ด้วยปีกแห่งฝัน...

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
(รักข้ามขอบฟ้า..อาลัยรัก)
.................


จันทร์เสี้ยว...ดวงเศร้า
ลอยคว้างอย่างแสนงาม..ในท่ามฟ้าแจ่ม
ผม..
จุดเทียนวะวับแวมวะวิบวาว
ในค่ำคืนที่เหงาเปลี่ยว
ที่ยังพอมีไรแสงดาวระริบหรี่


ราตรีนี้...
ผมตั้งใจมาพลีร่างจิต
มาสถิตนอน ณ..เรือนจำปี..นานๆที 
แบบที่..
อยากย้อนรอยถอยบรรยากาศ
ให้แสนสุขเกษมเปรมปรีย์
แบบ..ที่
ให้หัวใจดวงสะออนได้รับกลิ่นไอฝนระรินร่ำ


ที่ไม่ว่าจะเป็น
กลิ่นไอฝนไอฝัน..กลิ่นไอดินที่ไหนไหน
ในพื้นพสุธาในหล้าโลกนี้..
ที่...
ผมเคยไปใช้ชีวีชีวิตมาอย่างนานเนานับสิบปี
อย่างคนเหงาใจอย่างคนไกลบ้าน 
ก็มิหวานหอมให้ไสวไออุ่นละมุนละเมียด
ณ..ภายในดวงจิตสถิตงามเป็นสุขนิรันดร์
ได้เท่าเทียมกันกับ
กลิ่นไอดินแห่งผืนแผ่นดินไทยนี้..
ที่เป็นดั่ง..*ผืนดินเกิด..*


และกับ..
ในราตรี...ยามนี้
ที่ดวงดงดอกไม้ไทย
กำลังไหวหวาน
กำลังพร่างผลิผุดช่อละออรวงดวงดอกตระการ
ไม่ว่า..
แก้วสราญ ฤา การะเวก  จำปี 
 ที่กำลังน้อมพลีพวง
ให้แสนหอมห้วงในนวลใจ...ในดวงใจ..


ในท่ามความเงียบงามสงบสุข 
ผม...แอบซุกตัวเองกับหมอนนิ่มนวล
พร้อมกับหลับตา...
รับอวลหอมอวลงามเงียบแห่งทุกสรรพสิ่ง


ผมนอนนิ่งๆ
ทิ้งใจให้ผสานไปกับความสงบสงัด
ที่แสนชัดลึกในมโน...นึก
และ...
โน่น..บนฟากฟ้า
ที่มีแสงเดือนพราวดาวระเรื่อราง
ผมเห็น...นกเหล็กสีเงินงาม 
กำลังกางปีก ร่อนบินไปยังแดนดินไหนก็ไม่รู้


ทำให้ผม..
แสนคิดถึงคนในดวงใจ...อย่างที่สุด
ที่.ราวนกไพร แสนงาม
ได้ติดปีกแห่งฝัน..
พลันบินไปทั่วโลกหล้านี้
และอย่างมีอิสราเสรีอย่างมีความสุข...
ผม...
ได้ยินบทเพลง..
วะแว่วหวานมาในท่ามภวังค์รักภวังค์ฝัน
......................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html
รักข้ามขอบฟ้า ศรีไศล สุชาติวุฒิ
ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล
ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร 
ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน
รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว
รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว
...........


วันนี้..................
ในยามบ่าย..
ผมพาตัวเองเดินดายเดียวในตลาดนัด
ทั้งๆที่มีคนมากมายเดินกันขวักไขว่ราวมดปลวก
ผม..
เพียงแค่อยากลองหลีกลี้หนีความจำเจ
ที่ผมเคยชินทุกวารวัน
ลองไปเดินดูสวรรค์บนดินของนักจับจ่าย


ที่มิใช่...
มีเพียงชาวไทย
หาก..
มีผู้คนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
มาจับจ่ายอย่างเมามันส์อย่าง...สุขสันต์
ได้..
เติมสุข
ด้วยวัตถุที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า..ท้าเงินงาม
ที่จะวิ่งตามย้ายที่ออกไปตุงในกระเป๋าคนที่ผลิต..


แต่.............
สำหรับชีวิต..ผม.
แค่มาทอดทัศนาความเป็นไป
และ
พอให้หัวใจได้สัมผัสแผกบ้าง
ใช่ฝังตัวเองเพียงบ้าน 
และทำแต่งาน งานและงาน..


