ใครสักคนบ่นลำนำพร่ำรู้สึก เผยสำนึกผนึกไหวหวั่นใฝ่ฝัน สายตาเหม่อเบลอท้อทดใจกดดัน กายส่ายสั่นพรั่นพรึงถึงรักร้าว "ฉันจะปิดดวงตาครารับรู้ เจ็บเกินกู่ เก็บ-ยึดถือเรื่องอื้อฉาว ทุกจังหวะปะทะชีวิตผิดทุกคราว ไม่อาจสาวความเป็นมา ... กว่าเป็นไป ฉันจะปิดหูฟังยังไม่รับ สิ่งสดับโลกเคลื่อนวารเลื่อนไหล หมุนวุ่นวนหม่นหมองครรลองใจ กวัดแกว่งไกวกระหน่ำดังเกินฟังรับ ฉันจะปิดปากเงียบไม่เลียบลิ้ม รสใดชิมหวานเค็มขมเข้มขับ เมินจะรู้เมินจะลิ้มชิมประทับ แนบซ่านซึ้งซาบซับเกินรับจำ ฉันจะปิดจมูกสัมผัส ชัดกลิ่นกรุ่น หอมหรือฉุนซ่านจิตเคยคิดร่ำ สัญญาเนื่องเรื่องรักมักทำช้ำ ไม่อยากพร่ำเพ้อไหวในชีวิต ฉันจะปิดสัมผัสกายคล้ายคลึงเคล้า แนบเนื้อเบาแรงอุ่นละมุนจิต จะแน่นหนักไม่รับรสระทดคิด แม้เสียดชิดไม่รู้รักไม่รู้ร้อน ฉันปิดใจไหวหวั่นนั่นทั้งหมด ไม่เริงรสเริงใจเริงเร้นซ่อน ไม่เปิดรู้สู่โลกกว้างทุกทางจร ไม่อ้อนวอนเกี่ยวพันโลก .. ซึ้งโศกตรม" ฉันฟังคำคร่ำครวญเธอหวนรัก ด้วยถูกผลักรังแกแท้ขื่นขม ป้องปิดรอยรวดร้าวราวระทม ใจระบมปกแผลร้าวคราวฝันพัง "เถิด .. เปิดจิต ทุกทิศทางอย่างเป็นอยู่ จงเรียนรู้สิ่งแจ้งแห่งแรงหวัง หากเธอปิดคิดผลักทั้งรัก-ชัง นั่น ... เธอฝังกองทุกข์เกินปลุกคลาย เถิด .. เปิดตารับฟ้ากว้างอย่างตาเห็น อย่าปิดเร้นไถ่ถามถึงความหมาย ทุกจังหวะจะกระทบทับทักทาย แจ้งสิ่งกรายแจ่มจิตทุกทิศทาง เถิด .. เปิดหูรู้รับสดับเสียง ยินสำเนียงเงียบงันฝันเพริศพร่าง สงบเงียบเทียบทบซบเสียงวาง สรรพเสียงสรรค์สร้างกระจ่างใจ เถิด ..เปิดปากแย้มยิ้มรับลิ้มรส ชิมทุกพจน์เพียงสัมผัสชัดแจ่มใส คาว-มัน-จืดชืด-หวาน ขมเค็มใน จะเปรี้ยวจี๊ดเผ็ดใส่ใจได้รู้ เถิด .. เปิดรับกับกรุ่นกลิ่นฉุนซ่าน เรียนรู้การปรุงแต่งแห่งเป็นอยู่ เพื่อเบิกบานขานรับกับสิ่งดู หากปิดจะเจ็บเกินกู่ .. ไม่รู้ทัน เถิด .. เปิดกายคล้ายรับกับสัมผัส อุ่นร้อนเย็นชี้ชัดสิ่งแปรผัน ตรึกสติตริตรองคล้องวารวัน ไม่ไหวหวั่นการกระทบที่ซบซ้อน เถิด .. เปิดใจใสสว่างกระจ่างจิต เพื่อรู้ผิดรู้ชอบระบอบซ่อน เพื่อสร้างสรรค์ปัญญามั่นทุกขั้นตอน ไม่ไหวอ่อนหมกมุ่นเพียงขุ่นใจ เถิด .. สิ่งเกิดผ่านมาถ้าเรียนรู้ พาเธอสู่ประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ อย่าปิดหูปิดตาปิดกายไป เรียนรู้ไว้จะเบิกบานทุกวารวัน" ฉันปลอบคำคร่ำครวญใจหวนคิด โลกลิขิตแกว่งไกวเกินไขว่ฝัน หากใจเปิดสัมผัสจัดให้ทัน ฤๅจะหวั่นร้าวรักสักเพียงใด ซึ้งเบิกบานซ่านรักเพียงพักผ่าน แต่ตำนานจิตกว้างช่างยิ่งใหญ่ ย่อมเหนือรัก-ชัง-ดีชั่ว-กลัว-หวังใจ เบิกโลกใสด้วยการเปิด .. เถิดลองทำ. (สิ่งจริงแท้จะก่อเกิด หากเปิดสัมผัสให้ชัดแจ้ง)
30 กันยายน 2548 10:02 น. - comment id 521342
สุขทุกข์มันอยู่ที่ว่าจิตผูกพันธะกับอะไร ทุกสิ่งสรรพ์ล้วนอนิจจัง
30 กันยายน 2548 10:08 น. - comment id 521347
ต้อนรับกลับบ้านค่ะ งานงามเสมอไปเสมอใจค่ะคนดี ด้วยรักล้นใจ พีพุด
30 กันยายน 2548 10:20 น. - comment id 521361
งดงามครับผม(กลอน)..อิอิ..
30 กันยายน 2548 10:24 น. - comment id 521367
มาเปิดใจฟังครับ
30 กันยายน 2548 10:26 น. - comment id 521369
แวะมาอ่านงานงามๆของน้องสาว ปลอบดวงจิตที่ปิดร้าว เปิดดวงจิตที่สะอาดใส ครวญคิดสิ่งต่างๆที่เป็นไป ให้สัมผัสกับใจที่เย็นสงบ ไปกันได้ไหมเนี้ย งง เหมือนกัน
30 กันยายน 2548 10:56 น. - comment id 521396
30 กันยายน 2548 12:05 น. - comment id 521412
มาแล้วเจ้าค่า ทำไมพี่แดดจ้าปลอบได้มีสาระยังงี้ค่ะ อิอิ แหมม คนฟังสงบเพราะอึ้งอะฮ่าๆๆ นึกว่าฟังเทศ คิคิ ล้อเล่นจ้าๆ กลอนของพี่ก็ยังเป็นกลอนที่ดีมากเช่นเดิม คงเส้นคงวาตลอดเลย ต้อนรับกลับบ้านค่ะ
30 กันยายน 2548 12:10 น. - comment id 521418
แหะๆๆ ว่างๆมาปลอบน้องบ้างดิ คิคิ แต่น้องว่าพี่แดดคงจะออกแนวปลอมแกมบ่นมากกว่า คิคิคิ อะย้อเย่นนนน มากวนๆป่วนๆพี่สาวคนเก่ง ให้คิดถึงเราไม่อยู่หลายวัน
30 กันยายน 2548 13:20 น. - comment id 521494
จะเปิดตามองสาวที่พราวพร่าง เปิดหูกางฟังเสียงสำเนียงหวาน จะเปิดปากเอ่ยสำเนียงเสียงกลอนกานท์ จะเปิดฆานรับรู้กลิ่นหอมชื่นใจ จะโอบกายแนบชิดไม่ปิดป้อง แล้วจะลองสัมผัสลูบจูบหลงใหล ใช้สัมผัสทั้งห้าท้ากายใจ เผื่อตัดได้..ไม่คร่ำครวญ..หวนอีกเลย เปิดแบบนี้ใช่ไหม...ที่อยากให้เปิด......