนึบ จนผมรู้สึกร้าวรวดไปทั้งขมับ และ... ทำให้ผมแทบไม่อยากขยับตัว..ลุกจากที่นอน ผมเหลือบแลเวลา จากนาฬิกาปลุกแบบพรายน้ำ ที่วางไว้บนหัวเตียงเคียงหัวนอน ที่กำลังชี้เข็มบ่งบอกเวลาหกโมงครึ่ง นาทีต่อมาผมค่อยรู้สึกดีขึ้น เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า.. นี่คือ.... เช้าวันหยุด.. ในท่ามฤดูร้อน ที่.. ผมนอนราวปลาถูกอบย่าง อย่างแสนอ้างว้างแล้งไร้ ในตึกสูง ดงเมือง และ.. แสนไม่ประเทืองประทับใจเอาเสียเลย.. เพราะ.. ไร้เครื่องทำความเย็น ที่ผมคนเข็ญคนยากไม่มีปัญญาพอจะจ่ายค่าไฟ สำหรับ.. ให้ร่างกายได้รับความสะดวกสบาย ได้.. ผ่อนคลายจากอากาศร้อนวิปริตผิดธรรมดา ที่นับวัน.. ดูเหมือนว่าจะร้อนยิ่งกว่าร้อน...ร้อนเสียยิ่งกว่านรก ที่ผมคิดว่า.. ผมกำลังตกอยู่อย่างไม่เต็มใจ...ในทุกวี่ทุกวัน..เลยทีเดียว นี่...นับเป็นวิบาก หากคิดตรองให้ดี กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวาชีวีผม ที่.. ผมจำต้องชดใช้ แม้น...มิได้เลือกอยากจะเป็น ที่จะเป็น ให้...มาตายร้อนไร้เย็น ในท่ามเมืองหลวงอันแสนศิวิไลซ์ของใครๆ แต่.. คงมิใช่..คนที่มีหัวจิตหัวใจอย่างผม.. *ลูกชายชาวนา *ที่บ่มรักวิถีข้าวกล้า รักวิถีนาวิถีไร่ แห่งความเงียบงามสงบสุข รักที่จะรู้หยุด รู้พอ มิเคยอยาก จะขอมี..ขอเป็น..อะไรมาก แค่.. อยากได้ฝากกาย ได้ใช้ชีวิตจิตวิญญาณราวบัวบานตระการเกษม เหนือน้ำ..ในบึงกว้างบริสุทธิ์ใส ห่างไกลกิเลสใดใด ............. ผม..หยุดคิด ละ..วาง หยุดการปรุงแต่ง ที่จักปล่อยจิตเผลอใจให้เตลิดไปในทางลบ จบด้วยการใช้ความ*รู้สึกตัว* มาตามทันมโนกรรม.. จากความรู้ทันเท่าทุกข์ที่มากระทบ รู้สยบกิเลสเวทนา ให้ปลงเสียว่า..ทุกอย่างนั้น.. *สำคัญที่ใจ*ดวงภายในของเราเอง และ.. ไม่ว่าสิ่งใด มาทำให้วังเวงทุกข์สุขหนาวร้อน ก็จักผ่อนคลาย หาก.. รู้เพียรวางกายและจิตเราให้ร่มเย็นเป็นพอ อันคือ.. สิ่งที่บางครั้ง เรามิหวังให้มันเป็นไป หากไยเล่าช่างยากเย็น... ที่จักหลีกพ้น ต้อง...ทนรับทุกข์บุกโหมโถมใส่ จนแทบตั้งจิตตั้งใจรับแทบไม่ทัน หาก.. ไม่รู้จักใช้น้ำอมฤตธรรม มาน้อมนำมาชื่นชโลม ปลอบประโลมให้ ดวงใจใสเย็น..ชุ่มฉ่ำบานฉ่ำ พอที่จะรับวิบากกรรมได้ อย่าง... มิให้เสียชาติเกิดที่ได้มาพบพระพุทธศาสนา ที่พระบรมศาสดา ได้ทรงค้นพบ*สัจธรรม *ที่ล้ำค่าควรคู่คนมาฝากให้ มวลหมู่มนุษย์ผู้อยากหลุดพ้นทุกข์ ได้นำมารินร่ำดับร้อน.. .. ผมนอนนิ่งๆสักพัก.. ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดบทเพลงบรรเลง *นิพพาน* ให้ดวงจิตดวงรานด้วยร้อนผัสสะ...