ผม...เดินดู บัว บัวเผื่อนบัวผัน...
บัว...ที่มากี่ครั้งๆ
แม่ค้าเจ้าประจำผู้รู้ใจจะรีบจัดใส่ถุงให้
ดูต้นไม้....กรายกลีบลีลา
กล้วยไม้นานาหลากพันธุ์
ดู ...
ไอเดียแห่งความฝัน
ของนักประดิษฐ์รุ่นใหม่
ที่แสนจะมีไฟแรงในด้านต่างๆ


และ...
พลัน...หัวใจดวงไร้อยาก..
ก็จำพบวิบาก
ให้อยากเทเงินงามออกนอกกระเป๋าเข้าให้แล้ว
ตามประสามนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา 
ที่บางคราก็ยังหนีไม่พ้น..
แม้นรู้อดทนที่จักรำงับดับได้นาน
ในทุกกิเลสลามไล้ให้ อยาก อยาก
 เสียมากจนเกินพอดีพอเพียง


แต่นาที..นี้..
ที่รายรอบพลีเต็มไปด้วยวัตถุๆ..
จะอยู่เฉยไปไย...
ก็แค่ตามใจตัวเองนานๆที
นั่น..ไง...
ของที่อยากพลี อยากได้..วางไว้ตรงหน้านี่แล้ว
*เจ้าโคมไฟ ...*
ที่ใช้เชือกควั่นไปมา หากทว่านำไปชุบสีสัน
ให้มลังเมลืองฝัน ต่างๆกัน...


*โคมไฟ ..*
ที่ทำจากมือน้อยๆของน้องๆ
ที่
กำลังขะมักเขม้นร้อยฝันพันถักทอ..อยู่ตรงหน้า
ให้ผมละล้าละลัง...


ผม..หยุดเดิน..
และไม่กี่นาทีตามหลังมา...ก็ตัดสินใจ
 ขอเป็นหนึ่ง
ในเจ้าของโคมไฟสีน้ำตาลไพลน้ำตาลไหม้
ที่คล้ายทายทัก..รอให้ผมควักเงินซื้อ
ผม..
คนที่มักซึ้งซาบอาบอิ่มกับงานทำมือทุกชนิด


และ..
ที่แสนพิสมัยเพราะโคมไฟนี้ราคาไม่แพง
แถม..
ให้สีแสนโรแมนติก 
คิดว่า..
ยามแขวนไว้จะ..
พรายพร่างกระจ่างแจ้งวะแวมวับ
ราวกับ..
ดาวมากระพริบระริบหรี่ล้อเลยทีเดียว...


ผม..คิดว่า 
คงราวแสง
ในคืนเดือนเสี้ยวประมาณนั้นประมาณนี้
ที่ มาตรแม้น...
แสงใดไหนเล่า
จะงามเท่าแสงธรรม แสงธรรมชาติ
แต่...
หากจิตใสใจดวงงามเรา
ยังอยากพิลาสพิไล
ให้มี...ไออุ่นอวลเอื้อถึงในห้องหับ
ที่อยากจะเนรมิตให้บรรเจิด...จิตน่าพิสมัยพอกัน


และ...
ไม่นานนาที...
ที่ สองขานี้ได้เดินมาเดินไป
เหตุไฉนเล่า..
สายตาแสนซึ้งเศร้าซุกซน
จึงพากมล..ให้ไปต้องใจกับข้าวของบางสิ่งเข้าอีกแล้ว..


*ปลอกหมอนสีขาว* ขาว
สะอาดใจสบายตา
ที่ผมนี่หนา..เป็นโรคแพ้ความขาว
แห่งเครื่องนอนหมอนมุ้ง 
ที่มีแต่ขาวๆไสว...ไม่ก็นวลๆไข่ไก่
เพราะอะไร...
เพราะร่างและหัวใจผมรู้สึกสะอาดสว่างสงบ
ยามพบพาตัวเองไปนอนนะซี..
ยามที่ได้ชิดใกล้ความขาว..
ราวความงามง่ายไร้สีสันใดใด...


และ...
ในท่ามอากาศร้อนระอุ
ด้วยอุณหภูมิชีวิต 
ใต้หล้าใต้ฟ้าไทย ณ..นาทีตรงหน้า
ในสายตาสายใจผม
ไยพลันพาพบกับความหนาวเหน็บ..


