๏ เมื่อปรอยฝนหลั่งพรูเพียงครู่หนึ่ง ก่อคำนึงโปรยปลิวเช่นริ้วสาย นัยละอองนับดาษทุกหยาดปราย คืนความหมายเยือนย้ำลำนำกานต์ ๏ แต่ละหยดรดรินสู่ดินผืน ไม่ต่างชื่นยามต้องทำนองหวาน เอิบในทรวงคอยซับอยู่นับนาน จนผลิบานฝังรากลงฝากใจ ๏ เก็บเกี่ยวนัยทุกถ้อยนำร้อยถัก พร้อมดอกรัก..นวลเรียงมาเคียงให้ เป็นสื่อแทนปลายทางอันห่างไกล ที่ตราไว้เกินพบบรรจบกัน ๏ อาจไม่มีรุ้งเรียวมาเกี่ยวฟ้า เผยเวลาสิ้นรอยปรอยวสันต์ หมื่นทำนองเพรียกขานจากวารวัน คล้ายหลับฝันแฝงพรางอย่างลางเลือน ๏ กรีดลำนำหนาวลมมาห่มใกล้ ลู่พัดใบโรยคว้างเต็มทางเถื่อน เสียงหัวใจคืนยามจักตามเตือน ตราบฟองเฟือนดับปรุงชั่วคุ้งกาล ๏ สงบและเงียบงันของวันนี้ หากไมตรีใช่ดับเช่นขับขาน ปีกแห่งฝัน..จักโบยบิน..พาวิญญาณ ผูกผสาน..สองเยือน ณ เรือนใจ
31 มกราคม 2549 05:04 น. - comment id 556818
ก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา ได้กลับไปเยือนเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า วันหนึ่ง...ระหว่างทางขึ้นดอยเหมย (เหมย แปลว่า หมอก) ละอองฝนบางเบา...ฝากโปรยมาพร้อมกับช่วงเวลาอันแสนหนาว ฉันเห็น \"อ้ายกองคำ\" ชาวไทใหญ่ หนึ่งในผู้ดูแลพวกเราขณะเดินทาง นั่งกุมหนังสือเล่มหนึ่ง... สายตาอ่อนโยน มองดูที่คั่นหนังสืออันเล็กน่ารัก ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างบรรจงจากกลีบกุหลาบแห้ง \"หนังสือ\"... ที่ได้รับฝากมาจากเมืองไทย...จากบุคคลผู้เป็นที่รัก แม้ว่า \"เหตุผลของความต่าง\" ทำให้คนสองคนต้องอยู่ไกลห่างกัน แต่ฉันเชื่อเหลือเกินว่า... หัวใจของคนทั้งสอง...จะพบกันได้เสมอ... ณ เรือนใจ...
31 มกราคม 2549 05:07 น. - comment id 556819
...
31 มกราคม 2549 08:18 น. - comment id 556836
๏ สงบและเงียบงันของวันนี้ หากไมตรีใช่ดับเช่นขับขาน ปีกแห่งฝัน..จักโบยบิน..พาวิญญาณ ผูกผสาน..สองเยือน ณ เรือนใจ ชอบมากเลยค่ะบทนี้ และโดยเฉพาะตรงนี้ โดนใจจัง \"แม้ว่า \"เหตุผลของความต่าง\" ทำให้คนสองคนต้องอยู่ไกลห่างกัน แต่ฉันเชื่อเหลือเกินว่า... หัวใจของคนทั้งสอง...จะพบกันได้เสมอ... ณ เรือนใจ...\"
31 มกราคม 2549 08:37 น. - comment id 556845
เพลงประกอบ ชื่อเพลงว่าอะไรค่ะ ทำไม? ฟังแล้วเหงา และเศร้าจังเลย ทำให้ใจหลุดลอยคิดถึงใครบางคน... ปีกแห่งฝันจะนำเราไป สู่จุดหมาย....
31 มกราคม 2549 09:05 น. - comment id 556854
ผมเพลงมากเลยครับไพเราะและช่างเข้ากับบทกลอนดีเหลือเกิน กว่าจะอ่านจบข้าน้อยเกือบผลอยหลับไปแนะ
31 มกราคม 2549 09:19 น. - comment id 556859
ณ.เรือนใจ ไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ มาขวางกั้น ณ.ที่นั้น ฉันได้พบกับเธอเสมอ.. ความคิดถึง ที่วิ่งตามสายใยแห่งความผูกพัน ไร้รูป ไร้เสียง แต่กระนั้นเรายังรับรู้ว่า อีกฟากหนึ่งของฟากฟ้า ยังมีคนหนึ่งซึ่งรอคอย และห่วงใย.. ขอบคุณความรัก...
