พอระบำโมบายกรีดกรายฟ้อน คีตกรเปลือกหอยคอยกล่อมฝัน เสียงซึ้งซึ้งใสใสใต้แสงจันทร์ คล้ายดนตรีที่คนธรรพ์ร่วมบรรเลง แล้วลำนำบทหนึ่งจึงถูกเขียน ทำนองเนียนละมุนละไมไม่เร้าเร่ง แทรกเสียงจากหัวใจในบทเพลง เพื่อจะเปล่งคำเรียกร้องของหัวใจ วานโมบายบอกเธอว่าเพ้อถึง เฝ้าคำนึงปรารถนามาอยู่ใกล้ ระหว่างวันเวิ้งว้างความห่างไกล นานแค่ไหนกันหนอการรอคอย "รักแล้วนะ..รักแล้ว" เพลงแว่วหวาน ทุกลมผ่านรำเพยเหมือนเอ่ยถ้อย โมบายร่ำจำเรียงเพียงใจลอย เผลอละห้อยโหยหา......น้ำตาคลอ
7 ตุลาคม 2548 15:44 น. - comment id 524633
กุ๊งกิ๊ง ๆ แหะ ๆ มาตามเสียงเพลง เป็นอย่างนี้นี่เอง
7 ตุลาคม 2548 16:09 น. - comment id 524645
.....มาฟังเพลงค่ะ
7 ตุลาคม 2548 16:11 น. - comment id 524647
ลมระบายส่ายหญ้าคราระบำ แล้วฝนพรำพร่างสายรายหยาดหอม ดินพลอยฟื้นตื่นยิ้มพริ้มพริ้มรอม หยาดน้ำหลอมรวมแอ่งในแก่งใจ บทเพลงฝนหล่นโปรยโรยสายเสียง ซึ้งสำเนียงเสียงหยดช่างสดใส ฟังเส้นเสียงเรียงนั้นพลันไม้ใบ ผลิตาใหม่จากตุ่มกลางพุ่มพง อยากมีเธอเพ้อคำร่ำเคียงข้าง มองดอกคว้างร่วงรายร่ายระหง อาจฝนเด็ดดวงดอกบอกจำนง ว่าให้ลงไปทักประจักษ์ดิน แต่ความในฤทัยของคนข้าง จะรู้บ้างไหมเธอฉันเพ้อสิ้น สุขทุกเสียงเรียงร้อยย้อยหยาดริน น้อยกว่ายินเสียงใจข้างในเธอ..
7 ตุลาคม 2548 17:04 น. - comment id 524679
อ่านไปยิ้มไปครับ
7 ตุลาคม 2548 17:17 น. - comment id 524702
ลมระลอกพัดหญ้าคราอ่อนไหว ระบัดใบพลิ้วหว่างท่ามกลางฝน ระบำหญ้าส่ายไปมาช่างน่ายล เคล้าปะปนกรุ่นไอดินกลิ่นชื่นใจ บทเพลงฝนโปรยปรายส่ายสะบัด ได้ยินชัดบรรเลงเพลงสดใส ธรรมชาติสรรค์สร้างอย่างละไม จนหลงใหลสายฝนที่หล่นพรำ อยากมีเธออยู่ใกล้ในอ้อมกอด แล้วพร่ำพรอดนานนานให้หวานฉ่ำ บรรยากาศเป็นใจให้จดจำ รสรักล้ำคู่เคียงเพียงสองเรา แต่ความจริงแตกต่างอย่างที่หวัง เมื่อรักยังไม่มีใครใจจึงเศร้า โหยไห้หาคว้าเสียงได้เพียงเงา ยังคงเหงาท่ามกลางฝนทนทุกข์ใจ
7 ตุลาคม 2548 17:38 น. - comment id 524717
เพลงระบำโมบายพรายแผ่วหวาน ดอกรักบานแจ่มจิตยามคิดถึง ดอกเสน่หาพร่างลากับฟ้าซึ้ง ดอกโศกจึงคลี่แย้มแต้มกลางใจ ดอกคิดถึงยังตรึงตราลีลาวสันต์ จะกี่วันจะกี่คืนยังหวามไหว ดอกฤดีบานเศร้านะดวงใจ ดอกลาไกลคอยผลิแย้มแกล้มน้ำตา ดอกตัดสินสิ้นสวาทนิราศร้าง ดอกอ้างว้างเลือกดายเดียวมิเหลียวหา ดอกยอมรับกับใจเราเขลานานมา ดอกร้างลาจึงแย้มบานบนลานใจ ดอกพุดซ้อนเลิกซ่อนรักสลักจิต ดอกชีวิตเหลือเพียงว่างกระจ่างใส ดอกธรรมะผุดพร่างณ..กลางใจ ดอกไม่รักใครจึงชูช่อรอพ้นน้ำ..!!!
7 ตุลาคม 2548 18:51 น. - comment id 524740
ผมอยากจะเป็นโมบายจริงๆ เนียนมากครับสำหรับคำ
8 ตุลาคม 2548 06:33 น. - comment id 524867
พอโมบายกรีดดังฟังสะท้อน ยังอาวรย้อนถึงซึ่งความหลัง ปล่อยหัวใจล่องลอยลงภวังค์ น้ำตาหลั่งเมื่อใดไม่รู้ตัว
8 ตุลาคม 2548 15:48 น. - comment id 525078
ก๊อกๆ แก๊กๆ อิอิ เสียงใครปีนเข้าหาหนอ หุหุ
10 ตุลาคม 2548 04:18 น. - comment id 525492
.... เผลอละห้อยโหยหา......น้ำตาคลอ ... ก็อยากแต่ง อยากต่อ หรอกค่ะ.. แต่มันตื้อจริง ๆ
13 ธันวาคม 2551 02:47 น. - comment id 923554
กลางลมหนาว ดาวพร่าง น้ำค้างหล่น หนุ่มขี้บ่น โทรทวง ความห่วงหา คิดถึงนะ คิดถึง ซึ้งซ่านมา แหงนดวงหน้า กรุ้มกริ่ม..ยิ้มลำพัง กังสดาล โมบาย คล้ายเสียงอ้อน คีตกร ธรรมชาติ ชวนวาดหวัง ดุจเพลงทิพย์ ชโลม โถมกำลัง ร่ายมนต์ขลัง.. รัก รัก จงปักใจ อ่านลำนำ บทหนึ่ง กึ่งซึ้งเศร้า คำบอกเล่า ยังมั่น อย่าหวั่นไหว แม้สองเรา แรมร้าง ห่างกันไกล ตอกย้ำนัย เพียรเฝ้า เคล้าเคลียคลอ จมภวังค์ วาดฝัน ถึงวันหวาน เวลาผ่าน สัญญาไว้ จริงไหมหนอ มองโมบาย กรีดกราย คล้ายเสียงพ้อ รักต้องรอ รักให้รอ เฮ้อ...ท้อจัง ** สามปีแล้ว.. ก็ยังแวะเวียนมาอ่านบ่อย บทนี้แต่งต่อ ชอบบทนี้จริงๆ จ้า