ในอณูนึกแห่งทุกทุกข์ผู้คน...
ผองชนที่มากมายในใต้ฟ้า 
ในหล้านาทีนี้ 
ที่ผู้คนพากันมองผ่านเฉย
มีชายหญิงวัยชรา สองตายาย
พากันมานั่งขอทานจากผู้ผ่านใจบุญ
ร่างอันทรุดโทรมดูซ่อมซ่อ รอต่อหวัง
สามี..ชรานั้น
เพียรเอาน้ำให้ภรรยาดื่ม เพราะอากาศร้อน


ผมหยุด...มองนิ่งนาน..
สะเทือนสะท้อนสะท้านใจ
เสมือน
ย้อนดูละครแห่งชีวาชีวิตมวลมนุษย์
ที่..
ยังมิสิ้นทั้งทุกข์โศกโรคภัย
 แลมากดวงใจมืดบอดในความยากไร้
รอต่อยอดแตกกอบุญ
รอหยาดละมุน
จากน้ำค้างน้ำใจ น้ำใสน้ำอมฤตธรรม
ที่จะ..
คอยพร่างพรมรินรดหยดให้
อย่างมากมีเมตตากรุณา
ราว...
เพื่อนร่วมโลกชะตากรรม
 มาเกิด แก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


และสำหรับผม...
กำลัง..ใช้สายตา 
พาสายใจสอนสัจจะใจบทเรียนจริง
อย่างนิ่งทบทวน ในภาพตรงหน้า..
และ...
ด้วยดวงใจสะเทือนไหวอ่อน
อย่างอ่อนโยนที่สุดแล้ว
หัวใจผม..ดวงแก้ว
ราวลอยมิหยุดยั้ง ...ติดปีกขึ้นเหนือราวฟ้า...ไกล..
มองเห็น..
ทะเลโลกย์ทะเลโศก ทะเลคนทะเลน้ำตา
ที่..
กำลังวนว่ายฟันฝ่า
ทั้งจากพายุใจ พายุจริง..รอ..ท่วมนอง


หัวใจผม..ดวงใสเริ่มหม่นหมอง
กำลังสะอื้นไห้...
กับมากทุกข์ทนหลายชะตากรรมชีวิต
ที่ถูกลิขิตมา อย่างหนีวิบากรักวิบากกรรมมิพ้น..


และ...
แม้นกระทั่งตัวผมเอง..
ที่ยังจำต้อง..
เวียนว่ายปะปนกับทุกข์สรรพสิ่ง
รอเพียงจิตรู้วางนิ่ง สลัดทุกข์พันธนาออกไป
ด้วยตัวตน..ด้วยกมล..ที่ฝึกจิต..
 อย่างมิท้อแท้ยอมแพ้พ่าย...
ให้รู้ทันเท่า  ..
รู้คิดดี  คิดได้  คิดให้ 
อย่างมิยอม..ลด  ละ เลิกเพียร...


ผม......
ค่อยๆดึงจิตกลับมา..
และ
กับหน้าที่ เพื่อนร่วมโลก ..ชะตากรรม
ผม..ค่อยๆวางเงินให้
แล้วหันหลังลามาอย่างช้าช้า 
อย่างแสนมีความสุขสว่าง ณ กลางใจ..


ผม..
คิดว่าชีวิตผม..
มิยึดติดทุกข์ทนกับเรื่องเงินงาม..
ก็เพราะ..
กุศลจิตแห่งความมากเมตตาทานบารมี
ทั้งๆที่...ชีวิตผมนี้ใช่จะร่ำรวย
หากทว่า...
ผมก็ไม่รู้ด้วยเหตุใด
ที่ผมได้เกิดมากับใจดวงนี้
ดวงที่มีกระแสธาร..การให้
 พร่างพรายอยู่ในสายเลือด
ในชีวาชีวิตมาตั้งแต่ยามเยาว์
ที่จิตใส คิดได้คิดดี เอง ใช่อยากบรรเลงกระซิบบอกใคร..


และ..
ทุกนิยามขั้นตอนแห่งประสบการณ์ชีวิต
ที่เพียงนิดน้อยหนึ่ง..
มาพึง..มาเพียรเล่า
เพราะ..
ผมแค่..  
อยากระบาย...ให้สายธารแห่งเกษมบุญนี้
ได้พลี..
เป็นดั่งบทเรียนไหลละมุน
เพื่อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่ยังทุกข์ทน...
ผองคนแห่งผู้ชิดใกล้
ที่ยังมีอีกมากมายนัก..
อย่างผู้ที่...รู้รัก..รู้เสียสละ..รู้ปันแบ่ง..มิแล้งไร้น้ำใจ
ดั่งบัวแล้งน้ำ..


