ที่สุดของเราก็เท่านี้ เห็นมีเพียงกายกับจิตสถิตอยู่ จิตเป็นนายคอยกำกับการรับรู้ ผ่านตาหูจมูกลิ้นและผิวกาย ความรู้สึกสวย-ทรามยามตาเห็น หอมหรือเหม็นกระทบถูกจมูกหมาย เพราะ ไม่เห็นสัมผัสหูมิรู้คลาย ลิ้นน้ำลายรับรสโอชโอชา กายกระทบเย็นร้อนอ่อนหรือแข็ง ล้วนปรุงแต่งจากจิตคิดสรรหา เป็นรักโลภโกรธหลงล้วนมายา จิตจึงพาเวียนว่ายในบ่วงมาร ให้หลงไหลในรูปรสกลิ่นเสียง คิดว่าเที่ยงลวงให้เห็นเป็นแก่นสาร ชอบก็เสาะแสวงไว้ครองให้นาน ชังก็ต้านผลักไสไม่อยากชิด จะดับเหตุแห่งทุกข์หรือสุขสิ้น ต้องดับถิ่นกำเนิดเกิดจากจิต มิให้ฟุ้งปรุงแต่งเป็นแรงพิษ คุมความคิดความเห็นไว้เป็นกลาง เมื่อจิตนิ่งผ่องใสใจสงบ ก็จะพบความสะอาด ความว่าง ทุกสิ่งสรรพพลันกระทบก็ปล่อยวาง เหมือนน้ำค้างกลิ้งหล่นบนใบบัว จะทำจิตอิสระประภัสสร ละนิวรณ์ละกามละความชั่ว ต้องคุมจิตเอาไว้ภายในตัว อย่าเผลอมัวหลงใหลในอบาย หมั่นคุมจิตเอาไว้ให้รวมศูนย์ เพียรเพิ่มพูนสติมั่นสำคัญหมาย เจริญศีล สมาธิ มิให้คลาย ดวงปัญญาก็จะฉายแววเรืองรอง จนเกิดเป็นปัญญาจ้ากระจ่าง จะพบทางสัจธรรมชี้นำส่อง ดับความมืดอวิชชาที่คร่าครอง ความถูกต้องนำจิตสู่ทิศทาง จิตจะละความโลภความโกรธหลง จะปลดปลงทุกข์สุขสิ้นทุกอย่าง ดับกิเลสดับเชื้อที่เจือจาง สู่ความว่างเป็นทิพย์สู่นิพพาน
26 กันยายน 2548 10:01 น. - comment id 519077
สุดยอดงามจิตค่ะ ขอตามติด เป็นกำลังให้รจนางานธรรมค่ะ ด้วยรักยินดีค่ะ
27 กันยายน 2548 01:45 น. - comment id 519540
การเข้าถึที่สูงนิพพานนั้น ต้องมีวัน เข้าไป ให้หมั่นขยัน ก็ฝุกจิตให้นิ่ง ทุกสิ่ง มาพิงกัน สร้างศีธรรมทั้ง๕ เป็น ฐานกัน สิ่งต่อไป การละ ทุกสิ่งนั้น เป็นสิ่งอีนยากที่จะปฎิบัติ ขันธ์ อริยสัจสี่ พลีได้ ทำให้กัน ได้ถึงขั้น นิพพาน โอ้ แก้วตา