http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song413.html ................. ภาคสองต่อจาก*ปานประหนึ่งฉะนั้น..จึ่งพาฝันเช่นฉะนี้*ค่ะ เรือลำน้อยกำลังพาผมเข้าสู่ฝั่ง..แห่งความจริง มิใช่ฝั่งฝันดั่งผมหวังวาดรอ... และนั่น... แผ่นดินกำลังใกล้เข้ามาๆทุกขณะ ผมพยายามสมมุติว่าตัวเองคือ*พรานทะเล* ที่กำลังเร่ร่อนรอนแรมกลางทะเลกว้าง..มานานนับเดือน ที่มีเพียงแสงแห่งดวงดาราเป็นเพื่อนนำทางยามข้างแรม และ... ดั่งเข็มทิศนำเรือชีวิต... ให้มิหลงทางไปกลางกระแสเชี่ยวเกลียวชล อย่างไร้คนไร้ใครเคียงข้าง อย่างอ้างว้างดายเดียวในทะเลโลกย์อันแสนกว้างใหญ่ลำพัง มีเพียงท้องทะเลรอรับร่าง มีเพียงดวงดาราพากันกระพริบตาร่ำไห้ อย่างไร้น้ำตาผู้ใด มันคงหนาวเยือกในหัวใจในนาทีนั้น กับวันแห่งการพรากจาก ที่เราทุกคนคงอยากให้มีมือผู้ที่รักคอยปิดเปลือกตา แต่ทว่า จะมีใครกันกี่คนที่โชคดี ในนาทีสุดท้ายหมายมั่นนั่น นอกเสียจาก... ดวงตาสวรรค์จะเมตตา...ฟ้าดินเท่านั้นจะปรานีรับรู้ ว่าคุณจะอยู่หรือจะไปในห้วงแห่งกาลเวลาใด ใครกันจะผัดเพี้ยนพญามัจจุราชได้ทันท่วงที และ มีหรือที่นรกสวรรค์จะปรานี หากชะตาพรหมถึงเวลากำหนดนัดแล้ว..! บางครั้ง... ผมก็เบื่อหัวใจดวงนี้ ที่มักจะชอบคิดอะไร ที่แผกไปจากผู้คนบนผืนโลกนี้ ที่มักจะคิดว่า *ความสุขข้างหน้าคือสิ่งสำคัญที่เราควรรีบตักตวงกอบโกย ยอมแม้จะเป็นขโมยทรัพยากรทุกสิ่งที่ขวางหน้า... เพื่อตัวข้าและพวกพ้อง หวังครอบครองโลกด้วยศิวิไลซ์วัตถุ โดยหารู้และตระหนักไม่ว่า แท้ที่จริงแล้ว เราแค่มาเป็นแขกของโลกนี้ชั่วครู่ชั่วคราว เขาให้น้ำให้ข้าว ให้ที่นอนยารักษาโรคก็น่าจะพอแล้ว ควรจะช่วยกันเก็บกวาดเช็ดถู ดูแลให้ดี ก่อนที่จะพรากไปอย่างผู้สำนึกในบุญคุณ ผม...จึงเพียรคิดถึงค่าคำมรณานุสติ ให้มากำกับจิตไว้เสมอ ๆ จะได้มิเผลอ*อยากมากไปเสียจนเกินคำว่าพอดีพอใจ ผมแค่หวังขอเกิดมา จักดำรงรู้อยู่อย่างสมถะพอเพียง รู้เพียงพอ และ... ขอให้ได้มีโอกาสโอบเอื้อเกื้อรัก รู้ปันแบ่ง*ให้* ผู้อื่น*ที่ยังยากไร้อดมื้อกินมื้อ.. ฉันท์เพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ผู้มาร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยเถิด กับได้มาเกิดมาทัน *ในร่มเงาแห่งยอดพระพุทธศาสนา ยอดพระรัตนตรัย ทันได้ฝากกายใจไว้พักพิง และ เพียรพาชีวีไปตามเส้นทางสีขาว เส้นทางที่ แสนสว่างสะอาดสงบตามรอยพระบาทแห่งองค์พระบรมศาสดา ก่อนที่ *วันที่โลกนี้จะถึงกาลเวลาแตกดับ ตราบชั่วกาลกัลปาวสานต์* ตามคำทำนายที่ว่าไว้ว่าคงมิช้านาน... ผม..พยายามหยุดความคิดไม่ว่าถูกผิดลง อย่างปลงตกอย่างยอมรับว่า โลกที่เต็มไปด้วยคนเกือบหมื่นล้านคนนั้น ย่อมต้องมีปัญหานานาจิตตัง หวังเหลือ..