ให้ทุกนวลเนื้อ..
แห่งหอมกรุ่น..งามใจ 
ได้...
 รู้คำล้ำเลอค่า
คำที่ว่า *ยิ่งให้ยิ่งได้* 
แม้นเรามิหวังได้ใด..
หากน้ำใส  ...น้ำพระธรรม..
จะคืนหลังกลับมา..
มา..
ระร่ำรินให้ดวงชีวินชีวิตเรา
ได้พบสิ่งแสนศักดิ์สิทธิ์
ได้พบ..
ทิพยนิรมิตพลังธรรมแห่งปิติเกษม..อย่างมิรู้สิ้นรู้จบ..


ได้พบแสงธรรมแสงทอง...
คอยทอดทอรอให้พบ
ความสว่าง..
คอยนำทางใจ..ให้แสนไสวพร่างกระจ่างจิต
ดั่งดวงชีวิตคือ อัญมณีแก้ว ..
ที่จัก...
แพรวพรายฉายฉันท์..กระจ่างขวัญ 
 ตราบ...จนถึงวันสุดท้าย...
แห่งลมหายใจนี้
ที่ช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนักแล้ว...


ผม...
นอนดูธรรมชาติ ...ในวาดวงว่าง
และ..
กับใจดวงเริ่มวาง  ในงามนิ่ง
กับทุกสรรพสิ่ง
ทิ้งทุกทุกข์มายา...


ที่พาดล..ให้ดวงกมล...
ผมลอยเหนือหล้าและเหนือฟ้าดิน
มิถวิลอยาก...ทั้งทุกข์สุขมารุกโหม
ให้หมองหม่นในกมลนาน กมลราน..อีกเลย..
ตราบชั่วกาลกัป์ป...ตราบชั่วฟ้าดิน..!
.........................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
อาลัยรัก ...ชรินทร์ นันทนาคร 
ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง
มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป
จากฉันจริงจริง
เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก
แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา
แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา
				
comments powered by Disqus
  • ยังเยาว์

    25 กันยายน 2548 14:12 น. - comment id 518744

    มีปีกแห่งฝันอันอ่อนอ่อน
    เก็บซ่อนโอบตัวกลัวหนาว
    อยากหัดโผผกผินบินบางคราว
    ก็ไม่รู้ว่าจะสาวปีกอย่างไร
    
    อยากโผบินเช่นนี้เหลือเกินค่ะพี่พุด
    36.gif
  • เรนเองคะ..

    25 กันยายน 2548 12:46 น. - comment id 518876

    เป็นปีกแห่งฝัน..ที่งดงาม..
    และเป็นเช้าวันอาทิตย์..ที่เรนได้สัมผัสความรู้สึกดีๆ.. ที่พี่พุดพัดชานำมาให้เรน ..
         เป็นความรู้สึก..ที่งดงามมากเลยคะ..
     งานเขียนสื่อภาพ..
          ที่ให้ความรู้สึก..อิสระ..ในท้องฟ้าที่ไร้กรอบและกฏเกณฑ์..
      
            เรนขอบคุณ..งานเขียนที่มากมายด้วยคุณค่า..ในความรู้สึกของเรนนะคะ ..36.gif
    
           ...
  • แก้วประเสริฐ

    25 กันยายน 2548 16:41 น. - comment id 518919

    12.gif36.gif67.gif
    
             ด้วยปีกรักฝากฝันกับจันทร์เสี้ยว
    เข้าหน่วงเหนี่ยวเลี้ยวหาพาสู่ฝัน
    ดาวลอยเด่นเคียงคู่อยู่กับจันทร์
    เพื่อรอวันร่วมประสานจันทร์กับดาว.
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ไรไก่

    25 กันยายน 2548 21:45 น. - comment id 518970

    ด้วยปีกแห่งฝัน
    กับแสงธรรมส่องสว่างกลางดวงใจ
    เป็นภาพที่งดงามมากเชียวค่ะ
    แวะมาอ่านก่อนนอนค่ะ
  • รัศมีตะวัน (แดดเช้า)

