http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html (คำมั่นสัญญา) ...................... แสงสูรย์ก่ำดวงแดงด้วยแสงสีมณีฉาย ส่องกระจายพรายพร่างในท่ามไม้ไทย เรือนไทย..ริมโขงแบบลาวโซ่ง หญิงสาว... เรียวหน้าซูบ นวลนิ่ง... นอนราวรูปสลัก เธอหลับตา...ราวกับว่า.. ได้ตกอยู่ในหอมห้วงแห่งภวังค์ฝัน... ฟัง... เสียงสวนและดวงดอกไม้คุยกัน *เธอมาที่นี่แล้วนะ ลีลาวดี* มาถึง...ที่ที่เธอฝันมาแสนนาน.. *ราตรีริมชานเรือน กระซิบบอก* *น่าเสียดายนะ ลำดวนดงหลงเพ้อคราง* เขา..พรากไป...ไกลแสน....แสนไกล.... ........ น้ำตาเธอไหล ย้อน ลงเข้าไปในห้องหัวใจ อย่างช้าช้า ทว่าราวได้ยินเสียงอบอุ่นละมุนปลอบมากับฟ้ากว้าง .... *สไบ...นวล... อย่า..ร้องไห้... ข้ายังอยู่ใกล้ๆเจ้าเสมอมา... ดั่งคำมั่น.. อ้อมแขนข้า....กำลังตระกองประคองกอดร่างเจ้า ที่กำลังหนาวเหน็บ..ในใจ ข้ารู้.. คนที่ข้าฝากเจ้าไว้ในมือเขา คนที่เจ้ารักปราถนาดี กำลังทำบางสิ่งที่ เชือดเฉือนนวลเนื้อใจเจ้าให้ร้าวลึก ทำให้เจ้ารู้สึกปวดร้าวหนาวเยือกแสนสะเทือนใจ..* *อย่าเสียใจ..สไบนวล เจ้าทำดีที่สุดแล้ว ใจดวงแก้วของเจ้ายังแสนงามนัก หากแค่คำ.. เขาจักไม่อภัยไม่เข้าใจไม่ทะนุถนอมใจเจ้า ที่คอยเฝ้าเป็นห่วงเป็นใย ก็... จงให้มันผ่านไป อย่าเสียขวัญ... เสียใจ* *ข้ารู้..ข้าเห็น ไหนจะ ฟ้าดินอินทร์พรหม ยมพญา ที่เป็นพยาน เจ้าปิดทองหลังพระ เจ้า..อย่าโศกาพิไรร่ำ ร้องหาความรักความเข้าใจ จากคนที่ไม่มีน้ำใจให้เจ้า จงหัดเฉยรู้วาง ..พาตัวห่างออกมา เพราะ.. มิฉะนั้น ใจดวงงามของเจ้า จะครองรานร้าวเศร้าหมองนานแสน...นาน ไปตราบชั่วกาลกัป์ปกัลป์เลยทีเดียว*... *เจ้า ได้กลิ่นดวงดอกปาริชาติริมเรือนไหม แม่สไบคนดี ... ลองดอมดมสิแม่ยอดเสน่หาแห่งข้า แล้ว... บางที...เจ้าอาจจะเห็นข้า.. รำลึกนึกถึงข้าได้ ราวในเรื่องกามนิตวาสิฎฐี ย้อนรอยทวิภพ ราวนิทราฝัน..ไป ได้พบกับ*ลูกผู้ชายชาตินักรบ* ผู้ที่รอพบเจ้ามาทุกภพชาติ..พิสวาทมิคลาดคลา ยอมถวายแม้นจิตวิญญาญ์... เพียงเพื่อ...รอรอและรอรักเจ้า* ราวกับ.... *วันที่ดวงจิตกามนิตลาล่วง ไปสู่ห้วงแห่งหอมงามในท่ามสวรรค์สรวง ในท่ามสระปวงปทุมทิพย์..แดนดินแห่งสุขาวดี..* *เจ้า..สไบคนดี ข้ารู้... จิตเจ้าดั่งมณีรุ้งใส..ไสวชัชวาลย์แจ่มกระจ่าง ดั่งรัตนมณีแก้ววะแวววับ ที่พร้อมแล้ว ข้าจักพาเจ้าไปสัมผัส..มหัศจรรย์รัก..ปาฏิหารย์รอ ที่เจ้าอาจจะเคยขอคิดแค่ว่า..คือความฝันอันแสนงาม หากทว่า.. น้อยผู้นัก..จักมีบุญญาบารมี มาท่องแดนสุขาวดีนี้ตั้งแต่ดวงชีวีมิทันดับดวง...!* *ตามข้ามาสิ...! แม่สไบยอดรัก เจ้ายิ้มทายทักข้าแล้ว... เจ้าเห็นข้าแล้วใช่ไหม... ลูกผู้ชายในดวงใจเจ้า ผู้เฝ้าจงรักรอ..และรอ แต่...! ทำไมเจ้า.... จึงโผผวามาโอบกอดข้าราวทารกน้อย พร้อม หยาดน้ำเต็มนัยน์ตาเจ้าราวหยาดเพชร เกร็ดแก้วร่วงพราว ราวเหล่าดวงตาสุธาสินี กำลังหลั่งน้ำตา ราวเกร็ดมณีร่วงรุ้งดุสิตาขจรกระจาย ลงอาบหล้าล่ะ*แม่สไบนวลคนดี*.. อย่าร้องไห้...นะ.. แม้น...ข้าจักรับรู้ว่าเป็นน้ำตาแห่งปิติ แต่... เจ้ารู้ไหม ..! หัวใจข้ากำลังจะสลาย.....! ในชีวิตข้า ... ไม่เคยเลย... ที่จะทำให้เจ้าระรินหลั่งน้ำตาด้วยอาดูร.. มีเพียงวันที่ข้าสิ้นใจ... ที่... หยาดเลือดข้าไหลหลั่งท่วมปฐพี แห่งแผ่นดินแม่มาตุภูมินี้ ที่ข้าแสนรักแสนหวงยิ่งกว่า ดวงชีวิตข้าแลเจ้า เพื่อพลีปกบ้านป้องเมือง จนหยาดสุดท้าย.... เจ้าแอบร้องไห้ โดยไร้ร่างข้า.. มีเพียงวิญาณ์นี้ที่แสนหนาวเหน็บ เมื่อมิอาจโอบประคองตระกองกอดปลอบประโลม เจ้าไว้ในอ้อมแขน.. และ... พลีใช้มือที่กำดาบหยาบกร้านนี้ไล้ละมุน เช็ดน้ำตาให้เจ้าได้...* *จริงสินะ... มีหลายคราที่ข้ารู้ว่าเจ้าพลีน้ำตาให้ข้า แต่หาใช่แบบนี้ไม่ ... เพราะ.. คือน้ำตา...ที่มาจากใจเจ้า ที่คละเคล้า ด้วยความภาคภูมิปนปิติใจและแสนห่วงใย ยามข้าต้องพรากลาไปเพื่อการศึก หาก ทว่า... มิใช่แบบมาจากผู้ใด ที่ทำร้ายใจเจ้า มิเฝ้ารู้รักรู้ถนอม ทั้งๆที่เจ้า..ยอม..เจ็บ ยอมเหน็บหนาว เพราะเพียงเจ้า..ปรารถนา อยากรังสรรค์โลก ผ่านคนที่โชคชะตาส่งมาให้พานพบเจ้า หากเขาไม่ซึ้งค่าซึ้งน้ำใจ ไม่รู้กระทั่งความเมตตาอภัยที่แท้จริง...* *แม่สไบ... เจ้าจำได้ไหม... ที่เราสองเคยปองใจ... เคยอ่านในเรื่องกามนิตวาสิฎฐี ยามที่ เรานี้หวังจักได้พานพบจบพรากกัน *ที่แดนดินสุขาวดีแห่งนี้...* อย่างที่เราให้คำมั่นสัญญาแด่กัน ในฉากฝันที่พลันบัดนี้มีจริง...* แดนดินที่ ท่านเสฐียรโกเศศและท่านนาคะประทีปได้แปลไว้ อย่างงามงดแสนหมดจดใจ มามะข้าจะเล่าให้ฟังนะยอดดวงใจ... ******************************** *กามนิตชายอาคันตุกะผู้จาริกแสวงบุณย์ดับจิต แล้วไปตื่นขึ้น ณ สวรรค์สุขาวดี อันว่าสุคติภูมิที่สำคัญยิ่งนัก คือมหาสระปทุมทิพยสถาน เป็นอุบัติภพสำหรับรองรับวิญญาณ แห่งบรรดาสาธุชนผู้ประกอบกุศลจรรยา มีใจผ่องแผ้วสุจริต ให้ถือเอาซึ่งปฏิสนธิจิตเป็นอุปปาติกชาติย์โดยธรรมนิยม แล้วและเสวยสุขารมณ์เกษมศานต์โสมนัส เป็นศุภผลสนองกัลยาณสมบัติที่ประพฤติไว้ในไตรทวาร จึ่งกามนิตผู้ตื่นขึ้น ณ สระมโหฬารรุจิราลัยนี้ บังเกิดมีสรีราพยพห่อหุ้มด้วยรัตกัมพลวิภูษิต มีเชิงชายระบายวิจิตรรุ่งเรืองระยับตา ห้อยย้อยเป็นระย้าระยาบอยู่รอบตัว สีสดชื่นเฉกกลีบบัวบาน และอ่อนละมุนเป็นอันดี ส่วนอาการวิธีมีผิดแผกจากครรภไศยกสัตว์ กล่าวคือ กำลังนั่งขัดสมาธิบัลลังก์อยู่บนดอกบัว อันส่งสีรับกับผ้ากัมพลนั้น ชูก้านลอยเด่นเป็นสำคัญกลางสระใหญ่กว้างขวาง ก็และดอกบัวอย่างที่กามนิตสถิตนิสีทนาการ ย่อมมีอยู่ไสวในสระไพศาลเหลือคณนา ทรงสีสัณฐานต่างกัน ตามเวลาช้าหรือเร็ว ที่บังเกิดเพราะเป็นผลบุณย์อันประเสริฐแห่งกัลยาณชน ขึ้นไปอุบัติคอยท่าเจ้าของ เมื่อถึงคราวบ้างแดง บ้างเขียว บ้างขาว ที่เพิ่งผลิแต่ยังตูมอยู่ก็มากมี ชนิดขยายกลีบเต็มที่แล้ว เหมือนอย่างดอกซึ่งกามนิตนั่งอยู่ ก็นับไม่ถ้วน แต่ละดอกล้วนมีสุขุมสรีระทรงพัสตราภรณ์งดงามอร่ามตา ปรากฏอินทรีย์โผล่ออกมาจากกลีบบัวบาน ณ พื้นชานตลิ่งอันลาดเอนขึ้นไป เป็นลานหญ้าผืนใหญ่ราบรื่นขจีเขียว ระดาดาษด้วยไม้ดอกบ้างกอบ้างชะลูดเรียวสารพัดพรรณ ชูช่อบุปผชาติเป็นชั้นๆ สลับสีสดชดช้อยอรชร เสมือนรัตนากรกองแก้วมณี บรรดาสีหลากประหลาดในมนุษย์โลกทั้งใหญ่น้อย และมาลอยขึ้นไปรวมสลอน ณ ลานนั้นแลสล้าง แต่ทว่าความเข้มแข็งกระด้างแห่งดอกไม้ ดุจลักษณะที่มนุษย์รู้อยู่เดิมที มาเป็นของอ่อนละมุน แม้นสำลีนุ่มนิ่มน่าสัมผัส ส่งกลิ่นอบอวลหวนหอมจัดยิ่งกว่าความหอมแห่งน้ำหอมวิเศษ ที่บรรจุไว้ในภาชนะแก้วเจียระไน และ ทรงความหอมตามธรรมชาติดอกไม้อันสดชื่นบริบูรณ์ทุกประการ ถัดชายตลิ่งปานว่านิรมิตไว้นี้ และมองแลขึ้นไปก็ทวีความเพลิดเพลินมิรู้เบื่อ มีป่าไม้เป็นขนัดไปทางเหนือสะพรึบพรั่ง ด้วยพฤกษชาติดาษดา มียอดเยี่ยมฟ้า บ้างใบหน้าเป็นพุ่มใหญ่ บ้างสูงเรียว มีใบเขียวอย่างมรกตสดสะอาดเย็นนัยน์ตา บ้างแตกดอกออกช่อตามสาขาดูดั่งดวงมณี เชิดเด่นเป็นช่อๆ บางทีก็โน้มเข้ารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วก็แหวกเป็นช่องเป็นแนวทางในกลางวนันดร แลเห็นโล่งโปร่งตลอดตอนไป กระทั่งถึงภูเขาอันงามยวนตายวนใจเหลือพรรณนา กอปรด้วยแก้วมณีศิลาอ่อนขาวสะอาด มีพรรณไม้ต้นเตี้ยๆ ขึ้นเป็นพืด เพียงว่าอากาศเป็นผืนผ้าม่านเนื้อบาง มีบุปผชาติเป็นดอกดวงปกคลุมอยู่ แต่ในที่ตอนหนึ่ง อันเว้นว่างจากสุมทุมพุ่มไม้ และหินผาปานว่าจะแหวกทางไว้ให้แก่กัน ที่ตอนนั้นคือแม่น้ำมีกระแสไหลเอื่อยๆ เป็นทางไป คล้ายแสงดาวเดียรดาษ ในท้องฟ้าทอดลำลงไปสู่สระมหามณฑล เบื้องบนแดนอันตระการ เป็นท้องฟ้าโค้งคล้ายครอบไว้ด้วยเพดานสีน้ำเงิน ซึ่งค่อยจัดเข้าเมื่อถึงตอนขอบฟ้า และ ภายใต้ขอบฟ้าครอบนี้ มีก้อนเมฆสีขาวสะอาดเป็นเงินยวงก้อนน้อยๆ ห้อยย้อยเป็นกลุ่มๆ เกลื่อนคัคนัมพร แต่ละก้อนมีอัปสรทรงโฉมวิลาสสถิตเอนอิง ขับสังคีตทิพยดนตรี เสียงไพเราะเสนาะมี่ หวานซ่านคะครึ้มไปทั่วแดนนั้น อันบนท้องฟ้า หามีดวงสูรย์ส่องแสงไม่ อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องมี เพราะ ที่ก้อนเมฆที่เทพอัปสร ที่ภูเขาและดอกไม้ ที่น้ำและสระบัว ที่พัสตราภรณ์ของผู้อยู่ในแดนนั้น ตลอดจนดวงหน้าเทพบุคคล ล้วนมีรัศมีฉายแสงสว่างรุ่งเรืองยิ่งกว่าแสงสูรย์ แต่ว่า.. ไม่บาดตาทั้งอากาศที่อบอุ่น ก็มีละอองน้ำอันหอมชื่นมาปรุงโปรย โชยให้สดชื่นรื่นเริงสำราญใจ ซึ่งในมนุษยพิภพหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อกามนิตค่อยรู้สึกคุ้น กับอารมณ์ในสุคติภูมิอันสง่างามนี้ สร่างความพิศวงงงงวยมีความรู้สึกเป็นปกติแล้ว มองดูเหล่าผู้อื่นอันมีลักษณะคล้ายกับตน ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก็ในดอกบัวที่ลอยอยู่ ก็สังเกตเห็นว่าผู้ที่มีเครื่องนุ่งห่มแดงเป็นเทพบุตร ส่วนที่นุ่งห่มขาวเป็นเทพธิดา พวกที่นุ่งห่มสีน้ำเงินก็มีบ้าง แต่ว่าเป็นชายก็มีหญิงก็มาก ทิพยบุคคลเหล่านี้ล้วนอยู่ในวัยหนุ่มสาวทั้งนั้น และดูเป็นผู้มีใจดีทั่วไป ผู้อยู่ใกล้กามนิตผู้หนึ่งสวมเครื่องสีน้ำเงิน มีกิริยาอาการแสดงว่าน่าจะปราศรัยเป็นมิตรกันได้ กามนิตก็เกิดความกระหายที่จะสนทนาด้วย จึ่งคิดว่า นี่เราควรจะไต่ถามผู้มีสุขคนนั้นดีหรือไม่หนอ? เพราะอยากจะรู้เหลือเกินว่าเวลานี้เราอยู่ที่ไหน ทันใดนั้น กามนิต เกิดความประหลาดใจเป็นที่สุด เพราะมีคำตอบ ซึ่งไม่ปรากฏเสียงหรืออาการเคลื่อนไห วแห่งริมฝีปากของผู้สวมเครื่องสีน้ำเงิน ว่า ดูก่อนผู้นฤทุกข์ ท่านนั้นอยู่ในสวรรค์สุขาวดีแดนบรมสุข กามนิต เผลอตัวนึกถามต่อไปว่า ดูก่อนท่านผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง เมื่อข้าพเจ้าลืมตาก็ได้เห็นท่านทันทีอยู่ในที่นี้แล้ว ท่านลืมตาตื่นในคราวเดียวกับข้าพเจ้า หรือว่าอยู่ที่นี่มานานแล้ว? ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มานานจนจำไม่ได้ ถ้าไม่ได้เห็นดอกบัวบานและมีผู้เกิดมาใหม่อยู่เนืองๆ และถ้าไม่ได้กลิ่นหอมแห่งดอกปาริชาต ข้าพเจ้าก็คงเชื่อว่าได้มาอยู่นับเวลาเป็นอนันตกาลแล้ว กลิ่นหอมอะไรนะ ที่ท่านกล่าว? ท่านจะพบและทราบเองในไม่ช้า ปาริชาต เป็นต้นไม้น่าพิศวงยิ่งใหญ่ มีอยู่ในสวรรค์นี้ เสียงดนตรีทิพย์แห่งนางเทพอัปสร ซึ่งฟังเหมาะเจาะเข้ากับการสนทนา ที่ปราศจากปากพูดนี้จริงๆ เป็นเสียงที่คอยผสานรับ ไห้เข้ากับจังหวะสนทนาทุกประโยค กระทำให้การไต่ถามและตอบมีความหมายเข้าใจได้ลึกซึ้ง อันวาจาสามัญมิสามารถจะทำได้ เป็นเหตุให้กามนิตนึกสาวถึงความหลังได้เงาๆ แต่ก็ไม่สามารถจะระลึกได้ตลอดอยู่ที่ ได้หยุดนึกไปครู่หนึ่งแล้วก็นึกพูดว่า สิ่งที่น่าพิศวงยิ่งใหญ่คือสิ่งไหน? ข้าพเจ้าคิดว่าบรรดาสิ่งน่าพิศวงทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ที่นี่ อะไรน่าพิศวงที่สุดเท่ากระแสลำธารอันงามที่ไหลลงสู่สระของเรานี้ เทพบุตรเครื่องน้ำเงิน คงคาสวรรค์ กามนิต นึกพูดคล้อยตาม คล้ายความฝันว่า คงคาสวรรค์ แล้วเหมือนจะนึกถึงความหลังขึ้นได้ แต่แล้วเค้าเงื่อนก็กลับหายไปหมด นึกไม่ออก เสียงดนตรี ทำให้ซาบซึ้งคล้ายๆ จะนึกได้ แต่แล้วก็เลือนๆ ไป* ................................................ สไบนวล..คนดีแม่ยอดชีวีแห่งข้า *เจ้าเชื่อหรือยังล่ะว่า แดนแห่งฝันนิรันดร์รักนิรันดร์สุข..มีจริง.... และ... จงแน่แน่วเพียรตามรอยพระบาทพระบรมศาสดา และ จงอย่าหลงรอยทางธรรมทางทอง.. ทางที่สาดส่องประกายเจิดจรัสแผ่รัศมีไพศาล ให้เพียง..ผู้เพียรพยายาม รักษาศีล ฝึกสมาธิ ได้มีปัญญา ได้ตามรอยมาอย่างมิเสียชาติเกิด นะคนดี ...* *ยอดดวงใจแห่งข้า ถึงเวลาที่.. ข้าจำต้องลาจากเจ้าอีกคราคราวแล้วสินะแม่ยอดรัก* ขอข้า..พลีจูบ..ซับหยาดน้ำตาเจ้านะแม่จอมใจ และ.. *จำคำข้าไว้...นะแม่ยอดรักยอดดวงหฤทัย... อย่าร้องไห้... อย่าให้คำคนคำใคร มาทำให้จิตใสเจ้าหมองไหม้ เจ้าตั้งใจใช้เวลาอธิษฐานภาวนานะ.. และ อย่าลืม*รักของข้า...ที่แสนยิ่งใหญ่กว่าใดทั้งปวง* *ที่หวงแสนหวงรักแสนรักเจ้าแน่นหนักนัก และจักมั่นคงดั่งหินผาตราบชั่วฟ้าดิน.. เหนืออนันต์ค่าอนันต์กาลผ่านภพ เหนือดวงวิญญาณใดใด ทั้งในสามภพภูมินี้แล้ว... นะเจ้าดวงแก้วเจ้าจอมใจแม่สไบนวล...*..!!!!! .................................................. ลีลาวดีมณีรุ้ง สไบนวลสไบนาง http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html คำมั่นสัญญา พิ้งค์ แพนเตอร์ ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป...
13 กันยายน 2548 20:06 น. - comment id 514857
สวัสดีค่ะคุณพี่พุดเจ้าขา.. อ่านเรื่องที่คุณพี่พุดเขียนด้วยความรู้สึกหลากหลายอารมณ์... อารมณ์รันทดจากจำใจจากคนรัก.. อารมณ์ผูกพันกับหนึ่งความรักที่คอยห่วงใย... ความรัก ความอาลัยอาวรณ์ และการมุ่งมั่นที่ต้องดำรงชีวิตให้อยู่ให้ได้อย่างดงามด้วยศิล สมาธิ ปัญญา... และในที่สุด ปรายกับถวิลหาที่จะเห็นดอกปาริชาติเสียเหลือเกิน... อาจเคยเห็น แล้วไม่รู้จัก... หรืออับปัญญาก็ไม่ทราบได้... ตั้งใจแน่วแน่ที่ต้องหาดอกปาริชาติเพื่อยลให้ได้... ขอบคุณงานอ่อนโยน แม้นแฝงเศร้าเพียงใดก็ตาม... สวัสดีค่ะ
13 กันยายน 2548 20:30 น. - comment id 514862
คุณกอกกและทุกดวงใจในร่มรัก เรือนไทยทุกดวงใจคะ นาทีนี้ ตรงหน้าพุดมีลีลาวดีค่ะ กำลังอวลหอมหวานเศร้ามาก ดวงใจพุดอยากให้อ่านเรื่องนี้ แกล้มบทเพลง*คำมั่นสัญญา* นะคะ.. จะได้อารมณ์ล้ำอย่างนักรจนาหวังค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html คนดี... พุด..ตาช้ำหนักด้วยสะเทือนใจ และ ปวดศรีษะมากราวจะมีไข้ เพียรพยายามทำงานที่รวดเร็ว ชื้นนี้ แม้นยังมิพลีได้หมดจดจากใจฝัน ก็.. แค่ได้หยุดยั้งความรู้สึกโศกสะเทือนค่ะ ..... พุด..รักคุณ..ทุกคน และ ขอบคุณทุกพลังใจ ด้วยหยาดน้ำตาแห่งผู้รักรจนา ค่ะ ที่ฟ้าดินคงประทานพรรับรู้.. ด้วยรักล้นใจ.. จาก
13 กันยายน 2548 21:22 น. - comment id 514878
สวัสดีค่ะคุณพี่พุดเจ้าขา... ปรายไม่อยากให้คุณเศร้าเลยค่ะ... แต่เหมือนกับเป็นการพูดง่ายๆ แค่ปัดความรู้สึกให้พ้นตัวเท่านั้น มันง่ายเกิน... ปรายขอเป็นคนหนึ่งที่มาซึมซับความรู้สึกจากตัวอักษรของคุณพุดนะคะ... และขอภาวนาให้เรื่องทั้งปวงมันผ่านไปโดยเร็วด้วยเถิด... ปรายเพิ่งได้มีโอกาสสัมผัสดอกลั่นทม (ขอเรียกลั่นทมนะคะ) เมื่อไม่นานมานี้เอง รู้สึกหลงเสน่ห์กลิ่นหอมของเขาจนลุ่มหลงเสียแล้ว (มิใช่ตามกระแสหรอกนะ) อาจมีงานเกี่ยวกับลั่นทมออกในเร็วนี้ค่ะ... คุณพี่พุดโชคดีที่ได้อยู่กับสิ่งแวดล้อมที่งดงาม... มาคุยกับคุณพี่พุดอีกรอบหนึ่ง ไม่ว่ากันนะคะ รู้สึกเหมือนอยากคุยด้วย... ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
13 กันยายน 2548 22:24 น. - comment id 514891
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html แค่เริ่มต้นบนเส้นทางที่หมายฝัน ไยไหวหวั่นรับดอกโศกโลกสิ้นซึ้ง ดอกบัวงามเพิ่งพ้นน้ำรอรักหนึ่ง หยาดน้ำผึ้งคนรู้ค่ารอท่าใจ.. ตะวันสีไพลโพล้เพล้ดูเหว่ว้า เพียงนำมารื่นรมย์อย่าตรมไหว ทางข้างหน้าของเจ้าทอดยาวไกล เส้นทางใจรอรักหอมในอ้อมดาว เกิดเป็นชายเก็บน้ำตาไว้อย่าพ่ายแพ้ ตามเกมแก้เกมคนทนปวดร้าว ทรนงคงมั่นฝันให้จริงทุกเรื่องราว ทุกย่างก้าวเคล้ากลีบดอกไม้บาน.. เรือลำน้อยคอยคนคู่ควรค่า ช่วยกันพาช่วยกันพายร่ายหวังหวาน ถึงฝั่งฝันพลีใจภักดิ์นิรันดร์กาล อย่าร้าวรานรอรักร้อยสร้อยชีวี.. คำสัญญาแค่ลมลมตรมยึดมั่น ปีกแห่งฝันวันหนึ่งถึง..อยากลี้ ลืมรังน้อยซอมซ่อเสียคนดี รังธุลีรอคืนลับดับสู่ไพร.. ดอกไม้ป่าบานไสวไร้ยึดมั่น หอมห่มขวัญประดับทุ่งรุ่งไสว รักงามเงียบแตะแต้มโลกใช่หลงใด เคียงคู่ไพรเคียงคู่ดินมิสิ้นภักดิ์.. อย่าสัญญาอะไรในวันนี้ โลกยังมีคืนวันผันแปรรัก รักษาใจรักษาขวัญรออ้อมตัก รอยอดรักดอกเยาว์นานเนาว์ใจ.. ไม่มีจุดจบสุดท้ายที่ปลายฟ้า หากทว่าหอมกลางใจน้ำค้างใส ให้ดอกไม้แห่งศรัทธารักนำทางใจ คลี่กลีบไหวน้ำใจงามลงพร่างริน.. แม้นผืนดินกลบหน้าตาซึ้งเศร้า ใจดวงร้าวยังร้าวลึกยากลบสิ้น มันสายเกินกับน้ำคำที่ราดริน เจ็บจนสิ้น..หวังทุกชาติ..ให้คลาดคลา... ตะวันใจของเจ้าเฝ้ารอที่ปลายฟ้า ใช่!ตะวันไพลเหว่ว้าอย่าโหยหา ตะวันตกดินเคียงคู่ใจยามเยาว์มา คือใจดวงล้าดวงน้อยรับรอยกรรม... เส้นทางใจเส้นทางฝันรอเจ้าอยู่ อย่าหลงคู่หลงใครไหวตอกย้ำ รอเชิดหน้า คว้าดาว โลกจดจำ ดวงตาช้ำรอหลั่งน้ำตาจากฟ้าบน... โลกใบนี้เป็นเวทีให้นักสู้ คอยหมุนคู่หมุนใจไม่สับสน อย่าสัญญาให้ใครไร้ค่าคน เก็บกมลฝากนิยามงามเนื้อใจ.. ดวงตาจริงหญิงหนึ่งซึ้งซึ้งเศร้า อาจบอดร้าวลางเลือนสะเทือนไหว มิอาจเห็นมิรับรู้ดูดวงใจ เหลือสายใยผ่านดวงตาสวรรค์..ฝันอาภัพ...!!! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html ม่านไทรย้อย ....อรวรรณ เย็นพูนสุข ลืม ลืมหมดแล้วหรือไร แม้จันทร์ ที่เคยเป็นใจ หลบบัง ร่มไทรย้อยกิ่ง กระซิบรำพัน แฝงจันทร์ เคยแอบเอนอิง หนาวลม แนบอกเธอผิง สุขซึ้งใจจริง หาใดปาน ลืม ลืมหมดแล้วน้ำคำ ซึ้งจำ ติดรอยใจพิมพ์ เคยชิม ว่าเป็นน้ำตาล ยังหวานตรึงใจ รสใด จะเปรียบประมาณ แท้จริง ลมปากเธอหวาน หลอกฉันมานาน ร้อยหมื่นอย่าง กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้ ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง ไทรเจ้ากางใบบัง งามเหมือนดัง ม่านทอง ลืม ลืมหมดแล้วสายลม แม้ไทรที่เคยชื่นชม รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง ไทรเอ๋ยเคยเอน พักเป็น แดนสุขเคียงครอง เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้ ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง ไทรเจ้ากางใบบัง งามเหมือนดัง ม่านทอง ลืม ลืมหมดแล้วสายลม แม้ไทรที่เคยชื่นชม รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง ไทรเอ๋ยเคยเอน พักเป็น แดนสุขเคียงครอง เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา
13 กันยายน 2548 23:28 น. - comment id 514914
หากหลับตานึกภาพตาม เหมือนได้ยลหนังสักเรื่องเลยขอรับ ^_^ ดีใจและขอบพระคุณที่คัดกรองมอบให้คนในบ้านด้วยความจริงใจ ^_- และหากเปิดเพลงประกอบด้วยแล้วล่ะก็....คงต้องมีซึมนิดๆด้วยนะ T_T
13 กันยายน 2548 23:34 น. - comment id 514915
..เรนแอบมาฟังผู้ใหญ่ที่น่ารักของเรนคุยกัน .... ดูดิคะ .. เรนอบอุ่นจัง.. พี่พุดพัดชา.. ที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน.. พี่ปรายผู้หญิงที่เก่ง..และน่ารัก .. พี่ๆคือ ..ความรู้สึกดีๆที่เรนได้รับ..จากบ้านหลังนี้ .. ไทโพเอม.. ที่อยู่ในความทรงจำของเรน .. .. เรน ..คิดถึงพี่พุดพัดชา .. และเรนก็คิดถึง ..พี่ปรายนางฟ้าใจดีด้วยดิคะ ..... zz z z ..
14 กันยายน 2548 06:32 น. - comment id 514943
เสียงฝนพรำสายยามใกล้รุ่ง ปลุกให้พุดพัดชาตื่นขึ้นมา ฟังมนตราแห่งดนตรีธรรม ธรรมชาติค่ะ แต่ทว่าปวดหนึบในศรีษะ จนต้องไปหายามารัปประทาน พร้อมวัดความดันด้วยตัวเองค่ะ เกรงจะแย่.. และคงต้องไปหาหมอแล้วละค่ะ จะได้รจนางานที่รักไปนานๆ พุด..รักความสุขสงบในยามเช้า ชอบฟังเพลงคุณทูลทองใจ หรือไม่ก็ บทเพลงบรรเลง ของคุณจำรัสค่ะลองซื้อหามาฟังนะคะ บรรเจิดจิตมาก บทเพลงเกี่ยวกับทุ่งข้าว และ สายน้ำเนรัญชราค่ะ ที่ให้งามจิตวิญญาณเหนือกว่าจะ กระซิบบอกใคร ต้องรักเองฟังเองค่ะนะคะ น่าเสียดายที่ฝนฟ้ามิเป็นใจ พุดอยากไปอยุธยาค่ะ เวลาไม่สบายใจตามประสาปุถุชน ชอบพาร่างและกมลไป เดินเดียวดาย นั่งนิ่งๆดูสายน้ำเจ้าพระยา ระรินไหลอย่างช้าช้า ไปสวดมนต์ยาวมาก เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธค่ะ ที่ลานหินหน้าวัดไชยวัฒนาราม และ อย่างที่บรรยายภาพไว้นานมา ที่ยังรจนาไม่จบค่ะ ทุกดวงใจ พี่พุดไปวัดไชยวัฒนารามมาค่ะ ไปนั่งสวดมนต์จนใกล้ค่ำ และ ไปนั่งทอดตาทอดใจ ดูสายน้ำรักนิรันดร์ค่อยๆระรินไหล อย่างช้าช้าอย่างอาลัยอาวรณ์ หน้าพระตำหนักสิริยาลัย ที่แสนสงบงามในท่ามแมกไม้ไทย จนตะวันพลบตะวันตกดินตรงหน้า กับฟากฟ้าที่แสนงามราวเรียวรุ้ง ราวในเรื่อง สไบนวลสไบนาง ที่พี่พุดเคยถอดจิตถอดใจรจนาฝากไว้ ให้ทุกดวงใจในร่มรักได้อ่านผ่านตา หวังฝากประทับใจ ดูนกกาโผผิน ด้วยดวงใจเหว่ว้าดายเดียวราวย้อนยุค และได้ไปกราบพระอัฐิ ที่ฝังพระศพเจ้าฟ้ากุ้งค่ะ และ พีพุดรจนาเอาไว้ค่ะยังมิจบ รอติดตามนะคะ ในแสงเรื่อเรืองรัศมีของทิวาวัน ที่กำลังผันดวงลงเรี่ยต่ำ ยอดเจดีย์วัดไชยวัฒนาราม ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดดำเพนท์พิมพ์ลายดอกไม้ สดสะพรั่งด้านหน้า ยาวกรอมเท้า ใส่หมวกถักลายลูกไม้สีขาว กำลังค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าช้า ผ่านลานลีลาวดี ที่กำลังส่งกลิ่นหอมระรินสะพรั่งพร่างไปทั่ว และดวงดอกปลิดโปรยโรยกรายแลละลานตา ตรงลานหญ้า ราวถูกประดับด้วยมนตราแห่งหวานเศร้าร้างลาแรมให้แสนอาวรณ์อาลัย ทุกย่างก้าวรอยย่ำบนศิลามณีที่นะบัดนี้สึกกร่อนไปกับกาลเวลา ทุกศิลาที่ประดับเป็นพระปรางค์ปรา เจดีย์ ยิ่งพาให้ใจดวงเหว่ว้า นัยน์เรียวตาซึมซึ้งราวมีหยาดน้ำผึ้งกำลังจะหยดรินรดบนเรียวแก้มพลีทุกนาที กับมหัศจรรย์ความงามนี้ที่ยากบอกด้วยคำ หากจักสัมผัสได้ด้วยพลังแห่งความรักอันล้ำลึกดำดื่มอย่างปลาบปลื้มปิติเพียงนั้น ราวกับสวรรค์ แลฟ้าดินประทานพร ให้หัวใจอ่อนหวานในร่างอรชรได้รับรู้รับทราบเพียงลำพัง เธอ..เดินช้าช้าเข้าไปภายในเบื้องพระวิหารรายและ หยดร่ำไห้เมื่อแหงยเงยไปเห็นองค์พระพุทธ ที่นะบัดนี้ไร้เศียร ด้วยซึ้งใจค่ะ
14 กันยายน 2548 06:42 น. - comment id 514944
และ ด้วยซึ้งค่ะคุณกอกก.. พุดสะเทือนใจ เมื่อวานเรื่องช้างค่ะ พุดดูรายการ คืนช้างสู่พงไพร ที่คุณบิณฑ์ พระเอกในดวงใจพุด ได้นำเสนอ และ กล่าวถึง ความลำบากของช้าง ที่ต้องเดินร้อนทุกย่างเหยียบ ยามถูกนำมาหากินในเมือง ไหนจะ ถูกฝึกให้แสดงเพื่อเอาใจท่านผู้ชม ให้หัวเราะในท่าที่เขาแสนลำบาก จากสรีระอันแสนใหญ่ จะมีใครคิดบ้างไหมเบิ้องหลัง รอยยิ้มนั้น เขาเจ็บปวด และ กับภาพร้าวรวดใจ ที่สัตวไพรพนา สัตว์คู่บ้านคู่เมือง ต้องมาสิ้นไร้อิสระภาพ และ ต้องบาดเจ็บล้มตาย จนเหลือน้อยลงทุกวัน ไม่ว่าวัวควายหรือสัตว์ใด ควรคืนสู่พงไพรวนา เพราะนั่นคือบ้านแห่งอิสราของเขาค่ะ พุด... กำลังมีอะไรโยงใยกับเรื่องวัวควาย เลยร้องไห้เสียใจ ที่มนุษย์ ผู้คิดว่ามีจิตเหนือสัตว์ใด กลับมีโอกาศให้ชีวิตแล้วไม่ทำ เลยช้ำๆใจค่ะ แต่ไม่เป็นไร.. สุดแล้วแต่ใจใครจะคิดดีคิดได้ค่ะ นะคะ พุด..ก็ซึ้งใจคุณค่ะ อย่าห่วงพุดเลย พุดเข้มแข็งค่ะ และ มีลมหายใจมรณานุสติตลอดเวลา เสียใจอะไรไม่นานค่ะ จะผ่านเลย เพื่อ เก็บลมหายใจนิดน้อยนี้ ไว้ยังประโยชน์แด่ผู้ที่ยังรักรอและรู้ค่า น้ำใจพุดค่ะ ด้วยซึ้งใจค่ะคุณกอกก
14 กันยายน 2548 06:51 น. - comment id 514945
คุณ..สุญญากาศ พุดรักที่จะอ่านคำคุณและคำ มิ่งมิตรทุกดวงใจค่ะ และ ดีใจที่คุณมาให้ความรู้สึกดีแด่พุด เสมอมา พุดแค่นักรักรจนาสมัครเล่นค่ะ เพราะ การจะเป็นนักเขียนมืออาชีพนั้น ต้องทุ่มเทมากค่ะ อ่านมาก ฟังมาก ค้นมาก และ ทุกสิ่งคือ คลังสมอง เพื่อใช้สองมือ คว้าไขว่ให้ไปสู่ดวงดาวค่ะ .... และ นักรักรจนาควรสู้กับตัวเองค่ะ เพื่อพัฒนางาน ขอบคุณอีกครั้งค่ะด้วยน้ำตาเอ่อซึมค่ะ และ เกือบลืมไป งานพุด..ใช่ค่ะ ควรพลีอ่านพร้อมฟังบทเพลงโบราณ แกล้มคลอไป เพราะ พุดอยากนำเสนอให้ทุกดวงใจรัก เนื้อเพลงงามงาม ที่รจนามาจากบรมครูเพลง ที่มากล้นอัจฉริยะในทางคิดคำล้นค่า หามีไม่แล้วค่ะในสมัยเสมอ และ พุดเพียรคัดสรรมาน้ำเสนอ จนนับไม่ถ้วนแล้วค่ะ และ นั่นคือ การอนุรักษ์เพลงไทยค่ะ ให้ยังพลิ้วไหวแสนงาม ไปกับกาลเวลาที่ยังหวังจะฝากค่ะอมตะ ไปตราบกาลค่ะ ด้วยรัก
14 กันยายน 2548 06:57 น. - comment id 514946
น้องเรน แม่หยาดน้ำฝนหยาดน้ำค้าง งามใจ ได้กับตัวเองค่ะน้องน้อย ใครจะมาแย่งชิงไปมิได้ ดั่งอัญมณีค่ะ พี่พุดรักทุกดวงใจ ในร่มรัก และ... หวังทุกดวงใจคงมีความรัก มีน้ำใจปันพลีให้แด่กันและกัน ฉันท์น้องพี่ คนที่มาเดินบนถนนสายฝันสายดอกไม้ อย่างที่จิตวิญญาณน่าจะหวานหว่านดี หว่านให้ไร้ร้องขอค่ะ ด้วยซึ้งใจค่ะ
14 กันยายน 2548 07:52 น. - comment id 514952
อัลมิตรายังนึกไม่ออกเลยว่า อัลมิตรามีความทรงจำ หรืออยากไปไหนเป็นพิเศษ สงสัย ตอนนั้นคงดมปาริชาติไปเต็มเฮือก.. หรือไม่ก็ไม่มีพระเอกในฝันค่ะ ว่าแล้ว ดมยาหม่องตราลิงถือลูกท้อดีกว่า
14 กันยายน 2548 08:05 น. - comment id 514957
denaเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่.เข้ามาอ่านบทความ,กลอนของคุณหรือพี่พุดแล้วชอบมากคะ.denaฝึกนั่งสมาธิมาหลายปีแล้วและจิตได้สัมผัสกับความว่างเปล่าแล้วเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ใครรับรู้.ต้องสัมผัสเองคะ dena 11 ส.ค. 48 - 15:59 พิเศษพิสุทธิ์จากดวงใจพี่พุด ถึง ดวงใจใสงามนามน้องดีน่า ที่ตามอ่านงานพี่พุดย้อนหลังค่ะ ในหลายเรื่อง เช่น *ศรีตรัง* ที่ไปแอบฝากพลังใจสวยใสแสนงาม เอาไว้ให้นะคะ พีพุด..เพิ่งพบค่ะคนดี และ ยังมีอีกบางเรื่องราว น้องดีน่าคะ เคยสงสัยมั้ยคะ ทำไมพี่พุดว่ายวน รจนาไปมาราวกับว่าอยากให้แทรกซึม สู้บึงใจบึ้งใจทุกดวงใจ ก็เพราะด้วยปลายทางแห่งชีวิตนั้น มีเพียงสิ่งเดียวค่ะคนดี ที่เรานี้จะนำติดตามไปด้วยได้ คือ*งามใจดั่งอัญมณี*ที่ใครเล่ารู้นี้ไงคะ มีเพียงเราเพียงเพียรเองค่ะ แหละ เท่านั้นเท่านี้..ที่จะพบพาพระนิพพาน ว่าจะมีจริงไหม..พิสูจน์สิคะ ทุกดวงใจในร่มรัก น้องรัก ไม่ว่าวันนี้น้องจะอยู่ณ..หนไหน ในหล้า อเมริกา ตะวันออกไกล หรือแดนดินไหนในโลกนี้ ให้ น้องคนดีทราบว่า พีพุดพัดชารักน้องรักจิตใส ใจดวงงาม ดวงพัฒนาการ ที่รู้ทันเท่าโลกวายวุ่น ที่กำลังกรุ่นรอ..แตกดับ ด้วยมหันตภัยร้าย จากดินน้ำลมไฟ ที่สิ้นไร้ใจจะเมตตาแล้ว เมื่อมนุษย์ไร้ใจดวงแก้ว รู้รักษ์พิทักษ์งาม ได้แต่หยามทำลายอย่างไม่ตระหนัก อย่างไม่รู้พักพิงอิงใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า แท้แล้วไซร้เราแค่ธุลีหล้า เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดินค่ะ ด้วยรักน้องนะคะ หวังผ่านพบ..
14 กันยายน 2548 08:08 น. - comment id 514959
น้องน้อย ดีใจค่ะที่ยังรักพี่พุด ดมยาหม่องอิอิ บางครั้งก็ดีค่ะ ใครจะดมแต่ดวงดอกไม้ได้ทั้งปีชาติ แต่ คนดี ลองนะคะ หาปาริชาติสักดอก ไม่ก็ลีลาวดีค่ะ ไม่ยากค่ะ แล้วลองดมดู ดีไม่ดี ชีวีอาจแปรผันพบฝันงามนะคะ ด้วยรักค่ะ
14 กันยายน 2548 08:13 น. - comment id 514962
ฝากไว้ในงาน *แพรพรรณผืนนั้นหมองเจ้าของหมาง..... plaing_piu คนดีของพี่พุด พี่พุดรักงานplaing_piuมากๆนะคะ สารภาพ เพราะอ่านแล้วชื่นฉ่ำใจ อย่างไรไม่รุ บทนี้.. รักภาพดอกไม้จนต้องแอบเซบไว้ค่ะ ได้งามสีงามคำงามบรรเจิดจิต ไปพร้อมกับในภาพรวมบทกวีค่ะ ชีวีชีวิตพี่พุด รักเรื่องโบราณ วิมานดินก็มีแต่ตู้โต๊ะตั่งเตียงโบราณ ที่สำคัญหัวใจก็ดวงโบราณค่ะ และ เกี่ยวกับผ้าเกี่ยวกับสไบนวลสไบนาง พี่พุดจะอินมาก และ ในชีวิตจริง พี่พุดมักพลีผ้ามอบให้ผู้เป็นที่รัก เสมอมาค่ะ ไม่รุเอาไปเช็ดรถรึยังอิอิ สำหรับพี่พุด ก็มีคนหลง..ละเมอให้มาค่ะ ให้มาแบบให้ไปงั้นๆค่ะ พี่พุดก็ยังหลงปลื้มเสียไม่มี แล้ว นี่รอท่า หากใครมาคุกเข่าขอเอา ผ้าแพรหรือสไบไปเก็บแทนใจ แล้วละก็คงรักตายเลยอิอิ แต่.. จริงๆใจพี่พุดคิดนะคะ ไม่ว่าข้าวของสิ่งใด ในที่สุดเราก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่นค่ะ แม้กระทั่งร่างและ จิตคนเรายังยากหยั่งถึง และ แม้นกระทั่งสังขาร ก็ยังยื้อไว้มิไดเลยว่าจริงไหมคะ เรา นักรักรจนา แค่นำมาฝากความละมุน สอนโลก ให้หอมกรุ่นด้วยความละไมละเมียด ที่ชักเหลือน้อยลงทุกวัน และ โดยเฉพาะสุภาพนบุรุษลุกผู้ชาย ที่ยังโหยไห้โหยหาผ้าสไบแพรมาห่มแทนใจ แทนรักนะคะ นับวันหามีไม่แล้วค่ะ จึงได้ใจรัก..จากพี่พุดด้วยประการละฉะนี้ค่ะ
14 กันยายน 2548 08:16 น. - comment id 514964
ฝากไว้ในงานคุณแก้วค่ะ และชอบบทเพลงสองเพลงนี้ มาวางพลีกำนัลแด่ทุกดวงใจค่ะ *โศกนาฏกรรมกากี * แก้วประเสริฐ * มาชื่นชม งานงามค่ะ และคนึงถึงบทเพลงนี้ค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3313.html กากีเหมือนดอกไม้ โอ้ มาลี นี้ใครชมเล่น กลีบเจ้าเป็น รอยช้ำ ใครทำให้เจ้าเฉา หรือภุมรา แกล้งมาภิรมย์ชมเจ้า มองแล้วพายิ่งเศร้า เจ้าเคยพริ้งเพรา กลับมาอับเฉา เพราะมือ คนชม ใครอยากจะรัก ใครอยากจะดม ใครอยากจะชม นิยม ว่าเด่นดี เปรียบกานดา โสภางามผ่อง โอ้ รูปทองใจทราม มีนามว่ากากี สวยอรชร กลิ่นขจร หอมดังมาลี กรรมของนางเทวี เจ้างามโสภี แต่ใจบัดสี เพราะมีอารมณ์ ใจอยากจะรัก ใจอยากจะชม ใจกลับ ระทม เพราะลมสวาทเอย ************* ตามมาด้วย นางใจค่ะอันนี้อยากให้ผู้ชายทั้งโลก ร้องให้ผู้หญิงที่พลาดหวังฟังค่ะ คงได้ใจเกินร้อยค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song424.html เธอเป็นนางพิม ของใครมาก่อน คนทั่วทั้ง นคร เขาก็รู้ ทั่วไป ฉันรักเธอ ไม่เคย คิดแคลง แหนงใจ รักเธอ ตลอดไป เทิดไว้ อยู่เหนือ ชีวา จะเป็น วันทอง ของใคร ก็ช่าง เธอ ย่อมเหนือ ร้อยนาง ฉัน เคยคิด ใฝ่หา แม้ ทุกคน ประณาม หยาม เธอ เรื่อยมา ฉันเอง ยัง ศรัทธา รักเธอ นั้น เป็น อาจิณ จง เพ่งดู ดวงใจ แห่งฉัน จะเห็น ในนั้น เจิ่งนอง ล้วน กระแสสินธุ์ กระแส ธารใจ ฉันมี ให้อาบ มีให้ ดื่มกิน มีให้ล้าง มลทิน ที่ เคยเปื้อน เรือนกาย มาเป็น นางใจ ของฉัน ดีกว่า ลืมเรื่อง แล้วแล้ว มา ลบ มันเสีย ให้หาย ฉัน รักเธอ แน่นอน ไม่มี วันหน่าย แม้เธอ จะผ่าน ชาย ร้อยชาย ฉันยัง รักเธอ มาเป็น นางใจ ของฉัน ดีกว่า ลืมเรื่อง แล้ว แล้ว มา ลบ มันเสีย ให้หาย ฉัน รักเธอ แน่นอน ไม่มี วันหน่าย แม้เธอ จะผ่าน ชาย ร้อยชาย ฉันยัง รักเธอ...
14 กันยายน 2548 08:26 น. - comment id 514969
ทุกดวงใจ มีบางคนตั้งคำถาม ยามพบพุดแล้วได้แชท(ที่นานครั้งในรอบปี) ว่า ทำไมพุดคอมเมนท์และ รจนางานยาวมาก พุดก็ขำค่ะ เพราะ คือพุดพัดชาไงคะ แบบ..ว่ายาวยานย้วยย้อยหยดค่ะอิอิ และ จักเป็นเช่นฉะนี้ ตราบใดสายนทียังรี่ไหล ยังมีไฟฝัน น้ำค้างยังตก นกยังบิน แผ่นดินยังหอมงาม ดอกไม้ยังบานไสว ยังมีไพรพงพนา ยังมีปีกฟ้าเปิดเวทีให้มีฝัน ยังมีสวรรค์รออภิรมณ์ ยังมีคืนวันตรอมตรม ให้สร้างงานโศก ให้โลกรู้ถึงทุกข์รัก อันคือสัจจะใจสัจจะจริง ยังมีรถวิ่ง มีน้ำมันใช้ มีคอมพิวเตอร์ให้ระบายยามเหงา และ หัวใจดวงดายเดียว ดวงที่รักรุ้งเรียว รักแดดสวย รักเรียงข้าว บึงบัวฟ้าสลัวโพล้เพล้ และ..ตราบ.. จนกว่า... ลมหายใจแห่งหัวใจดวงว้าเหว่ จะค่อยๆ..ระริบหรี่ พลีปลิดปลิว ล่วงลับไปลำแสงสุดท้ายแห่งตะวันลาค่ะ ด้วยซึ้งใจนานๆทีจากใจ แม่ดวงดอกพุดไพร.. ใจสาวบ้านนา
14 กันยายน 2548 08:38 น. - comment id 514976
และกับฝนพรำๆ กบเขียดพิไรร่ำอย่างนี้ ฝากไปอ่านงานสาวนาเก็บเห็ด คงได้อรรถรสแกล้มบรรยากาศดีพิลึกค่ะอิอิ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem61852.html พร้อมเปิดเพลง ความรักเหมือนเห็ดละโง้ก..โอ๊กๆอ๊บๆจ๊ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1554.html
14 กันยายน 2548 15:30 น. - comment id 515203
ดอกหม้อข้าวหม้อแกงลิง จะหอมไหมน๊า แล้วจะมีคนอยากได้มั๊ยน๊า
15 กันยายน 2548 01:29 น. - comment id 515371
อยากได้ดมกลิ่นปาริชาติ เผื่อว่าจะระลึกชาติได้บ้าง...ว่าทำกรรมใดมาหนอ คิดถึงคุณพุดครับ