*คนเต็มคน* ที่พอจะเรียกได้ว่ามนุษย์มนาสักครึ่งหนึ่งก็ยังดี คนที่ไม่เบียดเบียนโลกและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง และพร้อมที่จะ บรรเลงบทเพลงรักบทเพลงธรรม มาคุ้มกันให้โลกนี้ได้สมานฉันท์สามัคคี ได้อยู่ดีมีสุขดับทุกข์ร้อนไปตราบนานแสนนาน .................... เรือ...กำลังเทียบท่าแล้ว ผม..สพายเป้ และสวมแว่นตากันแดด พร้อมเริ่มการผจญภัย ที่ผมตัดสินใจเพียงวูบเดียว ทันที่ผมพบข้อเขียนใครบางคน *ถึงเกาะในฝันสวรรค์หวานแห่งนี้* และ... ศึกษาข้อมูลจากเวบไซท์ ที่ได้นำมากล่าวถึงไว้แทบทุกแง่มุม.... ทั้งงามและง่อนแง่นแคลนคลอน น่าอ่อนใจกับความศิวิไลซ์จากผู้คน ที่พากันขนานนามตนว่า มาจากประเทศอารยะธรรมเจริญสูงสุด แทบทุกมุมโลก ที่พากันหลั่งไหลแบกเชื้อโรคร้ายมาฝาก ให้กระแสเงินเชี่ยวกรากลากกิเลสคนให้แสนวายวุ่น ให้วัยรุ่นวุ่นรัก รับเรื่องเซ็กส์แบบไม่ได้กลั่นกรอง แค่มองตามทำตาม อย่างผู้ที่กำลังอยู่ในวัยอลวน วัยที่กำลังอยู่ในวังวนอันตราย ราวกำลังขับรถเข้าทางโค้งแห่งชีวาชีวิตเลยทีเดียว และ... หากพลาดผิดมันคือนรกรอ ไหนจะแม่พ่อที่คงพากันเศร้าโศกสะเทือนใจ ไม่ว่าจะจะหลงทางเข้าไปสัมผัสยาเสพติด หรือใช้ชีวิตแบบมิยั้งคิดยั้งทำ... ผม....เลือกโดยสารด้วยรถแท๊กซี่ ที่ใช้รถสองแถวแทน และที่ดีมากคือราคา ที่ณ..บัดนี้พัฒนา ไปในทางมิเอาแปรียบทั้งไทยเทศ ราคาเท่าเทียมเท่ากัน อย่างยุติธรรมสมคำ *เมืองแห่งสวรรค์รอยยิ้ม *มิใช่...เมืองแห่งความปลื้นปล้อนหลอกลวงเอาเปรียบ* ......... ผม...พักที่บังกาโลว์เล็กๆ ในโค้งอ่าว ไม่ไกลท่าเรือมากมัก ที่ยังงามเงียบสงบ บังกาโลว์ที่ชื่อว่า*บ้านสบายๆ* แค่ชื่อ...ก็เรียกรอยยิ้มอิ่มเอมให้ผมแล้ว และ ก็นานหลายวันที่ผมมาฝังฝากตัวอยู่ ณ ที่นี่ ที่ที่ผมคิดว่าตัดสินใจไม่ผิด ด้วยได้เห็นทั้งสองด้านแห่งภาพชีวิต ราวขาวดำ ด้านขาวนั้น... คือ บรรยากาศแสนสงบสุข ในทุกเช้า ผมจะนอนในบังกาโลว์เล็กๆที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย ที่มีชานไม้ยื่นเคียงทะเลพอที่จะได้ยินคลื่นเห่จูบหิน มีสายลมระริน ที่พัดพาเอาหอมหวาน แห่งมวลแมกไม้ไทยอย่างลีลาวดี และ พุดซ้อนให้มาอ้อนหวานแทบถึงเตียง มาเคียงข้างปลอบปลุกประโลมใจ ให้คนหัวใจเหงาดายเดียว นอนลำพัง ได้แย้มยิ้มอย่างสุขใจ และ.... ทุกเช้าเย็น ผม..จะออกวิ่งไปตามโค้งหาดทรายขาวยาวเหยียดสุดตา จากโค้งหาดหนึ่งไปยังอีกโค้งหาดหนึ่ง เพื่อสัมผัสตะวันแรกแย้ม ที่แต้มหอมแทรกหวาน ณ..กลางกลีบมวลดอกไม้ให้สยายกลีบ ให้น้ำค้างรีบเร่งสลายลาไปกับแดดอันอ่อนอุ่นโอบหล้า ที่หมุนละมุนมาทายทักโลก ผ่านดงมะพร้าวเหนือเนินผา ให้ฟ้าแสนสวยด้วยไรแสงแห่งชมพูแพรวพรายฉานฉาย ยามอาทิตย์อุทัยชักรถมาอย่างช้าช้า และ... ให้ทะเลสีเงินยวงตรงหน้าผม...