    25 กันยายน 2548 22:06 น. - comment id 518975

    ปีกแห่งฝันหักพับกับความจริง
    นิ่งดิ่งมองดูฝันไม่พรั่นไหว
    เปิดจิต ไม่ติดข้อง หมองหม่นใด
    ขยายใจแทนปีกฝัน พันธนา : )
  • พุด

    25 กันยายน 2548 22:23 น. - comment id 518981

    16.gif36.gif
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem56486.html
    
    พลังแห่งจิตเกษม
    ผมแทบไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
    ผมอยากจะเล่าย่อๆถึงความเป็นมาเป็นครูฝึกพลังแห่งจิตนี้
    ได้อย่างไรและทำไมถึงเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา
    
    ก่อนผมจะอายุสามสิบ 
    ชีวิตผมเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
    หดหู่ และหลายครั้งที่คิดจะฆ่าตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
    จนถึงวันนี้ผมยังรู้สึกเลยว่า
    นี่ผมกำลังเล่าถึงชีวิตในอดีตของตัวเองหรือของคนอื่นกันแน่..
    
    คืนหนึ่ง
    หลังจากวันครบรอบวันเกิดปีที่ 29 ของผมไม่นานนัก
    ผมตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับความรู้สึกแย่ๆเช่นเคย
    แต่..วันนั้นผมรู้สึกแย่กว่าทุกครั้ง
    ความเงียบสงัดในยามราตรี
    เงาสลัวๆของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวอยู่ในห้องมืด
    ผมได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่านอยู่ไกลไกล
    อะไรๆมันดูน่าขยะแขยงไร้ค่าไปเสียหมด
    ที่แย่ที่สุดคือชีวิตผม 
    ไม่รู้ผมจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความทุกข์นี้ไปทำไม?
    ผมจะดิ้นรนต่อสู้ไปเพื่ออะไร?
    ผมรู้สึกอยากจะทำลายทุกสิ่ง
    แม้กระทั่งชีวิตของตัวผมเอง
    
    
    ผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว 
    ผมเฝ้าแต่ครุ่นคิดเรื่องความตาย
    แล้วจู่ๆ
    ผมก็ผุดคำถามขึ้นมาในหัวใจว่า
    ในตัวผมเนี่ย มันมีตัวตนมากว่าหนึ่งหรือเปล่า
    เพราะถ้าผมไม่สามารถทนกับตัวผมเองละก้อ 
    แสดงว่าจะต้องมีอีกตัวตนหนึ่งในร่างของผมที่คอยปฏิเสธ
    แต่ที่แน่ๆในตัวตนทั้งสองนั้น
    ตัวตนหนึ่งต้องเป็นตัวจริง
    
    
    ความคิดที่แปลกนี้มันทำให้ผมพิศวง งงงวย
    หัวสมองผมหยุดคิด
    ผมรู้สึกตัวดีอย่างสมบูรณ์
    และในหัวอันว่างเปล่าไม่มีความคิดใดใด
    ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมอยู่ในวังวนของพลังงาน
    
    มันค่อยๆจมลง เร็วขึ้น เร็วขึ้น
    ความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจผม
    ตัวผมสั่นเทา
    ผมได้ยินเสียงถ้อยคำว่า ไม่ต่อต้านอะไรเลย
    ราวกับว่ามันพูดอยู่ข้างในหน้าอกของผมเอง
    
    
    ผมรู้สึกตัวเองถูกดูดลงไปในที่ว่าง
    ผมรู้สึกว่ามันเป็นที่ว่างข้างในตัวผมมากว่าที่ว่างข้างนอก
    ทันใดนั้น...
    ไม่มีความกลัวเหลืออยู่อีกต่อไป
    ผมปล่อยให้ร่างของตัวเองจมดิ่งลงไปในที่ว่างนั้น
    แล้ว
    ผมก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น..ไม่ได้เลย!
    
    
    เสียงนกร้องนอกหน้าต่างปลุกผมตื่น
    ผมไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน
    ผมยังคงหลับตา..
    ผมเห็นภาพของเพชร
    ใช่สิ! 
    ถ้าเพชรเปล่งเสียงได้ เสียงมันคงเป็นอย่างนี้นี่เอง
    ผมลืมตาตื่น
    แสงแดดยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา
    ผมไม่ได้คิด แต่...ผมรู้สึก!
    
