http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song206.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song51.html อันเป็นดวงใจ..เนื้อทองของพี่ ............... เนื้อทอง.. ถูกปลุก...ด้วยเสียงสายฝนพรำสายเปาะแปะๆ ที่กำลังพรายกระทบแมกไม้ไทยรายรอบเรือนลีลาวดี ประดุจดั่งเสียงดนตรีสวรรค์ อันแสนพริ้งพราวจากราวสรวงยามฟ้าใกล้สาง น้ำค้าง..ยังหยดเย็น ดาวประกายพฤกษ์ยังทอดวงแจ่มจรัส เคียงจันทร์ประดับฟ้า เนื้อทองหนาวนวลเนื้อใจ ไร้เนื้อใครห่ม หนาวลมอุษา.... ที่พากันพัดพราย คล้าย.. มาพลีร่ายลมหายใจสดชื่นคืนให้แด่โลก ลบโศกแด่ผู้คนผู้รักษ์งามเงียบ ได้ใช้ชีวิตเรียบง่าย ใกล้ชิดท้องไร่ท้องนา และ.. ที่สำคัญรู้คุณค่าเทิดบูชา *อกแผ่นดิน* ถิ่นรวงทองแห่งแหลมสุวรรณภูมิพุทธ.. เนื้อทองนอนหลับตา พร้อม...สูดลมหายใจฉ่ำๆ ที่.. อบร่ำพร่ำอวล..มาด้วยมวลกลิ่นดวงดอกไม้ไทย ไม่ว่า.. จะเป็น วาสนาช่อพราว ขาวนวลของมะลิซ้อนมะลิลา กุมาริกา แก้ว แววประภัสสร พุดดอกหวานอรชรที่บานสะพรั่ง ฝากหวังหวานให้บานเบิกใจ รับขวัญ... วันปีใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา..ใกล้เข้ามา... เสียงบทเพลงปีใหม่... หวานแว่ว... ลอยลมมาจากโค้งคุ้งในยามรุ่งสาง กับ.. ฟ้ากว้าง กับสายลมหนาว.. จากเรือนไหน...กระท่อมไพร..ใครก็ไม่รู้..! ไผ่ริมคลอง.... ครวญเพลงอ้อนออด สอดเสียงซัดส่ายพร่างใบไหวซู่ช่าซู่ซ่า ท้าสายลม ราว... ลีลาดนตรีผสานผสมในยามเช้า.. เฝ้ารอ...ทายทัก พระอาทิตย์ชักรถมากับลมละมุน อันอ่อนอุ่น ให้ไออวลรับอรุณเบิกฟ้าหวานตระการ... ............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song202.html เสียงดุเหว่าแว่ว ...ทูล ทองใจ เสียงดุเหว่าแว่วมาเหมือนเตือนให้ สอง เรา ผวา จาก กัน ค่อน คืน ตื่น ฝัน เราเกี่ยวแขนกัน เที่ยวในแดนฟ้า พบวิมานเทวา ผ่านดาราน้อยใหญ่ปราสาทสีทองงามผ่องอำไพ โอ้เพลินใจในแดนสวรรค์ กอดกัน กระซิบกระแซะกัน ชวนชมนั่นดาว ระยิบระยับตา เพลินอยู่จนเสียงดุเหว่าแว่วมา เป็นสัญญาให้เราจากกัน อิงแอบ แนบ ปลอบใจ เสียงสะอื้น ยังจำได้ ร่ำอยู่จนใกล้ สว่าง ฟ้าสางแล้วเรา ต้องพรากจากกัน เสียง ดุเหว่า แว่วร้อง อยู่ กระตู้วู้ เมื่อครู่ เลือน หาย แสนเสียดาย สุดจะหมาย กลับ คืน. ..................... นกกาเหว่าร้องเศร้าตู้วู้ ๆ ๆ ช่างให้บรรยากาศ ราวมีบทเพลง..*ครูทูลทองใจ* มาคลอพ้อกระซิบที่ริมหู คู่เรือนไทย..