ฟ้าสีคราม...สดใส...เลื่อมพรายรุ้ง กลางท้องทุ่ง...เขียวขจี...ริ้วหญ้าไหว น้ำฝนพร่าง...หยาดสุดท้าย...เพิ่งลาไป นกน้อยใหญ่...ไซ้ปีก...เตรียมโผบิน ดอกไม้...แรกรับน้ำ...ช่างแช่มชื่น ชีวาฟื้น...แต่งแต้ม...แซมหมู่หิน หลากสีสัน...ดารดาษ...มวลมาลิน หมู่ภุมรินทร์...บินว่อน...เคล้าดอมดม พอฝนซา...ฟ้าเปิด...โลกพลันใส สาดแสงไกล...เจิดจ้า...พาสุขสม หากใจหนึ่ง...หงอยเหงา...เฝ้าตรอมตรม ร้าวระบม...หนาวเหน็บ...สุดเสียดแทง อยู่ห่างไกล...ไร้ซึ่ง...คนเคยรัก จำใจหัก...จิตไว้...คล้ายหน่ายแหนง ทนเดียวดาย...เปลี่ยวปร่า...ฝ่าลมแรง ใจแห้งแล้ง...แม้หยาดฝน...พร่างพรมตัว หรือความเหงา...คืบคลาน...เข้าครอบจิต ดั่งชีวิต...พลัดกลาง...ทางสลัว ผจญฟ้าฝน...สาดซัด...ใจระรัว จึงหมองมัว...หม่นเศร้า...เหงาหัวใจ
21 กุมภาพันธ์ 2549 23:12 น. - comment id 562474
เหงาเป็นอารมณ์สุนทรีย์ของกวีค่ะ
22 กุมภาพันธ์ 2549 08:00 น. - comment id 562508
ฟ้าสีคราม ยามเช้า ชั่งสดใส ดวงฤทัย เปรมปรี ว่าสุขสันต์ หากโลกนี้ มีเพียง กันและกัน จะสุขสันต์ ปันใจ ให้เบิกบาน
22 กุมภาพันธ์ 2549 10:31 น. - comment id 562534
" ค่ำคืนนี้มีดาวพร่างกระจ่างฟ้า มองดาราทั่วนภาเป็นหน้าเจ้า นั่งนับดวงเห็นดาวตกโอ้อกเรา แหมช่างเหงาแล้วใจเจ้าเป็นอย่างไร \" อิอิ ไม่ลงทุนเล้ยยย อีตามอมแมมวันนี้ กลอนนี้ตอบพี่สร้อยฯข้างบนงับ อ่านเจอของคุณชมพูภูคา J.เลยเอามาตอบบ้าง มันก็เข้ากันพอดีน้างับ ไม่ว่ากันน้า...
22 กุมภาพันธ์ 2549 16:02 น. - comment id 562572
เห็นด้วยกับพี่พุดทุกประการ... เฮ้อ..!!..ความเหงาสับหรับผมมันน่ากลัวกว่า ซาร์ กับหวัดไก่ อีกนะนี่
22 กุมภาพันธ์ 2549 16:12 น. - comment id 562575
มองท้องฟ้าวันนี้ก็สีหม่น มองตัวตนก็ทุกข์สิ้นสุขสันต์ มองท้องนาเหี่ยวแห้งแล้งทุกวัน รอวสันต์พร่างพรูสู่ผืนดิน ดวงดอกไม้เหี่ยวเฉาน่าเศร้านัก กลีบก็หักมิชวนหวนถวิล ร่วงโรยลาโดนแมลงแกล้งกันกิน ความงามสิ้นลาลับมิกลับคืน หากพิรุณฉ่ำมาเวลานี้ ช่อมาลีดื่มด่ำความฉ่ำชื้น สยายกลีบเก็บกลำเคยกล้ำกลืน แต่งแต้มฝืนโลกไว้ให้งดงาม