    ผมรู้ว่ามันต้องมีอะไรมากไปกว่าแสงสว่างที่คุ้นเคย
    แดดอุ่นๆที่ทะลุผ่านผ้าม่านนั้น
    มันพึงพอใจกับสภาพของมันเอง
    ผมรู้สึกว่าตัวเองน้ำตาคลอ
    
    
    ผมลุกขึ้นเดินรอบห้อง 
    มองดูสิ่งต่างๆ
    ผมรู้ดีว่าผมไม่เคยมองมันอย่างจริงจัง
    มาก่อนเลยในชีวิต 
    ทุกสิ่งทุกอย่างดูใหม่
    ทั้งๆที่มันอยู่อย่างนั้นมานานแล้ว
    แต่เหมือนเพิ่งจะมาปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง
    ให้เห็นก็วันนี้
    
    ผมหยิบจับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นดินสอ ขวดเปล่า
    ผมรู้สึกพิศวงกับความงามและความมีชีวิตของพวกมัน
    
    
    
    วันนั้น
    ผมออกเดินไปรอบเมืองด้วยความตื่นตาตื่นใจกับ
    ความมหัศจรรย์แห่งชีวิต
    ราวกับว่าผมเพิ่งจะลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้เป็นวันแรก
    
    ห้าเดือนต่อมา ผมใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
    ไม่มีอะไรมาสะดุดความสุขสำราญใจของผม
    ความรู้สึกแรงกล้าในใจผมค่อยๆลดน้อยลง
    บางทีผมอาจจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็เป็นได้
    ผมว่าตัวผมสามารถทำอะไรกับโลกใบนี้ได้
    แม้จะรู้ดีไม่มีอะไรที่ผมทำแล้ว
    มันจะเติมสิ่งที่ผมมีอยู่ให้เต็มไปกว่านี้แล้วก็เถอะ
    
    ผมรู้ดีว่ามีอะไรอบางอย่างเกิดขึ้นกับผม 
    ตอนนั้น ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอก
    
    จนกระทั่งหลายปีผ่านมา
    ผมได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ  *จิต*
    และพูดคุยกับปรมาจารย์หลายท่าน
    ผมจึงได้รู้ว่า
    สิ่งที่ทุกคนเสาะแสวงหานั้นได้เกิดขึ้นกับผมแล้ว
    ผมเข้าใจสภาพความกดดัน
    ความทุกข์ทรมานยามดึก
    ที่ต้องคอยบังคับให้จิตหลุดพ้นจากภาวะ
    เศร้าสร้อย หวาดกลัวที่คอยหลอกหลอนไม่มีสิ้นสุด
    
    การที่สามารถถอนตัวเองออกจากห้วงทุกข์นั้น
    เปรียบเสมือนกับการปล่อยลมออกหมดจน
    ความทุกข์ทรมาน..มลายหายไป
    
    สิ่งที่คงเหลืออยู่นั้น..
    คือธรรมชาติ ที่แท้จริงของผม 
    เป็นตัวผมเอง
    จิตบริสุทธิ์ก่อนที่จะผูกติดกับรูปลักษณ์อื่นใด
    
    
    จากนั้น ผมได้เรียนรู้ที่จะเข้าถึงดินแดนไร้มิติ
    อันเป็นนิรันดร์อยู่ภายใน
    ซึ่งตอนแรกผมนึกว่ามันเป็นที่ว่างที่ดึงผมลงไป
    ผมดำรงชีวิตอยู่ในสติตลอดมานับแต่นั้น
    ผมเริ่มมีความสุขกายสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
    มันต่างกันลิบลับกับเมื่อก่อน
    มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่
    ผมเหมือนถูกปล่อยให้อยู่กับตัวเอง
    ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีงาน ไม่มีบ้าน
    ไม่มีฐานะทางสังคมใดใด
    กว่าสองปีที่ผ่านมา
    ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสวนสาธารณะ
    ซับความหฤหรรษ์อย่างยากจะหาอะไรเปรียบ
    
    ............
  • พุด

    25 กันยายน 2548 22:17 น. - comment id 518982

    16.gif36.gifhttp://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem56264.html
    
    
    นาทีนี้
    แพนมีความเกษมสงบสุขมากค่ะ
    แพนเชื่อว่า
    ความรักแท้จะไม่มีวันทำลายใคร
    เพราะรักแท้
    จะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง
    เหมือนที่ใครบางคนเคยให้คำมั่นสัญญา
    กับแพน ที่แพนจำตราไว้ ภายในจิตวิญญาณแล้ว
    แพน..เชื่อว่าเฉกเดียวกับความเกษม
    ที่ไม่มีวันเปลี่ยนไปเป็นความทุกข์
    มาตรแม้น
    เราอาจจะได้สัมผัสความรักความเกษม
    เพียงช่วงสั้น อันแสนงาม
    ก็จักจะยังคงเป็นนิรันดร์รักมหัศจรรย์ใจเสมอใจเสมอไป
    
