อาณาจักรยิ่งใหญ่ไทยภาคเหนือ หลายชนเชื้อเผ่าพันธุ์รวมกันอยู่ ประเพณีเลิศล้ำนำเชิดชู รวมหลายหมู่หลายเหล่าแต่เบาราณ ทั้ง ลัวะ เขิน เม็ง ไต ใต้ฟ้าผ่อง ม่าน เม็ง ยอง ลื้อ ฮ่อ ก่อสืบสาน เป็นปึกแผ่นมั่นคงยงยืนนาน ร่วมสร้างบ้านแปลงเมืองรุ่งเรืองงาม ดั่งพรหมสร้างถิ่นสวรรค์อันหวงแหน หนึ่งในแคว้นล้านนาฟ้าสยาม งามพระธาตุดอยสุเทพเลื่องลือนาม ทั่วเขตคามเวียงเชียงใหม่ใต้ฟ้าอมร ข้าพเจ้าชาวล้านนาอาสาเขียน ใช่นั่งเทียนเขียนงานจารอักษร ประเพณีเดิมมั่นมาสั่นคลอน โดนทึ้งถอนโค่นสลายเหมือนสายธาร มาสืบค้นตำนานโบราณชาติ เรืองอำนาจอารยะจะสืบสาน เกียรติรุ่งโรจน์ประวัติศาสตร์ชาติยาวนาน มาถึงกาลเสื่อมสลายกลายราคี อุตสาหกรรมเมืองใหม่ขยายกว้าง รุกที่ทางสร้างตึกใหญ่ไปทุกที่ ทั้งรีสอร์ต บ้านจัดสรร สารพันมี แผ่นดินนี้ถูกครอบงำแม้คำเมือง การอนุรักษ์ภาษาถิ่นน่าสิ้นหวัง โรงเรียนยังใช้ไทยกลางอย่างต่อเนื่อง หรือต่างถิ่นคือผู้นำความรุ่งเรือง แม้แต่เรื่องเพลงท้องถิ่นสิ้นนิยม จรัล มโนเพ็ชร คือตำนานสานเพลงเหนือ อาลัยเหลือจารึกในใจขื่นขม ร้อยเพลงหวานสานเพลงเศร้าเหงาอารมณ์ คุณค่าสมเพชรน้ำหนึ่งซึ่งล้านนา สถาปัตย์หัตถศิลป์ดุจอินทร์สร้าง งามเอกอ้างผลิตผลล้นคุณค่า สูญหายสิ้น ถูกมือ ดีตีราคา เหมือนรักษารักษ์ไว้ให้นายทุน มาบัดนี้..แทบหายสิ้นวิญญาณเก่า คนรากเหง้า เร่งปรับ สนับสนุน ล้างสมองชักจูงเราเอาบุญคุณ เบื้องหลังกรุ่นโครงการใหญ่ ไนท์ซาฟารี แปดร้อยไร่ ที่กว้าง ขวางทางน้ำ ทะลักซ้ำท่วมท้นสถลที่ เบนทางไหลเหมือนเขื่อนยักษ์ กักกลี ช้ำฤดีชีวาหมองทุกผองชน ความมั่งคั่งดั่งคลื่นเขายื่นให้ ทำเพื่อใครยากรับความสับสน แถมไวรัสจากสัตว์พิฆาตคน ทั้งเอดส์ ซาร์ ปะปน ขนเข้ามา ยังยักย้ายสัตว์สงวนไปสวนพฤกศาสตร์ ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมพร้อมปัญหา ชีวภาพเสื่อมชัดวิบัติพา เลี่ยงศึกษามูลเหตุหมกเภทภัย อีกเมืองนี้วิปริตผิดอาเพศ ด้วยเพราะเหตุรื้อทำลายสร้างฝายใหม่ รวมสายเลือด สายน้ำความห่วงใย เร้นความนัยรื้อฐานผลาญชีวิต ประเพณีดี-งามเสื่อมทรามหมด วัฒนธรรมเคยงามงดหมดวิจิตร จัดเคานต์ดาวน์เมาเต็มเมืองปราดเปรื่องคิด เสาร์-อาทิตย์ ดูแพนด้า..โอ้..มหานคร !!!