ได้เยือกเย็นลง.. ให้.. ปลดปล่อยปลง ในวัฏสังสาร อันจักไม่ช้านาน ไม่ว่าจะพานพบเรื่องทุกข์ สุขใด ก็จักดับไป กลาย...เป็นดิน น้ำลมไฟ คืนผืนหล้า อย่างมิอาจหนีพ้น ทั้งคนจนคนรวย คนสวยคนมิงาม ใครจะล้นหลามด้วยบารมีประการใด มี.. สิ่งเดียวไซร้ ที่รอเราอย่างเท่าเทียมเที่ยงแท้ นั่นคือความพรากจาก.. เพียง.. หากจะเหลือฝากไว้คือ*ค่าของคน* แห่งการรู้บ่มเพาะเพียรภาวนา สร้างเพียงคุณงามความดี ที่.. น้อมพลีไว้ ประดับหล้าประดับโลกให้มนุษย์สิ้นโศก พบสุขนิรันดร์ . ผมตั้งใจ จะใช้วันหยุด ไปตามฝัน ในเส้นทางธรรม ธรรมชาติ ธรรมดาๆ พาใจดวงเหว่ว้า ว่างเปล่ารักเหงางามเงียบ ไปสัมผัสฟากฟ้ากว้าง ทายทักทุ่งร้างแรมรวง..หากมิไร้รัก ที่.. ทำให้ผมราวกับนกไพรผู้มีหัวใจพเนจร พาหัวใจอันสิ้นไร้พันธนา โผผินบินถลาอย่างแสนอิสราเสรี ได้ผ่อนคลาย ร่างเบาสบาย..ราวปุยเมฆแสนนุ่ม แสนละมุน ราวกับมี..หอมกรุ่นแห่งเกสรดอกไม้ธรรม กำลังแย้มระรินร่ำเผยกลิ่นกลางกลีบแย้มช่อ แตกกอไสว.. ณ..ภายในบึงใจอันแสนใสว่างกระจ่างแจ่ม..จรัส ด้วยรัศมีเย็นแห่งพลังสดฉ่ำจากธรรมชาติ นาทีนี้ตรงหน้า คือท้องร่องของเรือกสวนไร่นาสวนผสม ที่แบ่งสัดส่วนอย่างลงตัว ตามแนว *หลักทฤษฎีใหม่* ไว้สำหรับปลูกข้าวกล้า รอ..น้ำฟ้าในฤดูวสันต์ มาปันพลีให้ผลิเรียวรวงระย้าย้อย ห้อยเมล็ดอัญมณีสีทองผ่องพราย..ลงไคล้เคล้าคลอเคลียดิน ให้ท้องไทอิ่มเอมมิสิ้น มีมีวันอดอยากอดตาย.. หากยังมีชาวนาคนยากมิทิ้งถิ่น รู้ถวิลอนุรักษ์วิถีไทยวิถีทองวิถีทุ่ง มุ่ง..ธำรง..*ภูมิปัญญาแห่งหยาดเหงื่อ* เพื่อเป็นมรดกดำรงคง ฝากเตือนใจไว้ให้ลูกหลาน ไปตราบชั่วกาล นานเนานิรันดร์ ได้พึงเข้าใจว่า.. *อาชีพชาวนา*หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน*นั้น คือ.. อาชีพอันมิสิ้นความภาคภูมิใจแห่งบรรพชน ผองชนคนใต้หล้าใต้ฟ้าแห่ง*พุทธชมพูทวีป* ที่มิ.. เร่งรีบเร่าร้อนหากรู้ผ่อนปรน..รู้อิงตนไว้กับธรรมชาติ ที่ยากจะแยกจากกัน ให้.. ยังมีความละเมียดละมุน กรุ่นหอมด้วยมากมีประเพณีวัฒนธรรมอันแสนฉ่ำเย็นตามมา อย่างที่นานาอารยะโลกต่างพากันอิจฉา.. ค่าที่ วิถีไทยวิถีทุ่งวิถีทองนี้ คือครรลองสอนให้มวลมนุษย์ ได้ยังมีใจดวงพิสุทธิ์ใส ยังมีหัวใจงามดั่งทอง ไปตามครรลองแห่งธรรม..ธรรมชาตินั้น อันคือ ความเป็นธรรมดา ที่เที่ยงแท้ สัจจะที่แสนแน่นอน ใช่..เร่าร้อนแย่งชิงวิ่งวนในมายาโลกโศกวัตถุทุรนทุกข์ ใช่..สุขว่าง วาง สอนกระจ่างจิตให้เพียงรู้อยู่รู้พอ.. ....... ผม..