-:เดียวดาย:- o รักเอยมิเคยห่าง o สละร้างเถลไหล บัดนี้ซิจากไกล ผลิจะไม่ระลึกคราว o เงียบงันและหวั่นไหว o หฤทัยยะเยือกหนาว กายสั่นสะเทือนร้าว อุระผ่าวผะแผ่วลม o ใจหายระรวยริน o จิตะสิ้นสะอื้นขม เดียวดายมลายจม ดุจะตรมมิวางวาย -o ปักษาวายุ o-
12 มีนาคม 2549 13:02 น. - comment id 548418
หยาดอรุณ แหมพี่ ประชดกันป่าวนี้ มั่วเห็นๆ อิอิ ภูตะวัน ตะวันรอน ง่า ไม่ถึงขนาดนั้นครับ แบบมั่วๆมาเรียงๆ อิอิ แสงไร้เงา อะนะ น้องเหมียวก้พูดไป ไม่รุจะไปอ้อนใครเรยนะนี่ คนที่พอจะให้อ้อนก็ไปอยู่ซะไกล ^6^ สดายุ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จะลองศึกษาดูนะครับ เพรง.พเยีย ขอบคุณครับ Silky อะนะ กาวนี่เอาอยู่เหรอจ๊ะ
11 มีนาคม 2549 22:46 น. - comment id 565706
แฮะ .. ใครสอนแต่ง อินทรวิเชียรฉันท์ 11 เนี่ย เยี่ยมมากเลยน้อง คริ คริ : )
12 มีนาคม 2549 00:49 น. - comment id 565718
เยี่ยม...ค่ะ
12 มีนาคม 2549 03:39 น. - comment id 565738
พี่เก็น แหมม อ้อนสาว ๆ เก่งนะค่ะ วันนั้นเห็นอกหัก.... วันนี้เดียวดาย.... พรุ่งนี้อะไรดีนะ..อิอิอิอ แวะมาป่วนให้ยิ้มนะ....
12 มีนาคม 2549 06:27 น. - comment id 565745
แวะมาเยี่ยมคนหัดเขียนฉันท์สักหน่อย มีผู้รู้ท่านแนะนำไว้ว่า การเขียนฉันท์ ประเภทสี่วรรคต่อบท เสียงท้ายวรรคมีความสำคัญ ท้ายวรรค๑ ควรลงท้ายด้วยเสียงเต้น ท้ายวรรค๒ ต้องลงด้วยเสียงสามัญ ท้ายวรรค๓ ลงด้วยจัตวา หรือ ตรี ท้ายวรรค๔ ลงด้วยจัตวา หรือ สามัญ กาพย์ยานี หรือ ฉันท์๔บาทต่อบท จะไม่ใช้เสียงท้ายวรรคแบบกลอนแปด ส่วนประเภท สามบาทต่อบท เช่น สัททุลฯ อีทิสัง หรือ ฉบัง๑๖ พยายามลงเสียงจัตวา ท้ายวรรคใด วรรคหนึ่ง เสมอไป อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ 00100...........110102 00102...........110103 1....ลหุ 0...ครุ 2...ครุ รับส่งสัมผัสในบท 3...ครุ รับส่งสัมผัสระหว่างบท ลองดูนะ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ๐ มรรคา...สู่...อุรุเวลา ๐ ๐ พิศภาคะหลากพรรณ ดละฉันทะโลมชาย พันลอกและดอกลาย ดุจะร่ายระรัวรอ ๐ ดอกช่อละออชู รสะภู่ฤรู้พอ กลีบโง้งและโก่งงอ กลล่อจะให้หลง ๐ กลิ่นหวนชนวนหอม ขณะล้อมฤล้างลง กรุ่นดินและกลิ่นดง ถิระคงบ่จางคลาย ๐ แดดทอดตลอดถิ่น ชะถวิลผละวุ่นวาย เพ่งพิศวิจิตรผาย มรรคะปลายจะปลอดปรุง ๐ แผ่วสัตว์สะพัดเสียง เสนาะเพียงจะอำรุง เมียงหมายกระจายมุง บ่จะมุ่งจะเป็นภัย ๐ หวีดหวิวละลิ่ววน วตะบนสะบัดใบ กิ่งแกว่งเพราะแรงไกว กละไหวจะวันทา ๐ มาลย์ลิ่วและปลิวล่วง ดุจะบวงพระบาทา ลาดสู่พระผู้สา- มัญฝ่ากิเลศฝืน ๐ บาทเธียระเพียรธรรม ระยะกรรมจะกลบกลืน ล่วงคล้อยเพาะรอยขืน บทตื่น ณ ในตน ๐ รอบาทะลาดใบ ขณะไท้บ่รอทน ทุกข์ผ่านจะลาญผล มุหะหนจะหับหาย ๐ ลมวู่พบูวี ปฐพีสะพรั่งพราย รังสีสุรีย์ฉาย ฤจะหายขจ่างหาว ๐ เงาภาพกระหนาบพื้น ภวะยื่นน่ะยืดยาว ทุกข์ฤทธิพิษร้าว จะละน้าวบ่จำนน ๐ เมื่อร้อนนะผ่อนแรง ทิฐิแปร่งก็ผ่อนปรน จิตไทก็ไม่ทน จะผละพ้นจะผ่าเผย.
12 มีนาคม 2549 08:24 น. - comment id 565757
แวะมาอ่านแล้วค่ะ ยินดี และ ดีใจ ที่เห็นก้าวแรกของความตั้งใจ แนวการเขียนรู้ที่พี่สดายุให้ไว้ เป็นหลักที่ตัวเองใช้เขียนอยู่เหมือนกัน และ งานเขียนพี่สดายุก็เป็นตัวอย่าง ที่ตัวเองศึกษามาเขียนด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้ และจะรออ่านบทต่อๆ ไปนะคะ
12 มีนาคม 2549 10:16 น. - comment id 565775
อยากรุ้เรื่องนี้พอดีพี่สดายุมาเขียนลงของพี่เก็นกระต่ายเลยได้ผลบุญไปด้วยขอบคุณนะค่ะ ถึง...พี่เก็น....อยากแต่งแบบอื่นอีกไหมค่ะ..อิอิ อกหักพักบ้านนี้ค่ะ...หาให้ถุกบ้านก็แล้วกัน สงสัย...กระต่ายต้องหากาวตราช้างแปะให้อกจะได้ติดกันไม่หักง่ายๆๆแบบติดแน่นติดนาน ....กระต่ายหวังดีน่ะนี่...เอากาวติดค่ะพี่...อิอิ...
12 มีนาคม 2549 16:11 น. - comment id 565820
ได้ความรู้สึกที่เดียวดายจริงๆ...แวะมาทักทายกันค่ะ..
12 มีนาคม 2549 19:45 น. - comment id 565873
:)