ก่อน ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ ข้ามธารเจ้าพระยาขึ้นท่าน้ำ แล้วเดินจ้ำสู่ธรรมศาสตร์ด้วยมาดมั่น เพียงสิบหกวันเยาว์เพียงเท่านั้น แต่มีฝันมีไฟในดวงตา ไปร่วมแรงแข็งขันมุ่งมั่นสู้ จะกอบกู้ประกาศชัยไฟแสงกล้า มีมากความเข้มแข็งแรงศรัทธา เราจะฝ่าจะฟันเพื่อบรรลุชัย จำรสชาติแกงเนื้อผัดถั่วงอก น้ำกระบอกหนึ่งเติมเพิ่มแรงให้ ได้ร่วมแรงเร่งรุดจุดกองไฟ จะก้าวไปให้ถึงซึ่งดวงดาว ร่วมรับฟังมากมายในครานี้ บนเวทีผู้นำย้ำคำกร้าว ประชาชนทนไม่ไหวจะยอมร้าว เราจะก้าวต่อไปไม่ถอยแล้ว วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ แม่ห้ามลูกเดินออกไปนอกบ้าน.. จะคัดค้านอย่างไรไม่เป็นผล ออกพรรษาไปทำบุญเกื้อกูลตน แม่ทำข้าวต้มลูกโยนปรนเปรอกัน พอสายสายเสียงแรกแหวกอากาศ หวิวและหวาดหัวใจให้ไหวหวั่น ประกาศข่าววิทยุระอุพลัน เริ่มเสียขวัญไหวสะทกอกเจ็บร้าว ไม่อยากเชื่อจะมีวันที่เห็น ช่างลำเค็ญสูญเสียเพลียและหนาว ทั้งสับสนงุนงงตรงเรื่องราว กะข่าวคราวหลายหลากยากจะฟัง แต่รู้อย่างหนึ่งนั้นที่มันแน่ คนไทยแย่เข่นฆ่าน้ำตาหลั่ง ทรราชกำแหงสุดมิหยุดยั้ง ก่อนจะพังย่อยยับดับดิ้นแล้ง จากวันนั้นถึงวันนี้นานปีมาก แต่ว่ากากทรราชยังแอบแฝง ยังแอบเร้นสร้างเวรกรรมมารจำแลง การฆ่าแกงเปลี่ยนรูปแบบที่แยบยล ช่วงชิงขั้วแห่งอำนาจสัตว์มนุษย์ ไม่สิ้นสุดคนไทยล้าฟ้าหมองหม่น เรียกหาฟ้าสีทองผ่องกมล เรียกหาจนตัวตายกี่รายแล้ว --------------------------------------------- จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็เข้าไป32 ปีแล้วมันผ่านมานานมาก. ผู้สูญเสียก็จากไป. ผู้ได้รับชัยก็เริงร่า. ไม่มีใครได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง มันเป็นการผลัดเปลี่ยนขั้วแห่งอำนาจ ทรราชยังมีอยู่เสมอพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไปเท่านั้น และฉันได้เห็นอีกอย่างหนึ่งว่าเวลาที่แปรเปลี่ยนไปได้เปลี่ยนแปลงผู้คนไปมาก.ทัศนคติ อุดมคติ และเจตคติของคนหลายคนได้เปลี่ยนไป และมันก็เป็นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ของชาติ.ในมุมมองของแต่ละฝ่าย. ขอคารวะดวงวิญญาณท่านผู้กล้า ผู้ทายท้าอำนาจรัฐอันป่าเถื่อน ยังจดจารจำไว้ไม่ลืมเลือน ยังย้ำเตือนท่านไว้ที่ในทรวง ผู้กล้าใหม่ในวันนี้ยังมีมาก พร้อมจะฝากชีพไว้ไม่แหนหวง แสวงหาเสรีที่ไม่ลวง จะตามทวงความเป็นธรรมคืนกลับมา พิราบขาวยังโผผินบินได้สูง ที่หมายมุ่งประกาศตนคือคนกล้า ประชาชนรอเป็นใหญ่ในพสุธา จะทายท้าอำนาจรัฐขจัดภัย ณ ที่นี่อำนาจใดจะใหญ่เท่า จะเพียรเฝ้าหาอิสระเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ มีคำกล่าวผู้ปกครองผ่านมาแล้วก็ผ่านไป.. ประชาชนเท่านั้นจะกำชัย..ในบั้นปลายมือ ขอนำมาลงที่นี่อีกหน ให้คนรุ่นหลังได้อ่านกันค่ะ