ก็พลันพาแปรสีไปตามแสง ที่ค่อยๆแรงร้อนตามลำดับ ส่วน... ยามตะวันรอนอ่อนแสง รออาทิตย์ลาลับฟ้า...ไปชั่วคืนชั่วคราวนั้น ผมจะนอนฝันเฝ้าดูสุริยเทพผันดวงสู่มหานทีทอง ผ่านเกาะสองเกาะตรงหน้า ที่งามเกินกว่าจะหาคำมาบรรยายเลยทีเดียว ดั่งแสงสีมณีรุ้งจรุงสุกปลั่งช่างแสนจรัสเจรืองเสียเหลือเกิน.. และ...! นั่นคือ ภาพด้านขาว ราวหลอมละลายใจผมให้แสนสุขสงบใจ ให้คุ้มจนเกินคุ้ม... ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาหลายร้อยไมล์ เพื่อมาประทับใจ มาค้นหาความฝัน ในแผ่นดินที่รัก *พสุธาไทยพสุธาทอง...ณ..กลางเกาะแห่งนี้* ที่มาตรแม้น จะเป็นเกาะกลางอ่าวไทยไกลปีนเที่ยงก็ตามที หากคือที่ที่ผมอยากจะมาสัมผัสด้วยสายตา พาสายใจสายใยรักมาทายทักแผ่นดินที่นี่ เพราะความสงสัยและอยากประจักษ์แจ้ง ว่าเหตุใดที่นี่จึงมีผู้คนดาหน้ากันมาจากทั่วทุกมุมโลก มาชื่นชมดินแดนแห่งมนต์ขลังสวรรค์หวาน พระจันทร์บานเท่ากระด้ง อันแสนสุกสกาวบนราวฟ้า ที่ใครๆพากันกล่าวขานว่า *ช่างเป็นดวงจันทราที่งามที่สุดในโลก* ส่วน...ภาพด้านดำไร้ดี ที่แสนจะน่าเบื่อน่าเป็นห่วงคือ ภาพบรรยากาศ ปาร์ตี้ ที่พวกผีบ้ามาอาละวาดร้องเล่นเต้นรำกันในทุกยามไม่ว่า เป็นแบ๊ลกมูน ฮาฟมูล ฟูลมูน ที่ช่างหาเรื่องพูนเทวษทุกข์เสียไม่มีสำหรับผม.. คนที่ไม่อยากสนใจเรื่องสุขใดในกิเลสต่อไปอีกแล้ว ตั้งแต่พบเส้นทางทองทางธรรม ทางแห่งความเข้าใจโลกโศกสุขนี้ว่า...คือทุกข์ทนวนว่าย ให้เราจำต้องมาเวียนชดใช้วิบากกรรมกันอย่างมิจบสิ้น ให้ถวิลวงในวังวนแห่งรักนี้ ที่มักจบด้วยทุกข์เฝ้าแฝง... ให้ใจพบแรงร้อนเร่ารุมรัดรึงตรีงร่างแบบมิพ้นพันธนา ในที่สุด.. แล้ว......!!!!! ทุก เรื่องราวและทุกข์เรื่องรัก ก็มักจะรอเวลาเกิดขึ้น....!!!! หากเรายังจำต้อง*มีใครคนหนึ่ง* รอก้าวเข้ามา*ดั่งชะตากรรม* * ดั่ง*คู่สร้างคู่สมคู่บุญคู่บารมี* ที่เพียรหนีมิพ้น ราวรอท่าให้เราชดใช้วิบากเก่าเราเคยทำนี้ ให้หมดหมดไป ให้หมดจดใจ *ดั่งคำอธิษฐานจิต* ที่ผมเคยนิรมิตเห็นในฝันมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงใครคนหนึ่ง! ที่มักมาปรากฎ ในคะนึงฝันในชุดสีขาวล้วนๆเสมอมา และแล้ว.... ในเส้นทางกรรม ที่คงตามมาย้ำรอย หากชรอยจะเป็นดั่งรอยบุญหนุนนำ ดั่งรอยกรรมรอยเกวียน ดั่งบทเพลง http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html แต่ปางก่อน.. ช....รอ คอย เธอมา แสน นาน ทรมาน วิญญาณ หนักหนา ระ ทม อยู่ใน อุ รา แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว ญ....เธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์ ช.....แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม ญ.....ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน ช.....จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน ญ.....ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ ช-ญ....คง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย ช....แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม ญ....ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน ช....จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน ญ....ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ ช-ญ.... คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย... . ผมจึงต้องมานั่งบรรเลง บทเพลง*สุดท้ายแห่งรักนี้...ที่รอคอยมาแสนนาน* ราวชั่วกาลกัปป์กัลป์ ทั้งๆที่เพียรพยายามหลีกลี้หนีรักให้พ้นเสียที...แล้ว แต่... กับ... ณ..วันนี้ ในยามเช้าหนึ่งนี้ ที่ตะวันก็ยังดวงเดิมเหมือนเดิม หากที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ เธอ...! เธอ..ผู้หญิงเหว่ว้า ที่สารภาพว่ารักทะเลและทุกสรรพสิ่งไม่ว่าดินน้ำลมไฟ รักในทุกธรรม ธรรมชาติพิลาสพิไล ที่ยังแสนให้งามเงียบในดวงใจพบความสงบสุข เธอ.. ที่มาพร้อมกับแสงตะวันจ้า ในยามอุษาวดี ที่แม้นดวงดอกลีลาวดียังมาคลี่รักรอแย้มริมกลางกลีบเกสรใจ ให้บานไสวแสนหอมหวานปานประหนึ่งน้ำผึ้งรวงก็มิปานประมาณนั้น เธอ... ในชุดนักกีฬาสีขาว รองเท้าผ้าใบ ที่กำลังเป็นจุดเล็กๆค่อยๆเคลื่อนเข้ามา จากโค้งหาด...มาวาดวนพิศวาท..ในโค้งใจคลองตาผม ใกล้เข้ามา ....ใกล้เข้ามา...ทุกขณะ และแปลกที่ว่า ในมือเธอ ที่กำลังวิ่งเหยาะๆออกกำลังกายนั้น มีปลาตัวใหญ่ห้อยเชือกร้อยให้หิ้วถนัดมาด้วย เธอ..ชะลอผีเท้าเมื่อเข้าใกล้บังกาโลว์ ที่นาทีนี้ผมนั่งเหนื่อยหอบบนเปลยวน หลังวิ่งออกกำลังมาจากอีกฟากโค้งอ่าว ให้เจ้าสุนัขเพื่อนยากนอนหมอบเคียงกัน และพลัน ที่สุนัขเห่าขรม จนผมต้องลุกขึ้นมาปกป้องผู้บุกรุก เธอ..คลี่ยิ้มรับสายตาผมที่ไล่เลียงไปตามร่างอย่างชั่วแวบ ร่างอรชรที่ดูแสนอ่อนหวาน หากแฝงฝังความแข็งแรงแบบคนชอบเล่นกิฬา ผิวเธอสีน้ำผึ้งคล้ามแดด เผยให้แสนตรึงตา.ตราตรึงน่าคะนึงหา และ ตามมาด้วย คำถามจากเธอในนาทีแรก ที่ราวแหวกห้องใจผมที่ปิดมานาน... ให้บานราวดวงดอกไม้ได้ฝนรอสะพรั่งพรึบ..!!!! *คุณ..พักที่นี่เหรอคะ* คุณคงสบายๆดีแบบชื่อบังกาโลว์นะคะ ว่าพลางเธอคลี่ยิ้มตลกๆ ที่นี่เป็นของน้องสาวฉันเองค่ะ *ขอขอบคุณแทนนะคะ ที่มาพักและทนรับฟังเสียงดังเฮฮายามปาร์ตี้ได้ เพราะ..ว่า ฉันเองยังต้องหนีเลย... แม้น้องจะขยั้นขะยอให้มาพักเสียที่นี่ ก็ตามที...* ว่าแล้วเธอก็หัวเราะขำตัวเอง.. และ นั่นคือน้ำคำดั่งน้ำค้าง...ที่ผมบอกไม่ถูกดอกว่า หากกับคนที่ใช่เลยนั้น มันจะมีอะไรพิเศษบางอย่าง ที่เราสามารถจับต้องประทับจิตประทับใจ...ตั้งแต่นาทีแรก เหมือนไม่เอาพระเจ้าก็จะแจกให้ลองรัก....ประมาณนั้นประมาณนี้ ที่ไม่ต้องสวยไปกว่านั้นหวานไปกว่านี้แบบเพลงคนนี้ที่ใช่เลยใช่เลย ผมคนเฉยๆชาชา กับผู้หญิงมากหน้า ที่เคยมาเวียนว่ายในวงชีวิต หากยากจะพิชิตใจ . ผมจึงตอบถ้อยร้อยรัด ราวพบวิบากรักแบบหนีไม่พ้นแล้วเมื่อย้อนนึก *ครับ...ผมพักที่นี่และดีเสียอีกครับ ที่ได้สัมผัสบรรยากาศทั้งสองด้านทั้งดีร้าย ผมทนได้ครับ หาก เบื่อเสียงดังในบางคืน ผมก็ไปเดินลำพังตามหาดกว้างร้างไร้ใคร ดูดาวเดือนสุกใสดวงโต ที่ผมสงสัยจังว่าทำไมดูแสนใกล้ราวจะเอื้อมมือไขว่.. คว้าได้ อ้าว..!แล้วนั่นปลา... คุณทำท่าราวกลัวมันจะหลุดมือ ไม่ยอมวาง* *วางก่อนสิครับ แล้วคุณได้มาจากไหน อย่าบอกนะครับว่าคุณไปตกมา และ ผมแสนแปลกใจที่เห็นภาพคุณราวผู้หญิงแบกปลาในภาพหนึ่ง ที่ผมแสนประทับใจนานมา หากภาพคุณเพียงหิ้วปลามาแทน* เธอ..หัวเราะเสียงใส ก่อนจะสารภาพว่า มีชาวประมงที่รู้จักยกให้ และ บอกให้เธอนำมาให้แม่ครัวที่นี่ทำให้ ด้วยรักหวังดี ที่อยากให้เธอได้รับประทานปลาสดรสดี ไร้สารเคมีที่เพิ่งขึ้นจากทะเลใหม่ๆ ทั้งๆที่บอกแสนสงสารปลาที่ถูกล่ามามากมาย หากทว่า ที่นี่คือกฎแห่งการอยู่รอดของชาวบ้านชาวประมง และ สำหรับเธอเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ใหญ่นานมาแล้ว จะหนักไปผักปลาและอาหารทางชีวจิต เพราะมิคิดมิอยากเบียดบียนแม้เพื่อนสัตว์ร่วมโลก ผม...ฟังเธอ อย่างซึ้งใจในทัศนะที่ได้ยินเพียงแค่ไม่กี่คำ และนั่นคือ ฉากแรกครับ.. สำหรับบทเริ่มต้นตำนานรักแห่งชีวิตของผม. ส่วน.!!!! ฉากอื่น...จะหวานชื่น หรือ รอให้ลุ้นตื่นเต้นว่าผมกับเธอ จะพากันเดินไปในเส้นทางสายไหน ระหว่าง ทางดายเดียวเสีขาวพราวธรรมะ กับ เส้นทางสายน้ำผึ้งรวง ว่า.. ผมกับนางเอกจะยอมเปล่าเปลืองกายจิตยอมฝืนลิขิตชะตา ยอมพาตนให้ติดตมจมทะเลน้ำตาลน้ำผึ้ง หรือ....จะ ผึ่งผุดพ้นโคลนรักพันธนาแบบบัวบูชา ก็จำต้องปลอ่ย ให้กับ*กาลเวลา*เป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ..ครับ..!!!!! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song413.html กาลเวลา ฉันปล่อย ให้กาล เวลา ตัดสิน ชะตา ปัญหา หัวใจ แม้ จะรักเธอ รักเธอ เท่าใด แต่ หัวใจ ดวงนี้ มีสิ่ง ผูกพัน ขอให้ เป็นเพียง การคอย อย่างน้อย เรายัง เรียนรู้ ใจกัน เพราะว่า หัวใจ ของเรา ผูกพัน วันหนึ่ง วันนั้น ความฝัน อาจ เป็นความจริง เรารู้ การคอย คือการ เจ็บปวด เป็นความ เจ็บปวด รวดร้าว ใจทุกสิ่ง ทุกหยด ของกาล เว-ลา ที่ ปรารถนา และ ความจริง คอยสิ่ง ที่เรา มั่นใจ ฉันปล่อย ให้กาล เวลา ช่วยชี้ ชะตา ไม่รู้ วันใด แม้ จะต้องคอย และคอย ต่อไป นาน สักเพียง ไหน ปล่อยให้ กับกาล เวลา เรารู้ การคอย คือการ เจ็บปวด เป็นความ เจ็บปวด รวดร้าว ใจทุกสิ่ง ทุกหยด ของกาล เว-ลา ที่ ปรารถนา และ ความจริง คอยสิ่ง ที่เรา มั่นใจ ฉันปล่อย ให้กาล เวลา ช่วยชี้ ชะตา ไม่รู้ วันใด แม้ จะต้องคอย และคอย ต่อไป นาน สักเพียง ไหน ปล่อยให้ กับกาล เวลา...
3 สิงหาคม 2548 11:02 น. - comment id 498979
พี่พุดคะ...งานงามเสมอเลยนะคะ พระเอกโรแมนติก กับนางเอกอ่อนหวานแห่งท้องทะเล จะเป็นไงต่อนะคะ ปลื้มใจในเนื้อหาที่บอกถึงการรอคอย แม้รู้ทั้งรู้ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด แต่รับรู้ว่าใจสองยังผูกพัน ไม่มีใครรู้ในนาทีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร นอกจากปล่อยทุกความรู้สึกไว้ในกาลเวลา.... เจอกันตรงนี้ที่หัวใจเรานะคะ คิดถึงพี่พุดคะ
3 สิงหาคม 2548 11:07 น. - comment id 498982
นับวันงานของแม่ยอดหญิงสาวพุดแห่งพงพนา ยิ่งทอแสงกระจ่างจ้าน่าภิรมย์ยิ่งนัก งามจริงๆครับ แก้วประเสริฐ.
3 สิงหาคม 2548 11:48 น. - comment id 499010
จะต้องลองไปนอนบังกะโล บ้าน สบาย ๆ ดูสักที อิอิ
3 สิงหาคม 2548 11:59 น. - comment id 499020
น้องแอ็ปเปิ้ลค่ะ พี่พุดซึ้งใจค่ะ ที่น้องผู้มีหัวใจงามใส มิเคยลาพรากจากงานรักรจนา ของพี่พุดพัดชาเลยค่ะ และมาให้กำลังใจพลังใจ แด่ดวงใจพี่พุดผู้รักรจนาราวชีวิตจิตวิญญาณ ผ่านภพมานานปีค่ะคนดี คืนนี้พี่พุดจะกลับมาตอบยาวๆนะคะ และ คุณแก้วด้วยค่ะ ที่พุดอยากร่ำไห้กับน้ำใจ ไมตรีที่รินหลั่งให้พุดเสมอมาค่ะ ที่พุดเชื่อมั่นศรัทธาว่า *ไม่ว่าคำรักฤาน้ำใจนั้น* จัก พาให้*พบกับคำล้ำค่าค่ะ ที่ว่า*ยิ่งให้ยิ่งได้ค่ะ* ดั่ง ดวงใจแก้วแววหฤทัย ที่แสนสวยใสแสนดี ที่พลีให้แด่ทุกดวงใจมิ่งมิตรน้องพี่ ค่ะ สำหรับ แม่ดวงดอกพุดไพรได้ประจักษ์ และแสนซึ้งซาบแก่ใจ ในชะตาฟ้าดิน ที่ราวหยิบยื่นเมตตาปรานีให้ ราวสวรรค์รับรู้ทุกเรื่องราว ที่พุดเพียรทำแต่ความดีค่ะ ให้*งามดวงใจใครเล่ารู้นี้* มิท้อมิแรมลาเพียงปาวารณาตัว เพื่อดำรงอยู่อย่างผู้รู้ตนค่ะ และ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า พุดกำลังจะไปบริจาคข้าวสาร ให้บ้านพักคนชราค่ะ รอเพื่อนกำลังจะมารับค่ะ หวังทุกดวงใจในร่มรัก ร่วมอนุโมทนาจิตนะคะ และ พุดขออธิษฐานจิต ให้ทุกชีวิตแห่งเรา ได้พบทางทองทางธรรม มาน้อมนำใจค่ะ..นะคะ ด้วยรักล้นใจแล้วค่ะ
3 สิงหาคม 2548 12:49 น. - comment id 499055
รอคอยเธอมาแสนนาน ถึงแม้จะทรมานเพียงไหน รักนี้ก็ยังคงมีแต่มอบให้ กับเธอนะคนดีที่รอคอย ชื่นชมผลงานของพี่พุดพี่สาวคนสวยจ๊ะ................
