http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song223.html (ขวัญเรียม) สาวนาไม่สบายมาหลายวันแล้ว ได้แต่นอนซุกตัวในกระท่อมไพรกว้าง อย่างดายเดียว ยามราตรี..แหวกม่านมุ้ง มองออกไปหาดาวประจำเมืองประจำใจ แต่ทำไมแสงเรืองๆจึงดูริบหรี่ๆเสียเหลือเกิน สาวนา.. ได้กลิ่นไม้ผลิใหม่ในราวป่าหอมอวลมา กับสายลมอ่อนๆที่พัดพลิ้ว พาให้หัวใจสาวนาลิ่วลอยราวกับได้ยินเสียงสายฝนชัดช่า ที่สาวนาหลงรอท่า ที่พรากลาไปนานวัน ให้หวนกลับมาชะล้างหลังคากระท่อม และรอยหมองในดวงใจสาวนา เสียงกระรอก วิ่งไล่กันบนกิ่งไผ่ไหวเอนลู่ริมหนองน้ำบึงบัว กลิ่นกองไฟคงใกล้มอดมัวดับ มีเพียงควันคุกรุ่นลอยคว้างเป็นวงหายลับ ไปกับท้องฟ้ายามสลัวมืดค่ำ เจ้าสายน้ำและลาแล้ง คงเบิ่งตารอท่าสาวนา ไย..ไม่มาจูบโหนกหนอกบอกรักเหมือนเช่นเคย เป็นค่ำคืนที่มืดมิดและแสนเย็นเยียบในดวงใจ แสนแปลกใจที่สาวนาได้ยินเสียงนกฮูกร้องครางครวญ ราวร่วมรับรู้อาการไข้ไม่สบายของสาวนา สาวนาหลับๆตื่นๆในท่ามเตียงนอนนวลนุ่ม หอมหอมผ้าห่มอ่อนอุ่นที่คลี่คลุมราวกับได้กลิ่นดวงดอกแดด ในนิทรา.. สาวนาผวาละเมอ.. ฝันเห็น*ข้าวโพด*แตกยอดอวบอิ่ม* ด้วยรอยยิ้มพริ้มเพรา และ.. ไม่นานช้า ฝักข้าวโพดหวานก็ผลิละออไปทุกต้นสูงใหญ่ สาวนาดีใจ ที่จะได้มีข้าวโพดฝักใหญ่ทำขนมหรือไม่ก็ต้มสุกแล้ว นำไปถวายหลวงพ่อที่วัด กับได้แจกไปตามบ้านเพื่อนญาติมิตรสนิทกัน ให้ได้ทดลองชิมพันธุ์ใหม่ ที่แสนหวานมันส์อร่อยเป็นที่สุด. หัวใจดวงซื่อใสหยุดละเมอเพ้อไข้ ด้วยรอยยิ้มหยาดน้ำตา เมื่อ ในท่ามนิทราฝันนั้น พลันเห็นอ้ายพายพาเรือแจวไปตามบึงบัว ในท่ามม่านฟ้าสลัวงามราวเรียวรุ้ง พุ่งไปตามบึงพราวที่มีบัวดอกแดงนับพันพร่าง ที่มี สาวนานั่งราวแม่ย่านางกลางลำเรือ ยิ้มแย้มยิ้ม ตาสบตาอิ่มเอม ไร้คำพูดใด หากทำไมสายน้ำตา สาวนาจึงไม่หยุดไหล ราวปิติใจจนถึงยามตื่นอย่างชื่นฉ่ำทรวงเป็นที่สุด ราวกับ *เป็นความจริงเสียยิ่งกว่าจริง* ทั้งๆที่.. เมื่อลืมตาตื่นมา.. ฝันนั้น.. ก็สลายลา..ลางเลือนไป..ราวกับม่านหมอกในยามเช้า.. ให้แสนเหน็บหนาวใจ... เมื่อ.. ควานคว้าข้างกาย..ฤาจะมีร่างอ้ายเคียง ก็หาไม่...! แล้ว.. ราตรีกับอาการไข้ร้อนๆหนาวๆ..ก็จางคลาย. สาวนาตื่นมากับกลิ่นโคลนสาบควายระรวยริน กับไออุ่นกลิ่นดินหอมละมุนรับอรุณใหม่อีกครา กับ.. อวลอากาศแสนสดชื่นแจ่มใส กับใจดวงที่ยังต้องดำเนินต่อไปตามวิถีไพรวิถีนา.. กับฟ้าดิน ที่ยังคงมีพระเมตตา ให้สาวนาได้ดำรงร่างเพียงเพื่อ. ทำหน้าที่ต่อไปให้อย่างดีที่สุด ก่อน.. ที่จะซุกซบจบชีพพลี..ลงบนพื้นหล้าใต้ฟ้ากว้างนี้ อย่าง.. แสนเหว่ว้าอ้างว้าง อย่างดายเดียว.ไร้ทุกข์ทนอีกต่อไป.. ...................