๑. เวลานั้นผันผ่าน หลายรอบกาลต้องหกเหิน เกิดมากล้าเผชิญ ย่างก้าวเดินในเวลา ๒. ราตรีที่เหน็บหนาว ฟังเรื่องราวพร่างพราวค่า เก็บตกสาธกมา หนึ่งชีวาฝากวาที ๓. ตำนานแห่งนาไร่ ตรากเหงื่อไคลทุกวันวี่ รอบกาลผ่านนานปี ณ วันนี้คล้ายนิทาน ๔. ก่อนเก่าเราผาสุก แสนสนุกลุกสนาน ป่าไม้สัตว์ลำธาร ยังพลุกพล่านสราญรมย์ ๕. ย่ำน้ำมีปลาเต้น มิว่างเว้นดินดีสม กบเขียดร้อมระงม ยามฝนพรมปฐพี ๖. ภาพฝันนั้นคล้อยเคลื่อน ผ่านวันเดือนเลื่อนเป็นปี ผู้คนดิ้นรนมี แข่งศักดิ์ศรีมิอาทร ๗. แยกย้ายสู่เมืองหลวง บ้างถูกลวงปวงสมร ผู้เฒ่าเฝ้าดงดอน ยามหลับนอนมิเต็มตา ๘. รอวันคอยลูกกลับ นั่งนอนนับเหมือนอับค่า รอเงินถูกส่งมา ซื้อหยูกยาอาหารกิน ๙. ไร่นาพ่อค้ายึด สุดอัดอึดมืดมิดสิ้น ฝนแล้งแห้งผากดิน แต่หนี้สินกลับพอกพูน ๑๐. วันนี้ที่น่าไร่ มองหาใครแทบสิ้นสูญ คิดมาช่างอาดูร ต้นดอกคูณดูวังเวง ๑๑. โลกาภิวัตน์ครอบ ทุกเขตของต้องคร่ำเคร่ง เพื่อยั้งยังหวั่นเกรง คนกล้าเก่งเบ่งกลโกง ๑๒. หันหลังห่างศีลธรรม พฤติกรรมมิไสโปร่ง ขายชาติตัดใยโยง ต่างเตียนโล่งดังนาดอน --------------------- บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๙
24 มีนาคม 2549 16:35 น. - comment id 568307
.....คนไร ก็ม่ะรู้ เขียนกลอนเก่งคะ
24 มีนาคม 2549 16:41 น. - comment id 568310
24 มีนาคม 2549 21:05 น. - comment id 568371
คนตัวเล็กอ่ะ! ขอบคุณและขอบใจนะ ที่แวะมาทักทาย
24 มีนาคม 2549 22:27 น. - comment id 568390
ทำไมเขียนเก่งจังค่ะ...ภาพก็น่ารักมากๆๆค่ะชอบมากเลย...หาดูได้อยากค่ะสำหรับคนเมือง