เดินลงไปดูบึงบัวบางบึงในจำนวนหลายสิบบึง ที่..ณ..บัดนี้ยังมิแล้งน้ำ เพราะ.. เจ้าของได้สร้างอ่างเก็บกักน้ำเอาไว้ ให้รอรับน้ำที่ได้มาจากระบบชลประทาน เพื่อกันมาไว้ใช้ใน*นาบัว* ที่เป็นนาทำกำไรให้เจ้าของได้ดี เพราะ.. สามารถเก็บบัวดอกงามมากจำนวนนี้ ส่งไปวางขายจำหน่ายที่ตลาดได้ทุกวัน.. ....... ผม...เอนตัวลงนอนในเถียงนาน้อย ก่อนผล็อยหลับไปกับสายลมเย็นในยามค่ำ หูผมได้ยินเสียงเรไรร่ำจิ้งหรีดร้องก้องกรีดเสียงประโลม โหมให้ห้องหัวใจผมที่แสนเหนื่อยอ่อน ได้ผ่อนพัก หัวใจผมเต้นช้าลงๆ ดำรงเพียงสติภาวนา ไปกับ.. ฟ้ายามโพล้เพล้ที่แสนสวย ด้วยลมหายใจที่ระรวยระริน อย่างแผ่วเบาสบาย คลายยึดมั่นถือมั่น ในทุกทุกข์สรรพสิ่ง มโนจิตผม.. ราวกับฝันพลันเกิด*ดวงอัญมณีทิพย์*นิรมิตลอยล่อง พาผมท่องไปเหนือบึงบัวฉัตรพรรณ อันตระการสี ผม..ได้ยินเสียงเกษมยินดี จากมากมีผู้มีบุญญา ที่นั่งในท่าสมาธิภาวนา..ณ..กลางกลีบบัวในบึงธรรม ที่กำลังชูช่อพร่างพรายฉายฉันท์ฉัพพรรณรังสี ในบึงสวรรค์นั้น . พลันเอื้อนเอ่ยอวยพร.. *ตามรอยเรามา อย่ารอรี อย่าเสียเวลา ที่ได้เกิดมาพบเพรงบุญในร่มรัตน์แห่งพระพุทธศาสนา และ.. มีทางเดียว... ที่จะพบความกระจ่างว่างสว่างสงบเป็นนิรันดร์ ดั่ง*รัตนมาลีวิมุติ* อันจักผุดผลิคลี่กลีบแย้มตระการบานพ้นน้ำ..เหนือน้ำในท่ามชน ที่รอท่าเราทุกผู้คน หากมิหยุดเพียร...!!!! ************************************** http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4414.html บัวแล้งน้ำ ....ต้อม เรนโบว์ คนเราต้องมี หัวใจ ต้องมีเลือดเนื้อ ข้างใน ต้องมีความดี คู่กาย ต้องมีความหมาย ในตัวเอง อดีตที่เคย ผ่านมา เราคงต้องผ่าน พ้นไป จะดีหรือเลว อย่างไร ขึ้นอยู่กับใจ เราเอง กระเสือก กระสน ดิ้นรน กันไป ก่อนเคย เลวร้าย ก็ลืม ให้ลง มีเพียง พรุ่งนี้ เรื่องเก่าเก่า ก็ปลง ด้วยใจ ซื่อตรง เราคง ได้ดี ถ้าบัวไม่มี รากใบ คงมองไม่สวย เท่าไหร่ ถ้าบัวแล้งน้ำ แห้งตาย ไม่เหลือความหมาย ให้ชวนมอง คนเราก็คง เหมือนกัน นึกฝันแต่ความ ยิ่งใหญ่ หลงลืมว่าเคย เป็นใคร สุดท้ายก็บัว แล้ง น้ำ กระเสือก กระสน ดิ้นรน กันไป ก่อนเคย เลวร้าย ก็ลืม ให้ลง มีเพียง พรุ่งนี้ เรื่องเก่าเก่า ก็ปลง ด้วยใจ ซื่อตรง เราคง ได้ดี ถ้าบัวไม่มี รากใบ คงมองไม่สวย เท่าไหร่ ถ้าบัวแล้งน้ำ แห้งตาย ไม่เหลือความหมาย ให้ชวนมอง คนเราก็คง เหมือนกัน นึกฝันแต่ความ ยิ่งใหญ่ หลงลืมว่าเคย เป็นใคร สุดท้ายก็บัว แล้ง น้ำ...