31 มกราคม 2549 11:29 น. - comment id 556893
ภาษางาม เนื้อความกินใจ ไม่ทราบว่าทำนองเพลงอะไรครับ อยากเก็บไว้ฟังบ้างครับ
31 มกราคม 2549 12:20 น. - comment id 556910
ประทับใจจริงๆ
31 มกราคม 2549 16:36 น. - comment id 557013
รูปภาพและบทกลอนงดงามมากเลยคะ อ่านแล้วอยากเอาใจไปวางพัก ณ เรือนใจ
31 มกราคม 2549 16:48 น. - comment id 557020
แวะมาอ่านงานงามเพลงไพเราะจับใจ ณ.เรือนใจแห่งนี้ ทำให้จิตสงบเงียบงันมากค่ะ ขอบคุณค่ะ
31 มกราคม 2549 18:02 น. - comment id 557052
กลอนสวยมาขอรับ
1 กุมภาพันธ์ 2549 05:14 น. - comment id 557122
สวัสดีทุกท่านค่ะ เพลงนี้ชื่อ \"เรือนริมน้ำ\" ของคุณ \"จำรัส เศวตาภรณ์\" คุณจำรัสออกเพลงบรรเลงเปียโนมาหลายชุด เพราะๆ ทั้งนั้น ลองหาฟังดูซิคะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ
1 กุมภาพันธ์ 2549 05:45 น. - comment id 557128
๏ สงบและเงียบงันของวันนี้ หากไมตรีใช่ดับเช่นขับขาน ปีกแห่งฝัน..จักโบยบิน..พาวิญญาณ ผูกผสาน..สองเยือน ณ เรือนใจ มายลเยือน เรือนสุข ช่างสงบ แสนงาม เพลงก็ไพเราะมาก ไม่อยากกลับไปทำงานเล้ย......อิอิ
1 กุมภาพันธ์ 2549 08:16 น. - comment id 557152
ไว้มาเมืองไทย อัลมิตราจะมอบหนังสือให้บ้าง จะได้เป็นหนึ่งในที่รัก แหะ แหะ ..
1 กุมภาพันธ์ 2549 15:53 น. - comment id 557327
ไพเราะและสวยงามจังเลยค่ะน้องนาง อ่านแล้วรู้สึกสุขใจ
2 กุมภาพันธ์ 2549 05:39 น. - comment id 557502
พี่น้ำ คุณอัลมิตรา พี่ดอกแก้ว ขอบคุณนะคะ
18 กุมภาพันธ์ 2549 20:21 น. - comment id 561901
ไพเราะมากๆเลย
21 กุมภาพันธ์ 2549 07:16 น. - comment id 562300
อ่านทุกคำ ซ้ำและทวน แต่ว่าลำโพงไม่ทำงานเสียดายจังเลย
24 กุมภาพันธ์ 2549 23:29 น. - comment id 563068
มาอ่าน เพราะเห็นว่ามีคนชอบเล่นสัมผัสคร่อม ท้ายวรรคเหมือนตัวเอง ๐ คิดถึง ๐ ๐ แม้นฝั่งโขง...น้ำเชี่ยวโหมเกลียวถั่ง หรือเท่าแรงแห่งหวังที่ตั้งหา หวังอาวรณ์จากใครที่ไกลตา ย้อนคำนึงแทรกฝ่าเข้าหาใจ ๐ สงัดกลางดาวเดือนจะเคลื่อนสู่ หวังกล่อมผู้จอมขวัญอกสั่นไหว ผ่านระลอกสัญญาแทรกฝ่าไป ต่อหมายให้วาบวาวกว่าดาวเดือน ๐ ดาวจะเลื่อนเดือนจะล่วงไม่ห่วงแล้ว หวงแต่แก้วก้าวย่างอยู่กลางเถื่อน อกใจหนอรออยู่ไม่รู้เลือน ทั้งแล่นเลื่อนพลุ่งพล่านนับนานมา ๐ ใจคนคอย...กำสรดเช้าจดค่ำ เฝ้าแต่คร่ำครวญถึงคะนึงหา ขวัญเอ๋ยขวัญเรื่อยเร่กลางเวลา หวังก็ลอยเลื่อนล้าพะว้าพะวง ๐ สุริยันคล้อยบ่าย..จะถ่ายร้อน สู่อาวรณ์เร้ารุมการลุ่มหลง จนจำรูญสูรย์ลับจะดับลง ยาก..แต่ปลงใจรับการลับเลือน ๐ ชะนีโหยหวิววาบกระหนาบกระหน่ำ ขณะคร่ำครวญศัพท์ขยับเขยื้อน กระแทกจนช่วงอกสะทกสะเทือน แล้วแล่นเลื่อนปลดรักทะลักทลาย