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song223.html เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่ แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม. เขียวเขาเขียวข้าวเขียวผัก คืออาณัติธรรมอันยิ่งใหญ่ คำจุนหมุนโลกเอื้อวัย สัจจะสอนใจพึ่งพา เขียวทุ่งปรุงทิพย์รอยไถ เหงื่อไคลสาบควายกลายกล้า กลิ่นโคลน คน หลอมปนพสุธา แปรมาเป็นรวงระย้าสีทอง เคลียตาเคลียใจพุ่มกระถิน มิมีวันสิ้นมนต์ลอยล่อง หอมเกินใดบริสุทธิ์ใสตามครรลอง นาทองนาไทยใจไม่จน บัวบานตระการเหนือหนอง รับสายทองสอนธรรมทุกหน ขมิ้นข่าตะไคร้เคียงกระท่อมทุกตำบล คู่คนคู่ครัวเคียงนา หอมข้าวใหม่รับอรุณแรก มะลิอวลแทรกกลิ่นน้ำค้างกลางพรรษา สู่อุโบสถถือศีลสมาธิภาวนา หิ้วตะกร้าลายงามดอกพิกุล น้ำพริกมะเขือแฟงแตงร้าน ทอดย่านโอบยอดทุกทิวาหมุน ทุกข์ทนจนยากฝากอิ่มอุ่น กี่รุ่นกี่กาลผ่านมา เตาถ่านปะทุหม้อดินน้ำข้าว ไผ่หลาวเป่าไฟในอุษา ข้าวหอมเดือดแดงสร้างไทมา คือปุจฉาดิบเดิมสัจจธรรม เขียวข้าวกลายสีเป็นเลือด หวังมิเหือดแห้งวิถีรินร่ำ เกษตรทฤษฎีใหม่น้อมนำ ไทยทำไทรักผืนดิน ยอดสะเดาขมนักใช่ผักหวาน บุราณนำมาสอนใจมิรู้สิ้น ยามรักน้ำต้มผักหวานฉ่ำพร่ำระริน แค่ลมลิ้นลมลวงบ่วงทุกข์พันธนา ไร้เขียวไร้ข้าวรับทุกข์ น้ำตาลสุกไหม้ลามเหว่ว้า ผืนดินแตกระแหงกัปป์กาลเวลา ปรารถนาใดเล่าเท่าอิ่มท้อง มิสายไปหากมิใจดวงพิสุทธิ์ อย่ารู้หยุดสืบตำนานไททั้งผอง ข้าวในนาปลาในน้ำตามครรลอง ทรัพย์เนืองนองยังรอท่าอย่าล้าใจ กราบบูชาดินน้ำฟ้าแม่พระโพสพ รู้สยบกินกามเกียรติสร้างจิตใส รู้พอดีพอเพียงสมถะใจ คือยิ่งใหญ่เกินค่าทุนนิยมระทมทุกข์ หวังแผ่นดินสิ้นทุกข์วิปโยค รังสรรค์โลกวิถีงามสงบสุข หันกลับมองธรรมชาติสอนธรรมมวลมนุษย์ คือ*วิมุตติมาลี*รอคลี่บานประดับใจ.. (ทุกดวงใจไทยสุวรรณภูมิพุทธิ์)
5 กุมภาพันธ์ 2549 14:02 น. - comment id 558466
สวัสดีค่ะพี่สาวบ้านนา อากาศเปลี่ยนทำให้เป็นไข้ไม่สบายกันมาก ดูแลสุขภาพนะคะ
5 กุมภาพันธ์ 2549 15:07 น. - comment id 558470
รู้สึกซาบชึ้งและอิ่มในเนื้อหาที่คุณสาวบ้านนานำมาเสนอจริงๆครับ ทำให้ผมนึกถึงหนังเก่าเรื่องขวัญ-เรียมจิงๆครับ ขอเป็นกำลังใจให้คุณในการสร้างสรรค์งานต่อไปนะครับ
5 กุมภาพันธ์ 2549 16:28 น. - comment id 558480
...... แวะมาทักทาย พี่สาวบ้านนาค่ะ อิอิ จาก น้องสาว สาวนาเหมือนกันค่ะ แต่เป็นสาวนอกนานะคะ ..... พี่สาวบ้านนา หายไปนานเลยนะคะ ไม่สบาย เป็นอะไรหรือป่าวคะ ไข้ใจ คิดถึง เจ้าขวัญหรือคะ โถ น่าฉงฉาน เรียมค่ะ อิอิ ดีน๊าที่ฉางน้อยไม่ได้เกิดเป็นเรียม ป่านนี้คงร้องไห้ คิดถึงพี่ขวาน เอ๊ยๆๆ พี่ขวัญ ฮี่ ฮี่ ..... พี่สาวบ้านนา ไม่สบาย หายหรือยังคะ ไปหาหมอหรือเปล่าค่ะ แต่เวลา ฉางน้อยไม่สบาย ฉางน้อยไม่อยากไปหาหมอเลยคะ ก็พี่ๆชอบแซวซิคะว่า ... พาหมา ไปหา หมอ คะ แงงงง แซวแรงอ่ะ .. ... อุ๊บส์ โทษทีคะพี่สาว พูดจาไม่สุภาพอีกแระ พี่สาวอย่าเพิ่งดุฉางน้อยน๊า เดี๋ยวฉางน้อยงอนอีกน๊า อิอิ ....... ปล. ( ไปล่ะ ) อิอิ รักษาสุขภาพบ้างนะคะพี่สาว ไว้ว่างๆสาวน้อยคนนี้จะมาอ่านอีกน๊า ....
5 กุมภาพันธ์ 2549 19:37 น. - comment id 558509
..ดูแลตัวเองด้วยนะคะ..นู๋เรนเป็นห่วง.... เรนอยากมีบ้านนาที่ปรอดโปร่ง.. อยากอยู่โยง..ริมโขงกั้น.. ป่าไม้ภูเขาชัน.. เป็นภาพฝัน..พระจันทร์งาม.. กลิ่นหอมดอกไม้ป่า.. มีท้องฟ้านกกา..ตาม กระท่อมฟ้าสีคราม.. เป็นนิยามตาม..จินตนาการ.. .. เรนเป็นห่วงนะคะ.. ทานยาตามที่หมอสั่งร่า ..