5 ตุลาคม 2548 21:57 น. - comment id 523640
แต่งได้เยี่ยมจริง ๆ ค่ะ ชอบทุกบทที่ลงมาเลยค่ะ
5 ตุลาคม 2548 21:41 น. - comment id 523674
ค่ะ ตอนนั้น คุณพ่ออยู่ธรรมศาสตร์ปีสี่ คณะบัญชี ท่านเล่าให้ฟัง อัลมิตราก็นั่งฟังตาแป๋ว พยายามนึกตาม จนในที่สุด คุณพ่อ ก็พาทัวร์ธรรมศาสตร์ ชี้ให้ดูจุดเกิดเหตุ วันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่า ประวัติศาสตร์จะรอคอยวันที่ซ้ำรอยอยู่อีกหรือเปล่า ค่ะ
5 ตุลาคม 2548 21:44 น. - comment id 523677
14 ตุลา 2516 ผมเด็กมาก เปิดวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ฟังเหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเกินกว่าที่วิทยุบอก ทั้งแม่ก็บอกอีกว่า อย่าไปยุ่งกับนักศึกษานะ ผมสงสัยและค้างคาใจเรื่อยมา จนเมื่อผมเป็นนักศึกษา ผมค้นหนังสือเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนั้นและครั้งหลังคือ 6 ตุลา 2519 มาอ่าน จึงได้เห็นภาพทั้งหมด ไม่ใช่ภาพข้างเดียวแบบที่ผมได้ยินในวิทยุในช่วงวัยเด็ก เมื่อรู้ ผมจึงรักและเคารพคนเดือนตุลามาก ขอกราบคารวะด้วยหัวใจ
5 ตุลาคม 2548 22:39 น. - comment id 523737
แวะมาอ่าน ประวัติศาสตร์จารึกไว้เป็นอุทาหรณ์ คงไม่ซ้อนรอยอดีตที่ขืนขม หลายชีวิตที่ต้องตรอมตรม ดวงกมลคนรุ่นใหม่ให้ไตร่ตรอง
5 ตุลาคม 2548 22:45 น. - comment id 523744
6 ตุลาคม 2548 15:47 น. - comment id 524059
ไม่ทันเหตุการณ์นั้นอะ..เพราะเพิ่งยี่สิบแปดเอง...อิอิ... ***มาทักทายเช่นเคยครับผม
6 ตุลาคม 2548 16:44 น. - comment id 524099
ชื่นชมครับ ขอให้อำนาจเถื่อนและความไม่ชอบธรรมหมดไปจากใจคนเสียที..
6 ตุลาคม 2548 19:11 น. - comment id 524164
มีโอกาสได้...เห็นวันนั้นทัน ..............เศร้าใจ
6 ตุลาคม 2548 20:40 น. - comment id 524213
แวะมาบอกอายุอานามของตนด้วยหรือครับนี่ แต่ผมคิดว่าอายุของคนเรายิ่งเพิ่มมากขึ้น ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับ นำมาบวกลบคูณหารกัน ผลสุดท้ายในที่สุด จะทำให้จิตใจของเราไม่เด็ดขาดเช่นวัยรุ่น (อาจจะคิดผิดไปแค่ผมก็ได้)
6 ตุลาคม 2548 22:54 น. - comment id 524314
มิได้มีโอกาสทักทายกันเลย นานทีเดียว.. สบายดีนะครับ... ปีนั้นเป็นปีที่คนรุ่นเก่าๆ ต้องจดจำ บางสิ่งบางอย่างก็เกี่ยวพันกับช่วงชีวิตในขณะนั้น และได้แต่หวังว่า มันจะไม่เกิดขึ้นอีก..
7 ตุลาคม 2548 09:08 น. - comment id 524419
8 ตุลาคม 2548 21:09 น. - comment id 525154
**.. ชอบมากๆครับที่คุณบอกว่า... จากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็เข้าไป32 ปีแล้วมันผ่านมานานมาก. ผู้สูญเสียก็จากไป. ผู้ได้รับชัยก็เริงร่า. ไม่มีใครได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง