จะเคืองขุ่นหมกมุ่นจงครุ่นคิด จะแต่งจิตปิดเปิดไม่เกิดผล จะเปิดรับความสุขก็มืดมน หากใจตน หลงวน จนมัวเมา ตัวกิเลส อาเพท ในเหตุใหญ่ บันดาลให้ ทำได้ ในสิ่งเขลา คอยชักพา ตัณหา มารุมเร้า คอยชำเรา จิตใจ ให้ไหม้เกรียม จงดับร้อน ผ่อนคลาย ในใจบ้าง ปล่อยใจว่าง วางไว้ ไร้ซึ่งเหลี่ยม อย่าปล่อยให้ กิเลส มาคอยเสี้ยม จงตระเตรียม หัวใจ ให้ไกลมัน ให้ความคิด ของเรา เป็นสีขาว ดับความคาว ของกิเลส ให้ลดหลั่น ใช้ธรรมะ ยึดเหนี่ยว ในใจกัน แล้วแบ่งปัน ให้ผู้อื่น ได้ชื่นใจ....
24 ธันวาคม 2544 22:29 น. - comment id 27019
ดีเยี่ยมเลยครับ คะน้า กลอนนี้มีความงามทั้งเชิงฉันทลักษณ์ เนื้อความ และรสคำ
24 ธันวาคม 2544 22:45 น. - comment id 27023
จิตตัง ทันตัง สุขาวหัง จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้ พุทธพจน์
24 ธันวาคม 2544 23:04 น. - comment id 27029
ทุกคนต่าง..รู้แนวทางปฏิบัติ.. บัญญัติไว้ให้ฝูงชนแสวงหา.. น้อยคนจักเริ่มได้..ก่อปัญญา.. ลดละ..เลิก หลีก..ลา..เจ้ากิเลส.. :)
24 ธันวาคม 2544 23:08 น. - comment id 27031
เห็นด้วยกับ วฤกครับ
25 ธันวาคม 2544 01:27 น. - comment id 27047
สาธุ สาธุ สาธุ แต่งได้ประทับใจจัง ซึ้ง ๆๆๆๆ
25 ธันวาคม 2544 02:17 น. - comment id 27051
ขอชมเหมือนกับอาจารย์วฤกค่ะ เป็นเช่นนั้นจริงๆๆค่ะ
25 ธันวาคม 2544 03:26 น. - comment id 27059
เพราะดีจัง... ให้แง่คิดดีด้วยจ้า...
25 ธันวาคม 2544 16:22 น. - comment id 27102
มาชื่นชมจ้า...คะน้า ก็เขียนกลอนแนวนี้ได้ดีนะจ้ะ
25 ธันวาคม 2544 18:27 น. - comment id 27145
เป็นเรื่องจริงของสังคม ที่ต้องได้รับการแก้ไข กลอนเยี่ยมครับ คะน้า