คอยเฝ้ามองท้องทะเลฟังเห่คลื่น ลืมตาตื่นแม้ราตรีที่เหน็บหนาว ทำหน้าที่ชี้ทางอย่างดวงดาว ผ่านเรื่องราวอ่อนระโหยโดยลำพัง ประภาคารคร่ำคร่า..หน้าคร่ำเคร่ง มีบทเพลงธรรมชาติช่วยวาดหวัง เพื่ออีกวันพรุ่งนี้ชีวิตยัง บนชายฝั่งแห่งฝันอันเดียวดาย คืนแล้ว..คืนเล่า.....เหงาและง่วง กว่าภาระใหญ่หลวงล่วงจุดหมาย ฟ้ามืดมิด..ชีพมืดมน จนวันตาย แค่คลื่นกรายกระทบฝั่งเหมือนดังเดิม แม้อยากมีวีรกรรมควรรำลึก ทุกเสี้ยวความรู้สึกยากฮึกเหิม ตราบความทุกข์ความท้อถูกต่อเติม คล้ายคล้ายเพิ่มบาดแผลแก่หัวใจ คืนคลื่นแรงลมกล้ากลางห่าฝน เคยมีคนคำนึงถึงบ้างไหม ปล่อยเวลาลบเลือนผู้เตือนภัย ลืมแสงไฟริบหรี่ช่วยชี้ทาง บนหอคอยความฝันอันว้าเหว่ ลมทะเลสัมผัสหน้าตอนฟ้าสาง แม้ว่าเรือชีวิตหวิดอับปาง เมินทุกอย่างที่ผ่าน....ใจด้านชา
19 มกราคม 2549 09:38 น. - comment id 554090
..แวะมา..สวัสดีค่ะ...
19 มกราคม 2549 11:06 น. - comment id 554112
แวะมาคาราวะ สวัสดีครับ
19 มกราคม 2549 12:33 น. - comment id 554148
กลอนสวยจังค่ะ
19 มกราคม 2549 13:00 น. - comment id 554164
ประภาคารร้างไร้คล้ายสิ้นหวัง หากคงยังส่องนำทางสว่างไสว ให้พรานทะเลเหว่ว้าดายเดียวใจ กลับคืนสู่นางไพรในอ้อมตักรักนิรันดร์ ประภาคารอย่าเสียใจใครทอดทิ้ง ทุกสรรพสิ่งมีหน้าที่พลีเพื่อฝัน ดาวดวงน้อยลอยดวงเคียงพระจันทร์ ให้งามนั้นเจิดจรัสรัศมีเพ็ญ แล้วประภาคารยังมีฝั่งฝันสวรรค์รู้ ตามดูอยู่อวยชัยให้ใช่หลีกเร้น แม้นปิดทองหลังพระปฎิมาเศร้าลำเค็ญ ก็สมเป็นปูชนียบุคคล กุศลทาน..
8 กุมภาพันธ์ 2549 19:06 น. - comment id 559281
บทนี้ชอบมากเลยค่ะ อ่านแล้วชวนเหงา เศร้า โดนใจดีจัง อย่าบอกใครเลยว่า..คิดถึงทะเลแค่ไหน เมื่อกี้ไปประชุมเชิงปฏิบัติการ กับเอ็นจีโอมา .. แม้ความหวังจะริบหรี่ แต่ตอนนี้หน่วยงานเขาเห็นความสำคัญของคนตัวเล็ก ๆ บ้างแล้วนะ หวังอย่างเดียวอ่ะเนอะ ว่าเขาอย่าแค่รับฟังแล้วผ่านไป เหมือนที่ผ่าน ๆ มาก็พอ อยู่เป็นเพื่อนกันนะ