http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html ฟ้าหลังฝน งามผ่อง...ใสแจ่มกระจ่าง..ในยามอรุณรุ่ง ดวงเดินฝ่าหยาดน้ำค้างที่เกาะตามเรียวหญ้า ไปแบ่งเด็ดดวงดอกพุดซ้อนมาสามสี่ดอก แหงนเงยมองฟ้าใสด้วยใจดวงสุขเอิบงาม และ อีกสองสามวัน ดวง..ก็จักพลันโผผินกลับบ้าน ที่มีคนรักมากมายรอดวงอยู่ ผู้ที่รู้จักดวง..ดีมาตั้งแต่เกิด ดวง..คิดถึงดวงใจที่ตะวันออกไกล คิดถึงคนดีที่ครีฟแลนด์แดนดินแห่งความฝัน และ หวังหากเขาเข้ามาอ่านงานดวงด้วยใจยังรักรำลึก ให้เขารับรู้ไว้ด้วยเถิดว่า นาทีนี้ดวงคิดถึงความดีความใสซื่อความมีน้ำใจ ของเขาเหลือเกินแล้ว จนอยากบินไปหา หากดวงมีเวลาอีกไม่นานนี้ ที่ดวงคงหวังจะติดปีกบินไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ไปเกี่ยวเก็บทุกสิ่งแสนดีแสนงาม ท่ามโลกกว้างที่รออยู่ วันนี้... ดวงตั้งใจจะไปไหว้พระที่อยุธยา ไปสวดมนต์ภาวนา ไปเดินดายเดียวหากมิได้เหงาใจเหว่ว้า..อีกต่อไป ทว่าใจดวงดีดวงงามดวงให้ของดวง คงเต็มไปด้วยความอิ่มบุญเอิบงาม ดวง.อยากไปนั่งดูสายน้ำและตะวันลา ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ..เพียงเท่านั้น โลก..ตรงหน้าณ...นาทีปัจจุบัน มีสิ่งแสนดีแสนงามมากมายนัก ที่รอทอดทายทักดวงใจเรา เพียงแค่คลิ๊กดวงใจเรา ให้เลิกยึดมั่นในมายา จากใจ..จากใคร*คนอื่น* ให้ดวงใจเราแสนชื่นสดไสวสวยงาม ราวปลดสร้อยโซ่รักพันธนา ดวง..คิดถึงคนยากไร้ในแผ่นดินนี้ ที่คงมากมายมากมี ที่ยังต้องการความหวังกำลังใจ ที่คงซึ้งใจรู้คุณค่าของการมีน้ำใจปันแบ่ง และ ดวงจักแบ่งปันให้ผู้คนเหล่านั้น ที่คงยินดีปิตินัก..ราวได้ต่อลมหายใจ ดวงจึงมีความสุข ที่คิดดีคิดได้คิดให้คิดที่จะทำ และนี่มิใช่ตำราธรรม หากคือการลงมือทำด้วยความตั้งใจ ฝึกการสละออก ฝึกดวงใจให้เป็นผู้ให้อย่างไร้ร้องขอต่อคนที่ทุกข์ทนยาก ใจดวงจึงเอิบงาม ราวดอกไม้ได้หยาดน้ำค้างกับความเกษมนี้ กับงามดวงใจนี้ ที่ยอมเป็นผู้ปิดทองใต้ฐานพระ และ ดวงเชื่อว่า เมื่อเราเป็นคนดี คงมีดวงตาสวรรค์และฟ้าดินพร้อมเมตตาประทานพร ............ มอบให้ภูตะวันค่ะแรงบันดาลใจจากงานงามเจ็บสะทือนค่ะ *ไม่ควรค่าเพราะฉันมันเลวค่ะ* ลืมฉันเสียเถิดที่รัก ลืมใจภักดิ์รักมั่นมิหวั่นไหว ลืมฉันเถิดคนดีเดินจากไป อย่าสนใจร่างนี้ที่ตรอมตรม เพราะเส้นทางสีขาวที่เธอเลือก สลัดเปลือกอย่าติดตมจมขื่นขม ปลดพันธนาทุกข์มายาฝากระทม ฉันพร้อมก้มหน้าหนีพลีรับกรรม ลืมฉันเถิดคนดีที่เคยรัก แค่รู้จักพักใจอย่ารินร่ำ เดินจากไปในเส้นทางทองสายธารธรรม เลิกหลงฝันเงามายานะคนดี เพราะ.. ลมหายใจในชีวีนี้แสนสั้น ราวหลับฝันพลันตื่นชื่นก็หนี ไม่ว่ารักว่าชังแค่ฝังฝากเพียงชีพนี้ กี่วันปีใครบอกได้คล้ายมินาน เหมือนดอกไม้สยายกลีบรอวันร่วง รอปลิดดวงดอกดับลาลับหวาน ทิ้งสุขโศกโลกเศร้าไว้กับฤดีกาล เป็นตำนานแห่งชีพนี้พลีเพื่อใคร สำหรับฉันเกิดมาเพียงพบพ่าย สวาทวายสอนจิตอย่าคิดไหว คำว่ารักหนักดั่งศิลาแอกดวงใจ ไม่เป็นไรยอมชดใช้ให้กับเธอ ไม่เสียใจไม่เสียขวัญวันเธอพราก ไม่พิลาปรำพันฝันพ้อเพ้อ เงียบและเงียบเยียบเย็นยามไร้เธอ ราวละเมอในม่านหมอกมืดบอดใจ ลืมและลืม อย่าเสียใจในรอยโชค การอยโศกทิ้งรอยเศร้าหนาวแค่ไหน ไม่มีเธอฉันก็ตายทั้งหายใจ ไม่เป็นไรตายก่อนตายได้ใช้กรรม..