คนรักเพลงอมตะ ดุเหว่า.. นกกาพากันผกโผบินไปทั่วทุกถิ่นไทย แม้นใครๆจะพากันเกรงกลัวไปทั่วหล้า ว่านกไพร ทั่วท้องนภา จะทำให้ร่างมลาย ตายได้ด้วยโรคไข้หวัดมรณะก็ตามที แต่.. จะห้ามนกนี้มิให้บิน ขังกรงสิ้นอิสรา ก็คงหาใช่ธรรมดาธรรมชาติฤาก็หาไม่.. หาก.. นกนี้ยังต้องมีปีกพลีปีกบินไปบนฟ้า ควาย... ยังคงรอท่าเทียมเกวียน เสมอเสมือน*คน.*.. ที่ยังคงต้องวนเวียนหาเช้ากินค่ำ..รับวงวิบากกรรม ให้โลกนี้..ยังมีพลังหมุน ไปๆไม่สิ้นสุด ไม่ว่าจะไปในทิศทางใด เพียง.. หวังให้ทุกดวงใจช่วยชะลอช้า มิให้...ฟ้าดินดับดิ้นสิ้นลับลา พาพบโศกวิปโยคแหลกสลาย กลายเป็นฝุ่นผงธุลีเร็วเกินไป ด้วย.. มรณานี้...ที่รอท่ามากับไฟสงครามนิวเคลียร์.. หากมวลมนุษยชาติ ยังคงมิเข็ดหลาบจำจดกับทุกข์บทเรียน.. หากยัง... คงเขลาประมาท.ให้เตรียมรอพลาด รับโศกสะเทือนวิปโยคไปตราบชั่วกาล.! เนื้อทอง.. นอนหนาวนิ่ง... ทบทวนทิพย์นิมิต*ในฝัน*เมื่อราตรีกาลที่ผ่านมา หลัง.. สวดมนต์ภาวนา ณ..เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธสุกปลั่ง ใน.. ท่ามแสงมลังเมลืองของแสงเทียนพราว ในเรือสุพรรณหงส์ทองคำ ที่จำลองมาเป็นราวเทียนเชิงเทียน ใจดวงพิสุทธิ์.. ได้น้อมพลีถวาย...ดวงดอกไม้มาลัยแสนงาม มาลัย... ที่รัดร้อยด้วยมะลิตูมตั้ง รายรอบนั้น..พร่างด้วยกลีบกุหลาบหอมพราว และ.. จุดเทียนทองเก้าเล่ม...ท่ามความเงียบงามสงบใจ และ.. นั่งสมาธิ พลีจิตใส ให้แสนสว่างกระจ่างแจ่ม ด้วยพลังศรัทธา ที่ปรารถนาเพียงรักษาจิต... ให้.. รู้สลัดตัดความคิดทุกสิ่งอย่าง ... ไม่ว่าดีร้าย คล้าย.. หมดสิ้นแล้ว...ถึงความยึดมั่นถือมั่นใดใด มิมี..ดวงใจไหวโศกตรมระทมท้อ ด้วยห่วงพันธนารักใด..รักใครอีกต่อไป..เลยแล้ว.. และ.. ในม่านราตรี ยามที่เนื้อทองนอนบนเตียงโบราณ กับจิตดวงตระการก่อนนิทรา เนื้อทอง จะท่องคาถากำกับสมาธิ ที่ทำให้นิทรารมย์ด้วยความสงบงามเงียบ ในทุกค่ำคืน มิให้ตื่นมาด้วยฝันร้ายใดๆ หากไยเล่า..!.. ราตรีที่ผ่านมา เนื้อทองจึงนิมิตแผกพิเศษ ฤา.. อาจจะเป็นเพราะว่า ในมโนนึก..ก่อนหลับตา เนื้อทอง.. ราวได้ยินเสียงเพรียก จากราวฟ้าเบื้องบน ที่.. หม่นเมฆหวาน...กำลังค่อยๆเผยม่าน คลี่ตระการ ผืนนภา สีกำมะหยี่ ที่มี... มวลดวงดาราต่างพารอ ขอออกันมาออดอ้อนกระพริบตาล้อมวลมนุษย์ อยู่แทบทุกค่ำคืน... และ..... เนื้อทอง ..อาจจะอ่านภพภูมิสวรรค์มากไป แถม..