    ไม่มีใครสูญเสียใครไป
    แม้นไม่ได้มา
    เพราะว่ารักนั้น
    จักประดับพร่างนะกลางดวงชีวาของเราเอง
    เป็นธรรมชาติ
    แม้นใจแม้นใครก็มิอาจทำลายความคิดได้
    แม้ฟ้าจะมีดมนสักเพียงใด
    พระอาทิตย์ก็ยังจรัสแสงอยู่อีกฟากหนึ่งของมวลหมู่เมฆ..ค่ะคนดี
    และ
    ..............
    36.gif
  • พุด

    25 กันยายน 2548 22:19 น. - comment id 518985

    16.gif36.gif
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem56067.html
    
    เพียงแค่เห็นภาพวัดทัคซัง(Taksang)
    ตั้งตระหง่านงามง้ำงามล้ำอยู่บนริมผาบนเทือกเขาอันสูงชัน
    หัวใจพุดพลันก็ฝันกระดอนกระเด็นแทบเต้นออกมานอกอกนอกใจ
    เพราะคิดไปถึงงาน*อัฐิอาจารย์*ฉากที่เณรซุงไซ...
    จุดเทียนก่อนหนีออกมาจากวัด
    เป็นฉากอันประทับใจในความสมถะ
    ในความเร้นลับ..มหัศจรรย์สงบงามเงียบในจิตวิญญาณ
    ที่อ่านอีกสักพันครั้งก็มิรู้เบื่อค่ะ
  • พุดไพร

    25 กันยายน 2548 22:47 น. - comment id 518989

    16.gif10.gif
    ก่อนลากลับมาอีกคราครั้งค่ะ
    กับ
    คำว่าแสนซึ้งใจค่ะสำหรับทุกดวงใจค่ะ
    
    36.gifน้องเรน ..
    36.gifคุณแก้ว
    36.gifน้องยังเยาว์
    36.gifคุณแดดเช้า
    36.gifคุณท่องเมฆาค่ะ
    
    พรุ่งนี้ค่อยมารำพันฝันใหม่ค่ะ36.gif
  • ท่องเมฆา

    25 กันยายน 2548 22:30 น. - comment id 518992

    36.gif31.gif
    
    เพลงอาลัยรัก เป็นเพลงแรกที่ร้องได้จบ...
    ถ้าไม่นับ...เพลงชาติ......
    นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตเศร้าเหมือนบทเพลง...
    
    หักอาลัย รักเดือนเสี้ยว เกี่ยวความฝัน
    แต่รักนั้น พลันสลาย กลายเป็นขม
    แล้วกวี ที่แต่งไว้ ให้ใครชม
    ร้าวระทม ด้วยปมรัก หักอุรา
    
    ชีวิตนั้น สั้นนัก รักยิ่งสั้น
    แต่ความฝัน ยังมั่นคง ตรงอุษา
    แสงอรุณ เรืองรอง ส่องทางมา
    ด้วยพุทธา นุสสติมั่น แสนสุขใจ
    
    31.gif36.gif36.gif36.gif36.gif31.gif
  • พุด

    25 กันยายน 2548 22:30 น. - comment id 518994

    16.gif10.gif
    ในหลายราวเรื่องนับร้อย
    ที่พลังแห่งจิตเกษมของพุดพัดชา
    ได้เพียรพลีพร่างลงมา
    
    **ด้วยปีกแห่งฝันแห่งรัก**
    
    ที่จักโอบกอดทุกดวงใจ
    ในร่มรักเรือนไทยเรือนใจ
    ให้หอมห่มในห้วงใจ
    
    
    36.gif16.gif10.gif
    จน..
    กระทั่งบัดนี้
    ทิวาฝัน ราตรีหวานผันผ่านไป
    แต่ใจดวงงามดวงนี้ยังมั่นคง
    มิแปรเปลี่ยน
    ที่จะเพียรรจนางาน
    จากดวงใจรัก ค่ะ
    และ..
    ยินดี ที่จะพลีปัน
    มอบให้เป็นดั่งรักนิรันดร์ค่ะ
    