24 มกราคม 2549 08:22 น. - comment id 555081
อาจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินท์ \"ปราชญ์แห่งล้านนา\" เคยกล่าวไว่ว่า \"วัฒนธรรม หรืออารยธรรมนั่น เปรียบเสมือนน้ำท่วมใหญ่ที่ไหลบ่ามา ดินแดนใดที่อยู่ต่ำกว่าก็ย่อมถูกน้ำท่วมจนหมด เช่นเดียวกับ มนุษย์เผ่าใดชาติใดที่มีวัฒนธรรม หรือ อารยธรรมสูงเหนือกว่าตน เข้ามาเป็นของตนในที่สุด บัดนี้ล้านนาไทยอันมีเกียรติในอดีตว่ารุ่งโรจน์ แต่ก็ได้ถูกสงครามทำลายลงไป ประชาชนชาวพื้นเมืองเดิมถูกกวาดต้อนเข้ามาแทน วัฒนธรรมของล้านนาจึงเสื่อมโทรมลง บัดนี้ได้มีสายน้ำใหญ่ไหลบ่ามาจากทิศใต้ ขึ้นมาท่วมล้านนาไทยในภาคเหนือ เช่นดังที่ปรากฎในปัจจุบันนี้ เราจะหลีกเลี่ยง ต่อต้าน หรือสร้างเหมืองฝายแยกย้ายน้ำหรือปิดกั้นทางเดินของน้ำที่ไหลลงมาอย่างรุนแรงนี้จะเป็นไปได้หรือ...\" เราคงไม่อาจต้านทานความเจริญจากตัวเมืองที่หลั่งไหลเข้าสู่ล้านนาอย่างไม่รู้จักจบสิ้นหรืออิทธิพลอื่นๆ ที่มีต่อผลต่อความนึกคิดของอนุชนล้านนาใหม่ หมายเหตุ: คำว่า..ลานนา..ไม่มีในภาษาไทยภาคเหนือ..ไทยเหนือใช้คำว่าลานเฉพาะกับต้นลานและใบลาน ส่วนลานที่แปลว่าที่ราบโล่ง ภาษาไทยเหนือเรียกว่า..ข่วง..และเรียกลานที่ใช้สำหรับนวดข้าวว่า ตะลางตีข้าว ขอบคุณครับ
24 มกราคม 2549 09:06 น. - comment id 555090
รักลุ่มน้ำแม่ละมิงค์ถิ่นเวียงพิงค์ค่ะ... ขออย่าให้เปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้เลยนะค่ะ... .....ครูบาศรีวิชัยเจ้า..โปรดคุ้มครองด้วย..เทอญ...
24 มกราคม 2549 10:24 น. - comment id 555101
เกิดมาผมไม่เคยได้เห็นเจียงใหม่เลย อ่านกลอนแล้วอยากไป อยากไปมากกกกขึ้น คงได้ไป สักวัน
24 มกราคม 2549 11:47 น. - comment id 555117
ครับผมเองหากเที่ยวตามภาคแล้ว นอกจากภาคใต้ที่ไปเพราะชอบอาหารร้านค้าทานอร่อย ก็เห็นทีจะเป็นภาคเหนือที่มากด้วยชอบสถานที่อากาศเย็น เมื่อก่อนนี้บอกตรงๆว่าน่าเที่ยวมาก สมัยนี้ไปเที่ยวอีกความรู้สึกว่าหดหู่เสียจริงๆ อากาศมันไม่สดชื่นเหมือนสมัยก่อน จนรู้สึกเบื่อๆหน่ายๆชอบกล เมื่อปีสองปีไปเที่ยว แม่ฮ่องสอนก็ค่อยยังชั่วหน่อยยังมีของเดิมๆให้ดูครับ เอาล่ะบ่นมากไปหน่อยคงไม่ว่ากันนะครับ แก้วประเสริฐ.
24 มกราคม 2549 12:44 น. - comment id 555142
อือ ความเจริญมาพร้อมกับความเสื่อมของสิ่งแวดล้อม ทำไงดีหล่ะ เป็นคนเชียงใหม่เหมือนกันแต่ได้แต่มองอย่างสะท้อนใจแระคะทำอย่างไรดีหล่ะเราแค่ชาวบ้านธรรมดา
24 มกราคม 2549 12:46 น. - comment id 555143
เมื่อก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางกลับไปเชียงตุงอีกครั้ง ครั้งนี้ไปได้อาจารย์จากมหาวิทยาศิลปากรมาเป็นวิทยากร อาจารย์ได้ให้ความรู้ว่า ที่ต้องไปทำวิจัยที่ภูมิวัฒนธรรมเมืองมืองเชียงตุง เพราะมีวัฒนธรรมล้านนาร่วมกับเมืองเชียงใหม่อย่างใกล้ชิตนับจากอดีต และยังมีสภาพความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ด้วยเพราะเมืองตั้งอยู่ไกลจากศูนย์กลางประเทศพม่า ในขณะเดียวกันก็อยู่ใกล้ประเทศไทยมากกว่า ในขณะที่เชียงใหม่สภาพเมืองได้เปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้ารอยเดิมไว้ให้ศึกษา