ยังดูสารคดีสิบตอน *ตามรอยพระพุทธเจ้า จนเคล้าจิตจับไว้คล้ายดั่งได้เห็นภาพจริง และ.. สิ่งที่เนื้อทองนิมิตเห็น คือ.. ภาพ*เนื้อทองผ่องเพ็ญ* ในชุดส่าหรีสีทอง.. งามเฉิดฉายพรรรณรายพราวแพรว คล้ายดั่งนางแก้ว..เกิดมาในสมัยพุทธกาล...! มี..กำไลงามรัดร้อย เป็น.. สร้อยสายเสียงกระทบกัน*กรุ๋งกริ๋งๆ... ยามก้าวเดินบนลานหญ้า มุ่งหน้า.. ไปริมบึงบัวในยามพลบค่ำสลัว ที่มีโบสถ์คร่ำ...ในท่ามลานโพธิ์..พิกุล หอมละมุนละไมมาในคลองฝัน และ.. บัวบุญในบึงฝันนั้น มีบัวขาวนับพันดอก โผล่พ้นน้ำ และ.. งามพราวราวเป็นบัวดวงดอกพิเศษพิสุทธิ์ เพราะคลี่ผุดกลีบแย้มหวาน ปานประหนึ่งบานพร้อมกัน ทั้งวังบัว สะพรั่งพรึบราวนึกนัดรอรับแม่นวลเนื้อทอง... เนื้อทอง.. จ้องมองภาพนั้น ... แล้ว...พลัน..! ราวกับเห็น ภาพโบสถ์คร่ำนั้น... มีแสงสว่างเป็นลำพร่างออกมา ให้.. เนื้อทองเดินพาร่าง..... ตามแสงไสวสวยเย็นใสราวอัญมณีรุ้ง ที่.. พุ่ง...รัศมีฉายฉาน...ปานประหนึ่งเรียวรุ้งโชติช่วง ประดุจดั่ง..รวงดาวนับล้านในกาแลคซี่ ที่มี.. พลังแสงแรงโรจน์หมุนวนจนแตกประกาย คล้าย.. ดั่งดวงดอกไม้หมุนวนหวานบานบานบาน ปานประหนึ่งรัศมีดาวดาราราย วนพราย...พลิ้ว..พริบพร่าง.. ก่อพลังสว่างกระจ่างจ้ารายรอบ เป็น.. วง...ทรงกลดอันแสนสดสีดงามเกินบรรยาย..! เนื้อทอง.. ค่อยๆ...ก้าวช้าช้า...ช้าช้า... พาตัวเดินไปตามลำแสง..ใสพร่าง แล้ว ... จึ่งทรุดร่างลงตรงหน้า *พระสงฆ์ชราองค์หนึ่ง* ที่นั่งภาวนา... อยู่ณ..เบื้องหน้าพระประธานสีทองอร่ามองค์โต แสงสงฆ์จากจีวร และ.. พลังแสงสุกปลั่งจากงามเงาองค์พระบรรเจิดจ้า ราวพาให้ทั่วทั้งโบสถ์นั่น ทาบทาด้วยรัศมีทองคำอันแสนจรัสเจรืองตาม.... งามจนสุดพรรณนา... ในฝัน... เนื้อทองพลีน้ำตาปิติเกษม และ ก้ม..ลงกรานกราบแทบบาทพระสงฆ์ พร้อม ได้ยินเสียงมากล้นพระเมตตา ทั้งๆที่ท่านหลับตา ดังก้องกังวานมากระทบ ราวลอยล่อง..มาจากแดนดิน ที่ไกลแสน...แสนไกล..ในห้วงอนันตกาล.. เหนือกาลเวลา..เหนือหล้าโลกย์..นี้ *อย่าหยุดทำความดี รู้พลีจิต...ฝึกสมาธิ รู้รักษาศีลมีสติ ที่จักพาให้เจ้านี้มีปัญญา มาตรแม้น.. ดวงชีวีเจ้า.... ต้องวนมารับวิบากกรรมอีกสักกี่ชาติ ก็.. จงเพียรทำ ถึงพบระกำระทมทดท้อ..อย่ายอมแพ้พ่าย โลก..ใกล้จะแตกดับ จะทิ้งคนนับพันๆล้าน ให้.. มอดมลายสลายหายไปเป็นอากาศธาตุในไม่นานช้า ราวสุสาน อันร้างลาไร้ร้าง อันแสน..อ้างว้าง เงียบงัน..! น่าโศกสะเทือนใจ..! จะเหลือ..