3 สิงหาคม 2548 14:56 น. - comment id 499101
อยากขีดเขียนเรื่องราวเป็นตัวอักษรให้ใครสักคน ได้งดงาม และประทับใจได้อย่างพี่พุดจังคะ อยากเห็นรอยยิ้มของใครคนนั้น เวลาที่ได้อ่าน ตัวหนังสือที่ร้อยเรียงมาจากใจเรา เปิ้ลชอบนะคะเวลาอ่านงานเขียนของพี่พุด บางครั้งเหมือนอ่านเรื่องราวบางตอนของตัวเอง เวลาพี่พุดใส่บทเพลงประกอบลงไป ยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นแต่ขณะเดียวกันก็อยากร้องไห้คะ ......ปลายฟ้าแค่หลับตาลงคงพบกัน..... การรอคอยบนเส้นทางที่ห่างไกล แม้รู้..ว่าจะเป็นดังภาพฝัน แต่เราก็ให้ความหมายกับใครคนนั้นเสมอ แต่ไม่ได้ตั้งความหวัง มันเป็นความสุขใจเล็ก ๆ ที่บางครั้งเราก็ไม่อาจอธิบายให้ใครฟังได้ ว่าเพราะอะไร และทำไม.....พี่พุดเป็นกำลังใจให้เปิ้ลด้วยนะคะ เหยียบดินคนละผืน แต่เรายังอยู่ร่วมฟ้า ก้าวย่างไปตามทางคนละสาย แต่ยังคงเป็นโลกใบเดียวกัน กายห่าง แต่ใจใกล้... ไม่เห็นหน้า แต่เรายังอยู่ด้วยกันเสมอ... แม้อนาคตจะมองไม่เห็น แต่ฉันรู้ได้ด้วยหัวใจฉัน ไม่ว่าเส้นทางจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจฉัน...เสมอไป อยากให้ใครคนนั้นได้รับรู้จัง.... ขอบคุณทุกตัวอักษรของพี่พุดที่ทำให้หัวใจยิ้มได้อีกครั้ง
3 สิงหาคม 2548 15:08 น. - comment id 499112
3 สิงหาคม 2548 20:53 น. - comment id 499252
เห็นภาพชายหนุ่มผู้อ่อนโยน... และภาพนางเอกที่ใส สะอาด... เห็นกระท่อมชายทะเล... เห็นชายหาดทรายที่ขาวและทอดไกล... ทำให้ปรายคิดถึงครั้งหนึ่งกับธรรมชาติที่งดงามนั้น เมื่อไม่นานมา... ขอบคุณงานงามของคุณพี่พุด ที่ทำให้ปรายยิ้มให้กับตัวเองด้วยใจเป็นสุข... สวัสดีค่ะ
4 สิงหาคม 2548 09:19 น. - comment id 499468
อ่านแล้วคิดถึงตอนตัวเองได้ไปเที่ยวเกาะช้างกับคุณพ่อจัง เพราะที่นั่นในตอนนั้นไม่มีผู้คนมากนัก ไม่มีบังกะโล อยู่กันแบบชนบทจริง ๆ ธรรมชาติหรือก็สวยงามเหลือหลาย สบายใจ สบายกาย ยามได้ไปนะค่ะ