ผู้เฒ่าผู้แก่ในเมือง ยังพูดภาษาล้านนากัน ที่กลางเมือง ก็จะมีเห็นบริเวณที่เรียกว่า \"ข่วง\" ด้วยเช่นกัน อย่างที่คุณร้อยแปดพันเก้าว่าไว้ \"ข่วง\" คือ ลานพื้นที่โล่งเพื่อประโยชน์ในวาระต่างๆ ในขณะที่อยู่ที่นั่น ได้เห็นสภาพบ้านเมือง วัฒนธรรมเมือง ก็คิดว่า ตัวเองกำลังอยู่ในเมืองเชียงใหม่ในยุคที่ย้อนไปซักราวๆ 80 ปี แต่อีกไม่นานหรอกค่ะ เมืองเชียงตุง ก็คงจะค่อยๆ กลายสภาพไป จากเมืองที่เคยถูกปิด บัดนี้ เส้นทางที่สะดวกรวดเร็ว ที่ได้สร้างระหว่างไทย-จีน เสร็จเรียบร้อยแล้ว และนี่คือความจริง ที่ต้องเกิดคำถามรอว่า อีกไม่นาน เชียงตุงจะมีวัฒนธรรมร่วมกับเมืองเชียงใหม่เช่นในปัจจุบันหรือไม่
24 มกราคม 2549 14:01 น. - comment id 555162
^@^..สวัสดีครับ..คุณกัลลดา.. ...คุณแก้วประเสริฐ ...คุณไรไก่ ...คุณครูใหญ่ฯ ...คุณเพรง.เพยีย ปมปัญหา คือ เชียงใหม่ถูกทำให้เป็นศูนย์กลางทุกด้านของรัฐและเอกชนในภาคเหนือ เรากำลังทำให้เมืองๆ หนึ่งเป็นทั้งเมืองประวัติศาสตร์ เมืองท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการ การคมนาคมขนส่ง การศึกษา วัฒนธรรม การค้า การเงินฯลฯ ผลที่ตามมาที่เห็นได้ชัดคือ มีผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศทั่วประเทศเพื่อลงทุนทำธุรกิจ เพื่อหางานทำ เพื่อสร้างบ้านพักผ่อน เพื่อท่องเที่ยว หรือ แสวงหาโชคลาภ การขยาตัวทางวัตถุเป็นไปอย่างรวดเร็ว ภายในตัวเมืองเกิดช่องว่างของความเจริญระหว่างตัวเมืองกับอำเภอรอบนอก และระหว่างจังหวัดอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง และปัญหาอีกสารพัดอันเกิดจากการขยาตัวอย่างรวดเร็วของเมือง โดยไม่มีการวางแผน กำหนดทิศทางการเติบโต และการควบคุมที่ดีพอ เราปล่อยให้เมืองๆ หนึ่งเติบโตอย่างไร้ขอบเขต ความคิดผิดๆ ที่ว่า\"บ้านเมืองนี้ดี เจริญเหลือเกิน มีตึกสูงๆ มากมาย ร้านค้าก็ใหญ่โต มีทุกประเภท รถราก็เยอะแยะ\" เรากำลังเอาความเจริญทางวัตถุเท่านั้นมาชื่นชมหลงใหล เพราะเรากำลังนึกว่า..บ้านเมืองที่เจริญจะต้องเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น งานนี้ฟังผมบ่นมากหน่อยนะครับ..เมืองเชียงใหม่ยังน่าเที่ยวอยู่ครับ ยังมีที่เที่ยวธรรมชาติอยู่เยอะ เหมาะมาพักผ่อน ..ผมแค่เห็นการเติบโตแบบไร้ทิศทาง และ ห่วงสภาพแวดล้อมที่จะเสียไปในอนาคตครับ ขอบคุณทุกท่านครับ
24 มกราคม 2549 14:57 น. - comment id 555183
เอ...เดินสะดุดนะวันนี้..เหมือนมีคนถามหาว่าหายไปไหนนะ....มาอ่านเหมือนเดิมครับมะได้หายไปไหน....
25 มกราคม 2549 08:57 น. - comment id 555391
แหม๊..คุณบินเดี่ยวก็..ยังกับเราสื่อทางโทรจิตได้ยังงั้นแหละ พอนึกถึงก็แว๊บมาเชียวครับ
25 มกราคม 2549 10:43 น. - comment id 555433
เมืองเชียงใหม่...นับวันจะคล้ายกรุงเทพฯเข้าไปทุกที... หวังว่าสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป คงไม่มีผลกับรอยยิ้มของคนเชียงใหม่น่ะค่ะ... :)
25 มกราคม 2549 11:30 น. - comment id 555448
สวัสดีครับ คุณกุ้งหนามแดง ..จริงครับชาวเชียงใหม่ยังเปี่ยมด้วยมิตรไมตรีเสมอครับ..ขอบคุณครับที่แวะมาทักทายกัน