เพียงผู้คนผู้ยึดมั่น ในร่มศีลธรรมและร่มพระรัตนตรัย และ พระอรหันต์ ผู้มากล้นบุญญาบารมี ที่เพียรพลีสะสมกุศลผลบุญ มานานนับอนันตชาติ ได้เกื้อการุณย์ ขนเหล่ามวลมนุษย์สรรพสัตว์ เพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายให้ ว่ายพ้นวังวนกิเลสโลกโศกสุข ให้พ้นทุกข์..รู้ดับ ได้ พลีธรรมทานฝากไว้กับ ผู้รู้รักความดีรักษาความดี มีเมตตา มีศีลธรรม เพื่อ ได้น้อมนำจิตพลีมาผุดผลิในโลกใหม่ ที่.. จักงามไสวราวสวรรค์สรวง... มี.. เพียงปวงธรรมชาติ เทวาอารักษ์ และผู้ปฎิบัติธรรมเท่านั้น ที่จัก.. ได้ผันผ่านภพ มาพบวิมานหล้า วิมานลอย ยาม.. จิตดวงน้อยดวงใสไสวเย็นว่างกระจ่างแจ้ง *ราวอัญมณีแก้ว* แสนเพริศแพร้วสงบเย็นนั้น ได้ถึงกาลเวลา. พลันลอยลา...คล้อยเคลื่อน เสมือนยามเดือนดวงแห่งชีวาชีวิต ถึงลิขิต..กาลแยกต้องแตกดับ และ.. มารับภพภูมิใหม่ *ภูมิวิลาสินี* ที่พลีรับเพียงคนดี เพียงนั้น เจ้าจงตั้งมั่นทำความดี และ มีน้ำใจพลีช่วยผองสัตว์ ที่..ยังมืดบอด ต่อยอดบุญ ผู้ทนทุกข์ยากมิพ้นวิบาก ยังมิพ้นวังวนพ้นโคลนตมดั่งบัวมิพ้นน้ำด้วย..เถิด จักประเสริฐสุด .. ให้สมกับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในร่มเงาพระพุทธศาสนาพระรัตนตรัย ได้พบพระธรรมคำสอนอันแสนเกษมใส แห่งพระบรมศาสดา พร้อม.. ได้มาอยู่ณ..ภายใต้ร่มฉัตร *พระมหากษัตริย์*ผู้ทรงบุญญาทรงทศพิธราชธรรม ธ..ผู้ทรงมีพระจริยธรรมงามล้ำล้นเลอค่า หามี..ซึ่งผู้ใด จะเทียมเทียบได้ไม่.. พระองค์... ผู้ทรงพลีร่างใจเสียสละ อย่างแสนยิ่งใหญ่ มาอย่างตรากตรำแสนยาวนานนัก ถึงหกสิบพระชันษาแล้ว จง..อย่าลืม... เพียรเพียงทำความดี ความดี เท่านั้น และ.. อย่าหลงยึดมั่นถือมั่นคาดหวังใด แล้ว สักวันวิบากกรรม ที่เจ้าเคยทำไว้จะสิ้นสุด และจะหยุดการเกิดดับนับนิรันดร..*จงจำไว้ ................... เนื้อทอง...สะดุ้งตื่น..! ในค่ำคืนอวลอากาศใกล้อุษา ในราตรีแสนหนาว ท่ามกลิ่นแมกไม้ไทยดอกหอมเศร้า กับนวลใจ ที่แสนไสวพราวราวรวงเพชรพร่าง.. เมื่อ.. เนื้อทอง นอนย้อนรำลึก นึกถึงนิมิตแผก หัวใจ.. ก็ราวได้ไออุ่นมาโอบแอบเอื้อประโลม ให้สิ้นทุกข์ท้อระทมที่เฝ้าโหมจากชะตาพรหม และ กับเนื้อกมลดวงนวล ดวงดี ที่ผ่องพรายคล้ายดั่งชื่อแม่เนื้อทอง ช่างหอมพราว รับสายลมหนาว กับพรายฝนสั่งฟ้า พาให้ดวงจิตยิ่งไสวเย็นเป็นยิ่งนักแล้ว....!!!! ........................