เทือกเขาสูงละลิ่วเป็นทิวแถว ทอดเป็นแนวเวิ้งว้างในไพรสัณฑ์ เสียงสกุณาขับร้องก้องกังวาน ดังประสานแผ่วพลิ้วไปตามลม ดั่งจะต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือน คอยย้ำเตือนให้คิดน่าพิศวง จากบ้านเกิดแดนไกลใจพะวง ความทรงจำนั้นยังคงอยู่ในใจ ต้องลาแล้วพ่อแก้ว แม่แก้วเอ๋ย ลูกนั้นเลยต้องจากลามิปราศรัย เข้าสู้รั้วการศึกษามหา'ลัย ถิ่นแดนไกลสุดตา สุดอาวรณ์ เหนือสุดแดนสยามงามวิไล ด้วยป่าดงพงไพรแผ่ไพศาล ทั้งภูเขาสูงชันอลังการณ์ ดั่งวิมานล้ำค่าคู้ฟ้าดิน แหล่งอารายธรรมล้านนานมีค่านัก เป็นประจักษ์แก่สายตามิหมดสิ้น ด้วยพระบารมีพระแม้ฟ้าฯปกแผ่นดิน ขจัดสิ้นความภิบัติวินาศภัย ทะเลหมอกบนดอยกำลังจะลอยลับ ยังคงนับนึกถึงวันมิทันหมอง แบกกระเป๋าปาดน้ำตาเฝ้าอาวรณ์ ใจสั่นคลอนหวนคิดสะกิดใจ ตัวคนเดียวกับสองเท้าที่ก้าวเดิน คนหมางเมินดูแคลนแสนสงสัย ช่างดูแปลกน่าขันเสียนี่กระไร แบกหัวใจบอบช้ำแสนสุดทน ยังจำคำที่แม่สอนได้เสมอ ถึงแม้เจออุปสรรคอย่าหวั่นไหว จงพากเพียรเรียนหนังสือฝึกปรือไป เพื่อคว้าใบปริญญามาครอบครอง
26 กรกฎาคม 2548 13:55 น. - comment id 495875
กำลังใจให้มาด้วยว่าห่วง มิใช้ลวงเล่ห์หลอกดอกน้องจ๋า ใช้ความเพียรเรียนรู้สู่ปริญญา ใครรอท่าอยู่ที่ไกล ให้คำนึง ณ แดนภูเทือกเขา เฝ้าคอยเจ้า มวลหมอกเย้าทิวดอย คอยคิดถึง มีแม่พ่อคอยอยู่ อย่างติดตรึง คอยวันซึ่งลูกคืนถิ่นพร้อม ปริญญา..*** มาเป็นเพื่อนนะคะ... อย่าเหงาค่ะ คนดี ... จงก้าวสู่จุดหมายอย่างแน่วแน่... เป็นอีกหนึ่งกำลังใจสู่คุณ... สวัสดีค่ะ
28 กรกฎาคม 2548 09:48 น. - comment id 496650
....แต่งกลอนเก่งจังค่ะ......ขอบคุณมากๆที่เข้ามาอ่าน มาตอบ เพราะว่าเพิ่งสมัครได้ไม่กี่วันเอง ไม่ค่อยรู้จักใครเลย...แล้วจะแวะไปอ่านกลอนที่แต่งบ่อยๆนะคะ...
30 กรกฎาคม 2548 01:14 น. - comment id 497452
แบกกระเป๋าก้าวขึ้นดอยหมอกลอยลับ สกุณาขับเสียงร้องก้องกังวานหวาน ลมแผ่วพลิ้วใจลิ่วลอยคอยอยู่นาน เสียงประสานส่งถึงใจให้บุพการี ภูเขาสูงสุดสยามนามประเทศ เหนือสุดเขตไกลสุดตามารศรี จากไม่ลามิปราศัยไม่ใยดี ตัวลูกนี้สุดอาวรณ์ตอนจากลา ปริญญาอาจสำคัญถ้าหมั่นฝึก อย่าเพียงนึกอยากได้ใบอะไรหนา ใบสำคัญเพียงบอกใบ้ได้ปริญญา สำคัญกว่าคือหนึ่งสมองและสองมือ