    ฝันดีค่ะ
    36.gif16.gif10.gif
  • โป๊ยเซียน

    25 กันยายน 2548 22:52 น. - comment id 518995

    ด้วยปีกแห่งรักจักปกป้อง
    จะคุ้มครองภัยพาลเพื่อสานฝัน
    สร้างไออุ่นกรุ่นรักภักดิ์ชีวัน
    นิจนิรันดร์ฝันนี้มีเพียงเธอ
  • แมงกุ๊ดจี่

    26 กันยายน 2548 08:40 น. - comment id 519046

    สวัสดีค่ะ  พี่พุดสุดรัก
    
    อยากเดินอย่างนั้นอย่างที่หัวใจอยากจะไป
    อิสระเสรีด้วยปีกแห่งฝัน
  • พุด

    26 กันยายน 2548 09:33 น. - comment id 519062

    16.gif36.gif16.gif16.gif
    ใช้*ราว*ดวงใจค่อยค่อยก้าว
    หยิบฝันพราวดาวดวงแสนสวยใส
    ดึงสายรุ้งมาพันกายหอมห่มใจ
    ต่อสายใยสะพานรักนะนักกลอน
    
    ขวัญเคียงใจกุมมือมั่นข้ามตะวันสะพาน
    เพื่อรอสานรอภักดิ์รักออดอ้อน
    ให้โลกสวยด้วยน้ำใจเอื้ออรชร
    ด้วยกานท์กลอนจากแรงใจจากไฟรัก
    
    แล้วนิทราในฝันฉันมีเธอ
    คอยเสนอคอยสนองแสนภูมภักดิ์
    เป็นเงาใจกันและกันนะที่รัก
    คือแน่นหนักเมตตตากันขวัญสัญญา
    
    สะพานตะวัน..แรงร้อนรออ่อนอุ่น
    รอละมุนแดดเช้าเฝ้าโหยหา
    ตะวันสีทองราวธรรมครองสายธารา
    โอบกอดหล้านภาไกล..ใคร..หลงคอย..!!!!
    
    
    
    10.gif16.gif
  • พุด

    26 กันยายน 2548 09:57 น. - comment id 519074

    10.gif
    ฝากให้น้องนางในสวัสดีประเทสไทยค่ะ
    
    สวัสดีประเทศไทยของใครหนอ
    เคยเกิดก่อนิยามรักภักดิ์ท้องทุ่ง
    มาวันนี้ไม่มีแล้วแก้วหวานกลิ่นจรุง
    เหลือเพียงทุ่งไร้รวงเรียวรอเคียวคม
    .......
    
    16.gif10.gif
  • พุด

    26 กันยายน 2548 10:00 น. - comment id 519076

    10.gif
    ฝากให้คุณแก้วกลางไพร
    ในสำนึกค่ะ
    
    อ...เมตตาอภัยด้วยใจซื่อ
    ยังยึดถือคำ*แก้ว*แว่วเคยสั่ง
    กลับบ้านนาลาบางกอกกลับคืนรัง
    อ..ยังนั่งใต้ตาลเดี่ยวเฝ้าเหลียวคอย..
    
    รักงานดิบ ติดดินค่ะ36.gif16.gif
  • พุด

    26 กันยายน 2548 10:18 น. - comment id 519086

    10.gif16.gif
    ฝากให้คุณ ณพ วิฤทธิ์ชัย
    ใน*น้ำใจฝน*จาก**น้ำใจขวัญ*ค่ะ
    
    ลีลาฝนลีลาฝันสวรรค์เศร้า
    ลีลาร้าวราวรานทรวงคิดห่วงหา
    ลีลาฝนลีลาใจไยพอกันวสันต์ลา
    ราวกับว่าปีศาจร้าย..หมายชีวิต..
    
    10.gif
  • ธรรม ทัพบูรพา

    26 กันยายน 2548 11:50 น. - comment id 519127

    มาเยี่ยม มาอ่าน..
    แต่อ่านไม่หมด..ยาวจังครับ
    36.gif
  • กอกก

    26 กันยายน 2548 21:24 น. - comment id 519396

    บางทีหากสามารถมีปีกได้...
    อยากไปให้ถึงแค่หัวใจของใครคนหนึ่งเท่านั้น...
    
    อารมณ์ยามนี้ทำไมปรายหงอยๆ จัง...
    
    มาทักทายคุณพี่พุดช้าไปนิดนะคะ...
    
    สวัสดีค่ะ
    36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน