http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html (เดือนต่ำดาวตก) ............................... จุดเทียนหอมระริบหรี่คลี่ใจฝัน ท่ามเงียบงันในเงียบงามยามโพล้เพล้ กลีบลั่นทมเคลียไรผมใจว้าเหว่ ดอกรักเร่มาแรมร้างกลางเมืองลวง.. ฟังเพลงฝนหล่นลาราตรีนี้ ดอกจำปีคลี่กลีบหวานรอรานร่วง ค่อยดอมดมพรมจูบละมุนทรวง พุดพร่างดวงหวงกลีบซ้อนอ้อนหาใคร... นวลการะเวกแซมเขียวไพลไกวกิ่งโยก พอลมโบกก็ระบัดพราวพัดไหว ราตรีเอ๋ยเผยกลิ่นร่ำราวช้ำใจ รักพรากไกลกลายสีโศกโลกดายเดียว... วงหน้าเรียวต้องแรมจันทร์ขวัญควะคว้าง ฟ้าแสนกว้างว่างเปล่ายามเหงาเปลี่ยว สิ้นไร้ดาวเพียงจันทร์ฉายคล้ายรูปเคียว ลอยฝากเสี้ยวราวเรียวใจไหวหวั่นนัก... เจ้านกไพรใจรวนเรเร่แรมรัง นวลสิ้นหวังหลงเพ้อละเมอภักดิ์ เจ้าลืมสิ้นกลิ่นผ้าถุงในอ้อมตัก น้อยใจนักเจ้านกไพร....ไยลืมสิ้นกลิ่นโคลนดินสาบควาย........ ........................ ฝน..พรำสาย ไม้ใบเริ่ม ร่ายระบำไหวเอน วิเวกราตรีกำลังคลี่ห่ม.. ให้หมองหม่นเทาทึมไปทั่วทิศทาง ในคืนที่ฟ้าไร้สิ้นแสงดาว และจันทร์เจ้าก็หลีกเร้นเข้ากลีบเมฆ เงาไม้กรายกิ่ง ต้องพรายพายุพัดวูบไหวโอนเอนไปมา เป็นเงาพร่างในท่ามกลางสายฝนพรำ อย่างมิสิ้นสาย นัยน์ตาหญิงหนึ่งทอดนิ่งนิ่ง...ทิ้งซึ้งเศร้า มองฝ่าม่านฝนออกไป....ไกลแสน..แสนไกล... นอกหน้าต่างกระจกบานกว้าง.... ที่มีเพียงม่านใบไม้ลายดอกแก้วขวางกั้น... เสียงโทรศัทพ์พลันร้องเตือน..ให้..เจ้าของต้องเบือนหน้า หันหาที่มาแห่งเสียง จาก..ตั่งข้างเตียงโบราณ และ.. ทันได้ยินเสียงเหงาเศร้า.. แผ่วเบาผ่านมาจากฟ้ากว้าง ราวกำลังกระซิบริมหู... และ.. พร้อมกันกับ...ฝันควะคว้าง กับพรายพร่างแห่งหยาดฝนพรำ น้ำนัยน์ริมเรียวตา ก็ค่อยๆพลันพร่าซึมออกมา..ผสานผสมกันอย่างช้าช้า ริมเรียวแก้มงาม.. และ..เธอ.. แค่แสดงความรับรู้...ว่าได้ยินคำแสดงความห่วงใย... แล้วก็... ตัดใจ ตัดสายไป..ตัด..สายใยแห่งผูกพัน ด้วยใจ...อยากอยู่ลำพัง... แค่รอรับ.. พลังแห่งความหวานชื่นสดฉ่ำแห่งสายฝนที่กำลังพรั่งพรู แทน... การอยากรับรู้เรื่องราวใด ...ด้วยใจ..*ดวงไร้พันธนา* ที่แสนสุขสงบล้ำ...เกินกว่าคำจะบอกใคร เธอ..พลีใจ ฟังเสียง*ปีศาจวสันต์*อย่างงามล้ำในอารมณ์ ที่แสนด่ำดื่มเดียวดาย ราวอยู่คนเดียวณ..ปลายโลกร้าง และ... ราวได้ยินเสียงสายฝนภายนอก กำลังผสานโศกกับสายฝนภายใน ที่กำลังไหวสะอื้นไห้...อย่างมิอายฟ้าดิน...! น้ำตาแห่งความสุข.. พ้นทุกข์ถวิล.. สิ้นคิดถึงและห่วงหาใคร......ค่อยๆพร่างระรินไหล มิสิ้นสาย เพียงแค่เธอได้..ปลดปล่อยดวงใจ ให้นิ่งใสรับงาม อย่างผู้รู้ตน...อย่างบัวพ้นน้ำ...เพียงนั้น.. กับ... คืนวสันต์ลีลา กับคืนที่... ฟ้าสิ้นไร้แสงดาว... และ... กับ คืนที่หนาวแสนหนาว นวลเนื้อ เนื้อนวล .เนื้อใจ ยามสิ้นไร้ใคร...สิ้นไร้เจ้านกไพร..ในใจนวล.. อีกคราครั้ง..อีกครั้งครา..ณ..นาทีนั้น...!!! ....................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html เดือนต่ำดาวตก .......ทูล ทองใจ เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ ผวา มองจ้องตามเพียงครู่ รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ น้ำค้างร่วงกราว ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน หวานดังน้ำผึ้ง แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา แม้ท้องฟ้าไร้ ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องครั้งใด พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง พบเพียงหมอนข้าง แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน แม้ท้องฟ้าไร้ ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องครั้งใด พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง พบเพียงหมอนข้าง แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน...
10 กันยายน 2548 20:48 น. - comment id 514066
เจ้านกไพรในใจนวล ............... นวล..รอนกไพรกลับมาซุกปีกซบใจ นานเนิ่นเกินนับราวชั่วกัปป์กัลป์ ปี..เดือน..วัน ฝันพรายพลัดให้พรากจากมิพบเจอ วันนี้!..นกไพรนกในใจนวล คืนคอนรอนแรมคืนรังเก่า.. หัวใจนวลพลันสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์ นกไพรในใจนวลยืนอยู่นั่น!ตรงหน้านวลนี่แล้ว ใต้ร่มไม้ใต้เงาดาวใต้แสงจันทร์ นวลก้าวพลันออกมาจากเงามืดริมชานเรือน ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญอาบพร่างร่างนวลละมุนหวาน.. เรียวตาสีสนิมเศร้า ร้าวรานจ้องจับนวลอย่างไม่เชื่อสายตา ราวกับว่านวลคือนางไพรนางในฝันพลันโผล่มาจากสวรรค์สรวง.. นวลยิ้มรับหวานเศร้า แลเห็นพราวน้ำนัยน์ตาเขาวะวาววับ เสียงเขาครางราวกับหวนไห้โหยหา ใครสักคน. และใช่!..เลย นวลรู้ดี..ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ รอยพิสวาส ที่เขาฝากไว้กับนวล มิมีวันจะลาเลือนลอยลับลาล่วง ดั่งดวงดาวที่จะทอแสงสกาว.. ประดับฟากฟ้ายามราตรีชั่วชีวาชั่วชีวีมิเลือนลับดับดวง... และ.. นวลก็ซึ้งดีว่าในทุกนาทีแห่งโลกหมุน.. หากเขาดายเดียวไร้ใครเหลียวแลปลอบประโลม เขาก็จะยังมี..นวลคนนี้ ที่ยินดีจะเคียงข้างมิร้างราแรมไกล ที่จะเป็นดั่งนางฟ้าดั่งดาวประดับใจส่องนำทางใจให้พ้นมืดมน. . นวล..ยังจำรอยรักรอยพิสวาส บาดใจเนิ่นนานปีกับราตรีที่ผ่านลาเลย เป็นรอยรักรอยใจรอยอดีตที่คิดคราใดก็หวามไหวมิรู้เสื่อมสลายคลายมนต์.. คืนที่ฟ้าเบื้องบน..เป็นพยานใจ พ่อแม่ญาติมิตรพี่น้องรู้เห็นเป็นใจยินดีปรีดาพากัน หลั่งน้ำสังข์..สวมมงคลคู่สู่สองดวงใจ ให้คล้องสายใจสายใยรักรวมเป็นหนึ่งเดียว..ชั่วกาลนานนิรันดร์ คืนที่ฟ้าปรานี..คืนที่ฟ้าแสนหวานแสนงาม ให้นกไพรซุกซบกับอ้อมอกอ้อมใจอ้อมตักตราบชั่วกาล ในคืนหวานในคืนเพ็ญเด่นดวงอย่างเช่นค่ำคืนนี้.. ณ..คืนนั้นที่เขาคนดีเป่าขลุ่ยเพลงเดือนเพ็ญ พร่ำพลอดออดอ้อนพะเน้าพะนอรัก เคล้าไปกับหวานซึ้งของโมกกอ กับหอมละออของดงดอกราตรีริมชานเรือน กับลำดวนดงส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจาย กับพรายพระจันทร์หวานหยาดสายไล้โลมร่างงาม กับเงาไม้ล้อลมระริกไหว กับกอไผ่ซัดส่ายซอนเซาะซอกแซก แหวกหวานหว่านมนต์ดนตรีธรรมชาติ เสียงดุเหว่าแว่วมาพาให้หัวใจละมุน เขาคนดี..ค่อยๆคลึงเคล้าเล้าโลมละมุนจูบแผ่วริมเรียวแก้มปากคอคิ้วคาง อย่างแสนรักแสนหวงยอดดวงใจที่เขาคอยพร่ำเพ้อรำพัน อยากกกกอดทั้งวันมีผันแปรร่างห่างเจ้านวลหอมหอมแม่จอมขวัญจอมใจ ท่ามกลางดาวพราย ดวงดอกไม้เริ่มขยายกลีบละออ รอน้ำค้างพร่างรับอุษาสาง แสงจันทราทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว.. มุ้งม่านพลิ้วไหว แสงตะเกียงริบหรี่ส่องรำไร สู่ร่างนวลละออ งามล้ำ เขาเฝ้าแต่พร่ำบรรเลงบทเพลงรัก ตราบจนอุษาฟ้าสางจนอรุณเรื่อราง..สว่างหอมน้ำค้างไพรน้ำค้างรัก เป็นความรัก..ความงดงาม หมดจดใจ จากเนื้อนวล นวลเนื้อ นวลใจ นวลนางกลางไพร ที่พิลาสพิไลพิสุทธิ์ผุดผ่อง ดั่งน้ำค้างไพรกลางกลีบเกสรดอกไม้แห่งรัก ภักดีพลีพร้อมหลอมรวมร่างใจและจิตวิญญาณ ที่ผ่านเพาะเพียรบ่มอดทนการรู้ค่ารักค่ารอ อย่างหญิงดีมีค่า ให้สมกับคำล้ำค่าคำว่ากุลสตรีไทย ที่เกิดมากับพงไพร ฟ้าใส ดาวสวย ในชนบทงาม ที่รักแล้วต้องรู้รอวันหวานด้วยการรักษาร่างรักษารักภักดี ให้ผ่านพิธีวิวาห์สืบทอดรักษาวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมรัก จักธำรงงามดำรงอยู่รู้ค่ารักหนักแน่นมั่นคง รู้สัตย์ซื่อถือตรงในชายเดียวหญิงเดียว... ******* และไม่นานกับวันปีผันผ่านกับกาลเวลาแห่งคืนหวานหอม ใครจะรู้.. ชะตา ฟ้า ดิน นรกฤาสวรรค์พลันดลบันดาล.. หัวใจลูกผู้ชายคนดีคนแกร่งคนเก่งคนกล้าเกินกว่าใคร จำต้องเลือกตัดสินใจลาจากด้วยเงื่อนไข งานดีเงินงาม สู่เมืองแสงสีศิวิไลซ์ สู่ความซับซ้อนใจสับสนอลวนอลเวงแห่งเมืองลวง เมืองแห่งแสงสี ที่ต้องสู้ที่มีทั้งคนดีคนชั่ว คละเคล้าเกลือกกลั้วกันทั่วไปทุกสังคมเมืองใหญ่.. แสงสีที่เขาเคยเกลียดชัง.. นกไพรจำจากรวงรักแห่งรัก รอนแรม ไร้ร้าง อ้างว้างเปลี่ยวเหงาดายเดียว ทิ้งนวล..ราวข้าวรอเคียวเกี่ยวเก็บกับแม่พ่อที่ท้องทุ่งรวงทอง นองน้ำตารอรอและรอ... เพื่อรัก เพื่อความหวัง เพื่อพลังใจ..จะมีเงินกลับมาพลิกฟื้นผืนดิน หมดหนี้สิ้นหมดภาระผูกพัน..หน้าที่ทางใจ ... เยี่ยงคำว่าลูกผู้ชายหัวใจไพรไม่ทิ้งชาติเชื้อทรนง.. ที่พร้อมพลียินดีเสียสละให้ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ ที่ฝากความรักความฝันความหวังไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว! นกไพร..ใจอ่อนล้า ร่างกายผ่ายผอมตรอมตรมใจ ในกรุงกรง...หลงทำงานให้ลืมวันลืมคืนเหมือนอยากหลับมิรู้ตื่น ฝืนเผชิญฝันร้ายฝันเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาลำพัง.. ******** กระทั่งวันนี้... วันที่นกไพร ตัดสินใจคืนคอน จบละครโลกบทโศกสะเทือนใจ ฝากสอนใจฝากตำนานคนสู้มิรู้ถอย คอยเวลาด้วยความอดทนเพียรพยายาม.. รอเวลากลับสู่เรือนชานรวงรังแห่งรัก สู่อ้อมตักอ้อมใจอ้อมกอดยอดดวงใจ แม่พ่อและนวลละออนางใจเพียงหนึ่งเดียวในชีวี.. นกไพร..ดำรงร่างทำหน้าที่แห่งหัวใจลูกผู้ชายได้อย่าสมภาคภูมิ บนเวทีแห่งเกียรติยศ หวังฝากผลงานงามปรากฏเกียรติเกริกไกร รับรางวัลใหญ่บนเวทีระดับชาติ จากพรสวรรค์บวกพรแสวง สู่เส้นทางงามเส้นทางสายฝันด้วยความขยันอดทนเพาะเพียรบ่ม ด้วยเลือดรักนักสู้เป็นดั่งตำนานใจตำนานไพรไปชั่วกาล.. และ นกไพรได้ปิดฉากชีวิตอันยิ่งใหญ่อย่างงดงามตระการตาตระการใจ ฝากชื่อลือค่าไว้กับผืนดิน ฝากร้อยรจนาบทถวิลเป็นธรรมทาน หว่านโปรยสู่ดวงใจผองชนผู้ทุกข์ทนยากผู้สิ้นไร้หวัง ให้หาญกล้าทายท้าเผชิญโลก อย่างผู้รู้ตน ผู้รู้รักรู้ธรรมนำมาเกื้อกมลเกื้อโลกละมุน.. ลดเร่าร้อนรุนแรงทุกแห่งหนในโลกหล้า.. ดั่งสายธาราดับแล้งทุกแห่งหนทุกผืนดินพร่างพรม ห่มด้วยความรักน้ำใจอภัยเมตตากันและกัน ฉันท์น้องพี่เพื่อนร่วมโลกแบ่งโศกปันสุขรวมโลกนี้เป็นหนึ่งเดียว ***** นกไพร..เจ้านกไพร.. น้ำตาปิติ..จากใจดวงงาม กำลังพร่างสายรินไหล หอมละเมียดหอมละไมหลอมละลายไปกับรอยจูบดื่มด่ำกับเรียวแก้มนวล!
10 กันยายน 2548 21:18 น. - comment id 514071
สะดุ้งไหวครารับฟังเสียงดังก้อง ใจร่ำร้องอยากสดับเพื่อรับฝัน น้ำตารื่นต้องทลายสายสัมพันธ์ สิ้นสุดกันเพียงนี้ ดีกว่ารอ ปล่อยฉันไว้ลำพังความหลังเจ็บ ต้องหนาวเหน็บเพียงใดรู้ไหมหนอ หญิงคนหนึ่งเจ็บหนักรักเฝ้ารอ จนทดท้อกลืนกล้ำเพียงลำพัง..*** บางครั้งต้องทำอะไรที่สวนกับความรู้สึกต้องการของหัวใจเหมือนกัน... อ่านงานคุณพี่พุดด้วยความรู้สึกนี้... อาจคิดมากไป หรือคิดไปเองก็ไม่ทราบนะคะ... มาทักทายคุณพี่พุดยามราตรีเจ้าค่ะ... สวัสดีค่ะ
10 กันยายน 2548 21:27 น. - comment id 514073
.... แวะมาอ่านคะพี่พุด เห็นรูป แล้วก็สมควรที่จะหนาวหรอกนะคะ .......เพลง ของ คุณ ทูล ทองใจก็เคยฟังค่ะ อิอิ ขอบอก ยังค่ะ ยังไม่แก่น๊า 555+ .... ยัง คะ ยังเป็นสาวน้อยน๊า
10 กันยายน 2548 21:36 น. - comment id 514077
แวะมาทักทายยามค่ำคืน นกไพรคืนคอน อ่านแล้วได้คิดหลายๆอย่าง ความรักยังมีอิทธิพลกับมวลมนุษย์.
10 กันยายน 2548 22:20 น. - comment id 514084
โอย .. โอย มาอ่านงานกระชากอารมณ์ ดึงความรู้สึก ของพี่พุดอีกครั้ง
10 กันยายน 2548 23:24 น. - comment id 514086
ฟังเสียงฝนหล่นมาราตรีนี้ ระริบหรี่แสงเทียนหอมของจอมขวัญ เฝ้ารำพึงถึงดวงใจในความเงียบงัน มีเพียงฝันอยากกลับไพร..ไร้ลมลวง ดอกพุดงามซ้อนกลีบกลิ่นหอมหวล งามเหมือนนวลสงวนใจด้วยห่วงหวง แม้นกไพรไกลพรากสู่เมืองลวง แม้ช้ำทรวงยังยอมให้ไปไกลตา ลมเอ๋ยลมพาพัดระบัดไหว โชยหัวใจแสนงามไปไกลหนักหนา ด้วยคิดถึงนกไพร..จากไพรพนา ให้รู้ว่ายามคิดถึง..ซึ้งโศกใจ กลับมาเถิดรวงรังยังคอยเจ้า มีตักเหงารอไออุ่นละมุนใส อย่าให้นวลต้องสิ้นหวัง..นะดวงใจ ขอนกไพรคืนถิ่นนี้ที่จากมา ....................................... ยามนี้ฟ้าไร้สิ้นซึ่งความหวัง ไร้รวงรังไร้สิ้นบินถลา ไม่มีแล้วดวงจันทร์วันจากลา ไร้ดวงหน้าของนวล..เรรวนใจ ปีกของเจ้านกไพรไร้ลมหนุน ลมละมุนอุ่นอกไอใจหวั่นไหว อยากถลาสู่อ้อมกอดนวลรัญจวนใจ จะอภัยให้นกบ้าง..ได้ไหมนวล เรื่องละครบทโศกวิโยคนัก เรื่องบทรักสอนใจให้กำสรวล เรื่องของใจนกไพรไม่เรรวน เรื่องของนวล..นกคืนคอน...ไม่ถอนใจ .........................................
10 กันยายน 2548 23:32 น. - comment id 514088
นวลน้ำตากับฝันลวงให้ห่วงหา เจ้านกไพรไกลตามาลาล่วง น่าเสียดายน่าเสียใจนวลใจรวง ทั้งป่าปวงทั้งเปลี่ยวใจ.รอยไถแปร รอยใจปัน ด้วยซึ้งใจค่ะคุณกอรักกอกก.. นวลมิควรยกใจทั้งดวง ให้ใครเสียท่าจะกว่า..ว่าจริงไหมอิอิ
10 กันยายน 2548 23:37 น. - comment id 514091
น้องฉางน้อยคอยรวงเรียวแห่งรักค่ะ คือว่า... ควรมิควร นวลหนาวเนื้อเหลือหนาวใจค่ะ เพราะสิ้นไฟรักไฟฝันเสียแล้วค่ะ และ บทเพลง..อมตะมหาอัครมหา..มหา นิรันดร์กาลนั้น ไม่มีเพศ วัย ไฟฝันค่ะ จะแก่อ่อนฟังได้หมดค่ะ เพราะ สำคัยที่ใจค่ะอิอิ ซึ้งใจคนวัยละออละอ่อน อ้อนแอ้น นะคะ
10 กันยายน 2548 23:42 น. - comment id 514092
น้องไรไก่ที่คิดถึงนามปากกาน้องทีไร พีพุดก็มีเครื่องหมายคำถามที่หัวใจทีนั้น จำได้น้องเคยตอบมาแล้ว แต่สมองส่วนความจำ ของพี่พุดบกพร่องค่ะ เลยไม่จำซั๊กที เลยนาทีนี้ก็เพียรพยายามหยุดถามอีกค่ะ ว่าไรไก่ หมายถึงอะไร ..อ้าว เอ๊ะ อิอิ อะไร ไรไก่ คือไรที่ไก่หรือที่ไข่ หรืออะไร เอ๊ะ อ้าว อิอิ
10 กันยายน 2548 23:49 น. - comment id 514096
น้องแดดอ่อนละออ ยามอรุณอุ่นอาบเอิบงาม..คะ พี่พุดกำลังฟังเพลงนี้นาทีนี้นะคะ เลยยกให้น้อง จะฟังทิ้งฟังขว้าง หรือฟังคิดฟังโยน ก็สุดแต่ใจค่ะ หากทว่าด้วยใจพี่พุด พลีแด่น้องดวงดอกแดด ด้วยรักค่ะ นะคะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2438.html ที่สุดของหัวใจ ...แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลก ยับเยินเสียก่อน จะไปอ้อนวอน ขอเธออย่าตัดรอน รอก่อนวันพรุ่งนี้ เคืองกันเรื่องไร พรากกันด้วยเหตุใด ฉันยังไม่เข้าใจ เพราะฉันใช่ไหม หรือเธอเปลี่ยนไป ไยถึงไม่เหมือนเดิม แต่ถ้าพรุ่งนี้ ดวงใจยังโกรธ ฉันโทษใครได้ เป็นกรรมของใจ พบเธอโดนผลักไส ทำอย่างไรพรุ่งนี้ นับช้ำมากี่ครั้ง หัวใจยังไม่จำ ซ้ำยังยอมให้ทำ เพราะรักมากไป เพราะซื่อสัตย์ไป จึงช้ำใจ อดทนไว้ก่อนนะใจเจ้าเอย ข้าวอน จงแข็งแกร่ง แล้วทน รอให้ถึงพรุ่งนี้ พบเธอ แล้วถามเธอ อ้อนวอนให้เธอเห็นใจ แต่ถ้าพรุ่งนี้ ดวงใจยังโกรธ ฉันโทษใครได้ เป็นกรรมของใจ พบเธอโดนผลักไส ทำอย่างไรพรุ่งนี้ นับช้ำมากี่ครั้ง หัวใจยังไม่จำ ซ้ำยังยอมให้ทำ เพราะรักมากไป เพราะซื่อสัตย์ไป จึงช้ำใจ...
11 กันยายน 2548 00:00 น. - comment id 514099
ดอกพุดซ้อนอ้อนพลีดอกไม้ฟ้า ท่องเมฆาหยาดน้ำค้างพร่างวสันต์ ให้น้ำใจใสหวานมานานวัน ดั่งน้ำค้างสวรรค์คอยปันพลี..กวีรัก คนดี ปีกนกไพรวันนี้คงจะหัก ผลุบผลุบโผล่โผล่มีรักโหลมิแน่นหนัก นวลสิ้นภักดิ์มิรักแล้ว..โง่มานาน.. พลีลีลาวดีสามดอกดวงตรงหน้า ในนาทีนี้ให้นะคะ แทนค่าคำว่าแสนรักและแสนซาบซึ้งใจค่ะ พลีเพลงกำนัลให้ฝันคว้าง..ฝันร้าย สักเพลง ในยามดึกนะคะอิอิ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2475.htm lขออีกที ....แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ จะเจ็บ อีกที ก็ไม่ เห็นตาย อย่างมาก ก็อาย คนมัน ก็เท่า นั้น ไอ้เจ็บ อย่างนี้ มันไม่ สำคัญ เพราะฉัน ประจัญ แล้วมา ตั้งหลาย ครั้ง จะโก หกกัน ได้ สักเท่าไร ในเมื่อ ในใจ เธอมัน ไม่มี ฉัน จากปาก เธอนั้น ต้องหลุด มาสักวัน ใช่ไหม ไม่ทัน ไรเธอก็เปลี่ยนไป เห็นฉันโง่ นักหรือไง ทำหน้าเศร้า ทำพูดดี ปลอบใจ เสร็จแล้วจะไป แกล้ง เสีย ใจ โถ เล่นละครให้เด็กดู อ้างอย่างนั้น อ้างอย่างนี้ อย่ารอรีตัดปัญหา จะ ไป ก็ไป ยังเจ็บ ไม่พอ จะขออีกซักที จะชั่ว จะดี มันก็ ต้องรอ ผล ไม่แน่ หรอกนะ ถ้าเจอะใครซักคน ไม่ต้อง ทนช้ำ ซ้ำซากอยู่กับเธอ เห็นฉันโง่ นักหรือไง ทำหน้าเศร้า ทำพูดดี ปลอบใจ เสร็จแล้วจะไป แกล้ง เสีย ใจ โถ เล่นละครให้เด็กดู อ้างอย่างนั้น อ้างอย่างนี้ อย่ารอรีตัดปัญหา จะ ไป ก็ไป ยังเจ็บ ไม่พอ จะขออีกซักที จะชั่ว จะดี มันก็ ต้องรอ ผล ไม่แน่ หรอกนะ ถ้าเจอะใครซักคน ไม่ต้อง ทนช้ำ
11 กันยายน 2548 10:19 น. - comment id 514138
มีคนเคยฝากจดหมายฉบับนี่ค่ะ ไว้ในงาน*เจ้านกไพรในใจนวล* ที่พุดพัดชารจนาไว้ค่ะ มาพลีให้อ่านนะคะ จดหมายรักจากนวล เขียนจดหมายสักใบใส่ดาษขาว เขียนเองอ่านเองเป็นเพลงยาว เขียนถึงบ่าวผมสร้านอยู่บ้านไกล ว่านกเขาขันคูอยู่ข้างทาง ไปขันกู่คูครางอยู่ข้างไหน มาเงียบงำคำยินเหมือนสิ้นใจ มาเงียบในเสียงบินเหมือนสิ้นลม ว่าเจ้าบ่าวผมซื่อมือนวล มาเรรวนคำหวานให้พานขม จูบนั้นจีบปากจูบหรือลูบคม ที่บ่าวข่มปากจีบจูบกลีบใจ นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด จารีตธรรมเนียมบังล้าหลังสมัย เพียงแรกจูบลูบแรกก็แปลกไป หวาดไหวคำกระทบกระเทียบเกินเปรียบปาน ดั่งวัวสันหลังหวะอยู่กลางทุ่ง หวาดสะดุ้งตื่นกาบินมาผ่าน นวลห่มไห้ไข้เข็ญอยู่เป็นนาน รอยแปลกนั้นประจานอยู่ลานใจ ชั่วเพราะพลีเพื่อรักลืมหลักคอก ดั่งวัวเขาสวยหนอกงามตาใส โลดแล่นลั่นกระดึงตะบึงไป ค้อมคอให้บ่าวเทียมเข้าเกวียนรัก เปลื้องจารีตธรรมเนียมที่เจียมตน รักล้นจึงทอดหยิ่งและทิ้งศักดิ์ แต่ดื่มรักก็ยิ่งด่ำยิ่งสำลัก ดื่มน้ำวักใสสะอาดกลับฝาดคอ บ่าวมาหวะแผลเหวอะเลือดเกรอเนื้อ ใจซื่อบ่าวก็เถือมิเหลือหลอ คำรวนเรเห่ร่ำที่พร่ำคลอ ก็ลืมคำที่พร่ำพ้อทุกข้อความ นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด จารีตธรรมเนียมแบกดังแอกหาม แต่รักแล้วปานแก้ววะแวววาม จะชั่วทรามปานใดก็ให้เป็น โนราห์หลงสรงสระอโนดาด แล้วบ่วงบาศก์คล้องตนเกินโผนเผ่น อันปีกหางงามงอนซึ่งซ่อนเร้น ดั่งตั้งวางห่างเว้นเห็นลิบลิบ เกินเอื้อมมือหยิบคว้าถลาฉวย ระรวยรวยขวยเขินเกินเอื้อมหยิบ หากรักแล้วร้าวรานวิญญาณทิพย์ จะมิรักแม้สิบพระสุธน อานวลเพียงวัวนากินหญ้าเขียว จะท่องเที่ยวเทียวหาสุดหล้าหน ควรหรือแม้นวลจะจวนตน ควรแล้วแม้ทนทุกข์จนตาย ต่อวันนวลฟุบซบเป็นศพซาก จะออกปากฝากเผาก็เปล่าหมาย เกรงขี้เถ้าผงคลีธุลีคาย จะเปื้อนกายป้ายกลิ่นให้หมินคาว นวลม้วนผมมวยเกล้าดำข้าวเขียว นวลฟ้อนแกะเก็บเรียวเกี่ยวรวงข้าว บ่าหยาบนี้หาบคานมานานยาว แดดกริ้วแผดผิวสาวผู้กร้าวงาน มินิ่มนวลชวนต้องแม้ย่องแตะ ก็อย่าแขวะคำถากจากปากหวาน นี่กระไรตะละคำช่างชำนาญ ตะละลิ้นช่างลึกคว้านจนสุดลึก เพียงชมเชยเกยกอดตลอดกาย ดินกระด้างฟางคายใช่รู้สึก ทุกคำหวานสรรพิษมาคิดนึก กล่อมนวลจนนวลสึกผลึกนวล ขนำน้อยก็แอบอิงพิงผนัง แม้ขนำก็เวียงวังยังไห้หวล บ่าวเป็นเทพลงดินมากินง้วน พอดินร่วนซ่วนซุยก็ถุยคาย ถุยขมถ่มขื่นมาคืนนวล ถุยทวนคำหวานซึ่งซ่านสาย ตะละคำตะละลิ้นรินระบาย ล้วนคำชายหมายหยามประณามนวล นวลเป็นสาวมีศักดิ์แหละรักศรี เกียรติที่มีแม้น้อยยังคอยสงวน หากต่ำต้อยถ้อยคำที่คร่ำครวญ ก็มิควรทวนถ้อยเพื่อคล้อยตาม ลงท้ายว่ายังรักยังคิดถึง แต่โศกซึ้งเพียงใดอย่าได้ถาม ทุกคำนวลล้วนชีวิตประดิษฐ์ความ จากเศษสากซากทรามนามว่านวล ปล.เจ้านกเขาชีกอสร้อยคอสวย อยู่ไหนให้ข่าวด้วยแหละช่วยด่วน ทุกถ้อยความหยามหยาบดังดาบทวน และทุกถ้วนคำประณามความไม่เอา! ในวงเล็บ เป็นพื้นถิ่นภาคใต้ที่ได้ยินมา //จบต่างกับงานชิ้นต้น แหะๆ ภาษาสวยดีครับ ปล. ผมชอบ ทูน ทองใจ หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ 27 ม.ค. 47 - 22:41
11 กันยายน 2548 10:43 น. - comment id 514145
รำพึงเหงาเศร้าใจหวั่นไหวนัก ดวงดอกรักสลักใจมาไกลหาย เหลือเพียงภาพอาบในใจไม่เสื่อมคลาย แทบวายวายด้ายคลายคร่ำระกำตรม เธอจะรู้บ้างไหมว่าใครห่วง ในทุกทรวงห่วงหาพาขื่นขม รำพันเรียกเพรียกหาพาระบม ห้วงอารมณ์จมความเหงาเปล่าเปลี่ยวใจ คมอยากไร...ก็อย่างนั้น. .และเหมือนเดิมเลยนะครับ
11 กันยายน 2548 11:11 น. - comment id 514149
เจ้านกไพรไม่หลับกลับโหยหา หลงกลิ่นหอมมวลพฤกษาช่อไสว การะเวกจำปียี่สุ่นไพร ถอดผ้าถุงกองไว้ใส่แต่ยีนส์ แวะมาเยี่ยมพุดพัดชา คิดถึงครับ
11 กันยายน 2548 12:04 น. - comment id 514154
แวะมาอ่านยามเที่ยงๆ ๆ ค่า
11 กันยายน 2548 16:06 น. - comment id 514207
แต่งยาวไปหน่อยตัวอักษรตัวเล็กเกินไปน่าจะตัวใหญ่กว่านี้
11 กันยายน 2548 21:39 น. - comment id 514247
สบายดีนะขอรับ..คุณสาวบ้านนา..พุดไพร....พุดซ้อน ดีใจที่ได้เข้ามาชมขอรับ หมู่นี้ไม่ค่อยเห็น คิดถึงงงงงงงงงงงงงงง
12 กันยายน 2548 01:41 น. - comment id 514312
ประดุจนกโผบินสู่โลกกว้าง ระหว่างทางเจอพายุฝนกระหน่ำ ปีกเจ้าอ่อนขนละมุนพิรุณพรำ จึงชอกช้ำปีกหักร้างคว้างลงดิน กายเจ้าเปียกขนเรียบลู่ดูน่าเศร้า ตัวสั่นเทาตาพราพรางกลางกระสินธุ์ สายลมหนาวกระทบกายใจพังภิณฑ์ หวังคืนถิ่นใดหนาระอาใจ เกิดเป็นนกตัวน้อยด้อยคุณค่า ใครจะมาคลายเหงาเอาใจใส่ ก็คงซุกปีกหางลงกลางไพร ประคองใจประคองกายอยู่ดายเดียว ท่าทางนกไพรคงปีกหักอยู่เพียงลำพัง ไม่มีใครสนใจ.........