28 มีนาคม 2549 19:03 น. - comment id 568949
แวะมาอ่านผลงานดีๆค่ะพี่พุด อ่านแล้วรุ้สึกใจสงบขึ้นชีวิตขอเพียงพอใจในสิ่งที่เราเป็นทุกข์หรือสุขเกิดจากใจริงๆๆ รักและนับถือพี่พุดเสมอค่ะ....กระต่าย.....
28 มีนาคม 2549 20:23 น. - comment id 568967
เราจะปลีกตัวถอนตัวออกมาเสียจากสิ่งทั้งหลายที่เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อันความจริง ตัวเรา มิได้มี แต่พอเผลอ มันเป็นผี โผล่มาได้ พอหายเผลอ ตัวเรา ก็หายไป หมด ตัวเรา เสียได้ เป็นเรื่องดี สหายเอ๋ย จงถอน ซึ่ง ตัวเรา และถอนทั้ง ตัวสู อย่างเต็มที่ มีกันแต่ ปัญญา และปรานี หน้าที่ใคร ทำให้ดี เท่านี้พอ ดอกบัวถ้าไม่มีตัวธรรมมายึดก็คงเหมือนบัวที่แล้งน้ำนี้แหละค่ะ ขอบคุณนะคะที่นำสิ่งดีๆมาให้อ่านค่ะ
29 มีนาคม 2549 08:00 น. - comment id 569020
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่านงานงามๆ ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามเสมอ มีความสุขมากๆนะคะ
29 มีนาคม 2549 00:33 น. - comment id 569049
อ่านแล้วคิดถึงบ้านค่ะ พี่พุด แจมเด็กบ้านนาคนหนึ่ง ที่จับพลัดจับผลูแน่ะ
29 มีนาคม 2549 09:37 น. - comment id 569074
อ่านแล้วคิดถึงบ้านจังค่ะพี่พุด เพียงพลิ้วชอบบึงบัว ชอบเก็บดอกบัวเป็นที่สุด สงกรานต์กลับบ้าน คงไม่มีบัวให้เก็บแล้วมั้งคะตอนนี้
29 มีนาคม 2549 11:09 น. - comment id 569100
อ่านแล้วคิดถึงบ้านเหมือนพี่กานต์ว่านะค่ะ คิดถึงไร่นาที่จากมา... คิดถึงกลิ่นไอหอมบ้านไร่นา.... สวัสดีค่ะพี่พุด สบายดีนะค่ะ เหมียวแวะมาเยี่ยมค่ะ รักและคิดถึงเสมอค่ะ..
30 มีนาคม 2549 14:04 น. - comment id 569297
งดงามเหมือนเดิม อิอิ ฟังเพลงด้วย เพลงสมัยใหม่ก็ดีเหมือนกันเน๊อะ คิดถึงจ้า แก้วประเสริฐ.
5 กรกฎาคม 2552 08:38 น. - comment id 1010077
ผมเกิดมาในตระกูลชาวไร่ชาวนา และผมเองเป็นคนที่ไม่อยากให้ทำนา เพราะว่า ผมอดสงสาร พ่อและแม่ไม่ได้ ท่านอายุมากแล้ว ยังต้องดิ้นรน ทำนา เลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัว แม้ผมจะรักความสงบ แต่ผมก็อยากให้การทำนา สิ้นสุดลง ไว้เพียงแค่ พ่อแลแม่ อยากให้พี่ๆ น้องๆ รวมถึงตัวผม ทำงานราชการ หรือ กิจการส่วนตัวที่ไม่ต้องระกำลำบาก ตรากตรำ ทำนา ความรู้สึกของผมแลพี่พุดคงต่างกัน ก็ตรงนี้แหละครับ แต่การมีธรรมะประจำใจ รวมถึง การอนุรักษ์วัฒนธรรม นั่นก้เป็นสิ่งที่ผมอยากทำ ความ
5 กรกฎาคม 2552 08:40 น. - comment id 1010078
ถ้าผม ทำอะไรผิดพลาด ผมก็รุ้สึกว่าตัวเอง ผิด... รักแลเคารพ พี่สาวสวยงามแสนดีที่หนึ่งเสมอ (ข้อความก่อนหน้า ผมลืม อิอิ)