ได้พบธรรม..! ............ เอนร่างนอนนับดาวกลางทุ่งหญ้า หอมละออดอกไม้ป่าจนหวามไหว พสุธา..ที่ข้ารักเคยพักใจ ยามนี้ไกลอยู่ไหนหนา..ฟ้าตอบที.. ฟ้ากว้างเมินหนีหน้าคนว้าเหว่ อย่าหลงเล่ห์คำลวงให้คิดหนี ฟ้ารู้เห็น..ยอดดวงใจ..ไม่ไยดี เสียเวลาที่เพ้อฝันให้หวั่นใจ... บอกกับฟ้า..อย่าตอกย้ำให้ซ้ำเจ็บ ใจหนาวเหน็บพอแล้วกับหวั่นไหว แค่สร้างพระเอกในฝันไว้ปลอบใจ รู้บ้างไหม?เขียนด้วยใจจบด้วยเศร้า..ให้พระเอกขี่ม้าขาว..พร้อมจากจร! ............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song374.html สั่งฟ้าฝากดิน ยามที่พี่อ้างว้างว่างใจ นวลน้องต้องจากไป ใจพี่นี้ครวญคร่ำ ทิ้งรอยแผลเก่า ให้เราชอกช้ำ ใยรักเจ้าลืมคำ ทำเหมือนไม่ปรานี เรียมหลั่งน้ำตาสะอื้น ยามดึกดื่นค่อนคืน ทนขมขื่นทวี มอง เฝ้ามองฟากฟ้าราตรี ลืมผืนดินลืมพี่ ลืมรักพี่เคยหมาย เธอเปรียบดังชาวฟ้าโสภิณ ใยทิ้งให้ชาวดิน ครวญถวิลร้องไห้ น้ำใจรักเจ้า ช่างเปลี่ยนง่ายดาย ชาวฟ้าช่างโหดร้าย ใยถึงได้ใจดำ เคยฝากน้ำคำพร่ำพรอด ฟ้าเคยกอดกับดิน ลืมรักสิ้นดินช้ำ เคยฝากใจให้ฟ้าดินจำ คำรักเอยเคยพร่ำ ใยฟ้าเจ้าทำลาย ใจไม่เคยจะคิดว่าคุณ ลืมรักอุ่นไอดิน เพียงฝากลิ้นลวงให้ น้ำคำฟ้าสั่ง ฝากดินกินใจ ใยฟ้าไม่จำไว้ ใยหนอช่างแปรผัน ลืมถ้อยรักเคยชื่นบาน ลืมกระทั่งวันคืน เคยชิดชื่นด้วยกัน เราอยากเด็ดดอกฟ้าลาวัลย์ ความรักเราจึงสิ้น ดินนั้นต้องเจียมตัว ลืมถ้อยรักเคยชื่นบาน ลืมกระทั่งวันคืน เคยชิดชื่นด้วยกัน เราอยากเด็ดดอกฟ้าลาวัลย์ ความรักเราจึงสิ้น ดินนั้นต้องเจียมตัว... ............... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html อายฟ้าดิน จะบอกรักใครก็อายฟ้าดิน ความหวังพังสิ้น ทางรัก มืดมน เกิด มา ร่างกายเท่านั้นเป็นคน แต่หัวใจปี้ป่น โดนรักขยี้แหลกราญ จะเอ่ยรักใครให้เอือมระอา เมื่อไร้คุณค่า จนมิ ต้องการ ตราบ จน สิ้นคนมั่นรักยืนนาน ต้องทุกข์ทรมาน ร้าวราน ฤดี ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้ ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี ดวงฤดี มีแต่ ซอกช้ำเรื่อยมา ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา สู้ กลืน เก็บความซอกช้ำอุรา ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้ ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี ดวงฤดี มีแต่ ซอกช้ำเรื่อยมา ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา สู้ กลืน เก็บความซอกช้ำอุรา ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน...
12 กรกฎาคม 2548 08:53 น. - comment id 490732
เอนร่างนอนนับดาวกลางทุ่งหญ้า หอมละออดอกไม้ป่าจนหวามไหว พสุธา..ที่ข้ารักเคยพักใจ ยามนี้ไกลอยู่ไหนหนา..ฟ้าตอบที.. ชอบบทนี้จังค่ะ สวยงาม อ่อนไหว และหวานจัง
12 กรกฎาคม 2548 13:07 น. - comment id 490751
พี่ภูฯ มีคนปลอบแล้ว
12 กรกฎาคม 2548 09:52 น. - comment id 490760
แวะมาบอก พุดไพร ที่คิดถึง คิดถึง มิคลาย แห่งหาย ไม่เด้แล ไม่ได้แต่งกลอน เลย ............. เสาร์นี้ไป กทมนะคะ จะอยู่ แถวๆ พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว และ วัดอรุณ จน บ่ายจ๊ะ ............ คิดถึงหลายค่ะ ดาหลา&ปะการัง 12ก.ค48
12 กรกฎาคม 2548 10:32 น. - comment id 490772
เจ้าภูน้อยทาบร่างกลางไพรพฤกษ์ แหงนฟ้าตรึกมองดาวประกายแสง กลิ่นดอกพุดโชยมาใจอ่อนแรง ล้วนแอบแฝงความหวังครั้งชื่นชม โน้มหทัยใฝ่คว้าดาวมาแนบ หัวใจแปล๊บแสบซ่านผ่านขื่นขม โอ้ที่รักจากไปไกลหมองตรม สร้างระบมนอนเดี่ยวเปลี่ยวกลางวนา สะท้านห้วงล้วงลึกตรึกหวั่นไหว แนบหัวใจฝากไว้ต่อพฤกษา เมื่อไหร่หนอดาวน้อยจะล่วงมา อ้อมแขนข้ามาคอยจากภูตะวันฯ. แก้วประเสริฐ.
12 กรกฎาคม 2548 14:54 น. - comment id 490872
บทกลอนของคุณงดงามจัง..เข้ากันดีกับตอนนี้...การผลิดอกออกผล...ของต้นไม้...ต้นหญ้า...ทำไมทำไมงดงามกว่าทุกวันทำให้อดคิดไปกับบทกลอนด้วยไม่ได้
12 กรกฎาคม 2548 21:19 น. - comment id 490959
เพราะ..ลมหายใจในชีวีนี้แสนสั้น ราวหลับฝันพลันตื่นชื่นก็หนี ไม่ว่ารักว่าชังแค่ฝังฝากเพียงชีพนี้ กี่วันปีใครบอกได้คล้ายมินาน เห็นด้วยสุดๆ ค่ะ ชีวิตนี้สั้นนัก หากรักแล้วสุขใจที่ได้รัก ก็จงรัก และสุขในชีวิตที่แสนสั้นนี้เถอด
13 กรกฎาคม 2548 16:34 น. - comment id 491201
แวะมาทักทายค่ะ ได้อ่านเรื่องคุณดวง ได้อ่านบทกลอน ได้ฟังเพลงเพราะๆด้วยขอบคุณค่ะ