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song51.html เนื้อทองของพี่ เนื้อ ทอง ของ พี่ เจ้าหนี พี่ ไป แรกเจ้ารัก พี่ก็รัก ปัก ใจ แต่เจ้าพลาด พลั้ง ไป ให้ใครสุดชม เนื้อ ทอง ของ พี่ พี่นี้ ต้อง ตรม กลับเถอะหนา อย่าไปหา อื่น ชม เจ้าให้พี่ ภิ รมย์ ชม ขึ้น ใจ หวัง อยู่ เคียง ข้าง นาง นอน สุดโศกศัลย์ เจ้าเท่านั้น บั่นทอน อ้อมกอดพี่ร้าว รอน หรือ อย่าง ไร รัก จึง ลา ล่วง ดวงใจ พี่อ้างว้าง ด้วยเจ้าร้าง ห่าง ไกล หลงอ้อมกอด ของใครใคร สุด ตรม พี่ซิเฝ้าคอย คอยหา เนื้อทองไม่ มา ยิ่ง มอง คอยแต่เธอละเมอใจปอง ขอให้คืน คง ครอง พี่จะคอย เนื้อ ทองครอง คู่ เอย หวัง อยู่ เคียง ข้าง นาง นอน สุดโศกศัลย์ เจ้าเท่านั้นบั่นทอน อ้อมกอดพี่ร้าวรอน หรือ อย่าง ไร รัก จึง ลา ล่วง ดวงใจ พี่อ้างว้าง ด้วยเจ้าร้างห่าง ไกล หลงอ้อมกอด ของใครใคร สุด ตรม พี่ซิเฝ้าคอย คอยหา เนื้อทองไม่ มา ยิ่ง มอง คอยแต่เธอละเมอใจปอง ขอให้คืน คง ครอง พี่จะคอย เนื้อทองครอง คู่ เอย... .............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song206.html ฉันมีเธอนั้นอันเป็นดวงใจ โอ้เป็นความรักยิ่งใหญ่ เหมือนดาวรักใคร่ฟากฟ้า เหมือน ดังแสงสุริยา สาดแสงส่องพื้นภพหล้า ลงมาจูบทานตะวัน เห็นใจเถิดฉันนั้นยังดำรง เทิดทูนความรักสูงส่ง ซื่อตรงไม่เปลี่ยนแปรผัน หวัง ใจได้คู่เคียงกัน ตราบนิรันดร์มั่นหมายสวาท เป็นทาสความรักเสมอ อันเป็นดวงใจมานานแรมปี เป็นราชินี แห่งใจฉันนี้คือเธอ ทุกๆ ค่ำเช้าเฝ้าละเมอ จิตใจพร่ำแต่เพ้อว่า รัก รักเธอรักจริง ฉันรักเธอเหมือนดังดวงชีวา ไม่เคยจะคิดเลยว่า สัญญาแล้วจะทอดทิ้ง เห็น ใจฉันบ้างยอดหญิง มอบหัวใจให้แล้วทุกสิ่ง ด้วยความสัตย์จริงเสมอ แด่เธอ ผู้เป็น ดวงใจ...
29 ธันวาคม 2548 11:15 น. - comment id 550101
เนื้อทองสุกปลั่งสะพรั่งแผ่นดิน จากถิ่นอยุธยาบุรีศรี ผ่านกาลเวลาสมัยหลายร้อยปี มาเผยเนื้อรวีรัตนโกสินทร์ มั่งคั่งเกษตรกรกสิกรรม อิ่มหนำข้าวสุกสวยท้องถิ่น ลมป่าพัดครืนครืนหลั่งริน อวลกลิ่นวัฒนธรรมชาวสยาม ไหวพระพุทธพระธรรมรัตนไตรย ยิ่งใหญ่ล่องเรือข้ามฟากฝากหนาม พุทธบุตรประชาสัตว์เดินรอยตาม ฝ่าข้ามสะพานมหาวัฏฏนทีเทอญ
29 ธันวาคม 2548 11:15 น. - comment id 550102
อ่านงานงามนี้หวนให้นึกถึงสาวบ้านนาในอดีตจริงๆ ครับ ผมเคยเล่าให้ฟังไว้แล้วครั้งหนึ่ง ไม่เล่าอีกแล้วนะครับ ตอนร้องเพลงทุ่งรวงทอง ผมมักจะร้องเพลงนี้กำกับไว้เสมอๆครับ สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ สาวงามที่น่ารักแห่งพงไพรแก้วประเสริฐ.
29 ธันวาคม 2548 13:09 น. - comment id 550157
แวะมาอ่านงานที่ชอบอ่านเสมอๆแหละขอรับ