http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song373.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html .............. วสันต์พรายมาหลายวันแล้ว..ในยามเย็น ทำให้ไพล..อดเต้นออกกำลังกาย.. ในลานจันทร์ฝันพลี...ลานกลางแจ้ง... ที่มีมวลแมกไม้รายรอบ ส่งกลิ่นหอมหวานระรินๆมาเป็นระยะๆ แกล้มให้ยิ่งได้อารมณ์แสนน่าถวิลเสน่หา เช่นลีลาวดี.... ที่ไพลมักชอบแหวกกอช่อดอกแล้วพลีจูบ..แทบทุกวัน..! เย็นนี้... ไพลนุ่งกางเกงขาสั้นสีขี้ม้า ตัวเก่งตัวเก่าตัวเดิม ที่เก่าซีดมิรีดยับเพราะชอบใส่ซักๆทุกวัน แล้วผันตัวเองออกมา ..... มาตรแม้นว่า...เริ่มเห็นฝนทำท่าตั้งเค้า ให้หนาวเหน็บในดวงใจดวงน้อยนี้ ที่มักจะอ้อยสร้อย...คอยแอบซึมเศร้า ซึ้งสุขรุกเร้า ให้อารมณ์กับไพลคนนี้.... คนที่..ดวงใจแสนรักความโรแมนติก และหยาดฝนพรำมาแต่ไหนแต่ไร และ ไม่ว่ายามใดแห่งชีวาชีวิต ที่บางคราวแม้นจักได้ยินเสียงฝนพราวราว *ปีศาจวสันต์มาร้องโหยไห้ครางครวญ มาลวงหลอกหลอน ก็ตามทีเถอะนะ..คนดีที่รัก และเคยลองกลับ.. ไปอ่านเรื่องราวมากมายมากมี... ที่เคยรจนาพลีฝากไว้ ยามวสันต์มา..ฟ้าร้องไห้ นับแล้ว...ก็ได้..สักเป็นร้อยเรื่อง..ละกระมังนะกระมังนี่.. กลับมา. ..วันนี้... ที่ยัง...มิดีกว่า ยังกับว่า.. ฤดีระกำ..ชอบย้ำวน..มากับฤดูกาล ไม่เลิกลา ก็นะ วิบากกรรม อาจจะยังชดใช้ไม่หมด ก็งดงามดี หากคิดในทางดีทางบวกแบบนางงามจักรวาล เพราะว่า.. คือการได้สอนเศร้า ให้เข้าใจโลกเข้าใจชีวีชีวิตนี้อย่างถ่องแท้ถี่ถ้วน *ว่าใดใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแเท้* ที่แน่ๆไร้หวานใด..มีแต่ทุกข์เต็มร้อย หากวันใดทุกข์ลดน้อย..สักห้าเปอร์เซนต์ นั่นแหละอาจเรียกว่าสุข *สรุปคือทุกชีวีนี้ *แค่ทุกข์ลดลง..ตามสัจจธรรมจริงแท้ ที่แน่แสนแน่ ยิ่งกว่าแช่แป้ง...ที่ยังมีวันบูดเน่า..เสียอีก หากรู้จักใช้ชีวีตัวเองเรียนรู้เป็นครูตน ก็จักยอมรับดีร้ายได้... อย่างมิหวั่นไหวหวั่นหวาม..ในทุกผัสสะอะไร ไว้นานเลย รู้ทำใจให้ชินชาเฉย วางว่าง สร้างเพียง...คุณงามความดี..พลีเป็นบารมีบุญ ก็พอเพียงก็เพียงพอ...ก็แค่นั้นก็แค่นี้... ก็แค่ตราบชั่วยังมีลมหายใจ..แห่งชีวาชีวิต..! เพราะโลกหล้าเรานี้... เราต้องอยู่กับคน...มากมาย ดีร้าย ปนมากับวิบากกรรมวิบากเก่าวิบากรักเรา..ที่จักตามมา ตราบใด.... ที่เรายังต้องกลับมาเกิด ยังมิใช่ ... มีจิตประเสริฐ *ดั่งแก้วประภัสสรใสวิเศษ*แพรวพรายราวอัญมณี ให้ได้พบความว่างกระจ่างสว่างสงบงาม ได้ละวาง ว่าง ให้ได้ตรงไปถึงยังฝั่งฝันพระนิพพาน ก็ยังจำต้องมาชดใช้ มาพบความเกิด แก่..เจ็บ..ตาย ว่ายวนเวียนวุ่นวาย คล้ายมายามิรู้สิ้นรู้จบทบทับทวีคูณพูนเพิ่ม หากไม่รีบเพียรภาวนาพาตน ฝึกสมาธิ มีปัญญา..ละร่างหนี..วง..วน..กรรม มิให้ย้ำรอยซ้ำรอย .. ไพล..เบื่อตัวเองเหมือนกัน ที่รจนาไปมาๆ.. ก็มัก วนมา หนีไม่พ้น *เรื่องจิตวิญญาณบ้านภายใน* ที่อยากให้มิ่งมิตรน้องพี่มี*งามดวงใจใครได้รู้นี้* ที่น้องๆพี่ๆที่แสนรักไพลแสนห่วงใยปรารถนาดี คงเบื่อมาก และ คงอยากกระซิบบอกพี่ไพล ว่า...ราวแม่ชีรอหนีบวชเข้าไปทุกวันเข้าไปทุกทีแล้ว แต่... คนดีไพลก็อยากกระซิบอีกที และอีกที เช่นเฉกกัน นะคะ ว่า... แล้วยามคนเรานั้น เวลาดวงจิตชีวิตพบความวายวุ่นแล้ว เราจะเอาอะไรมาเป็นทุนรักษาใจ หากไม่. *สะสมบุญ*ใส่บัญชีไว้ในธนาคารใจ* ไฉนเลยเล่าทุกคนดีทุกเจ้ายอดดวงใจ..! ไพล...จึงยังคง..มิหลงทาง ขอเพียรมิท้อมิรอราสมองสองมือ ขอรจนาภาษาโบราณ ๆ ใช้ใจดวงโบราณๆ... ดวงเฉยๆชาๆชินๆ ทั้งทุกข์ๆสุขๆ ที่ยังพอมีเหลือนิดๆน้อยๆ มาค่อยๆคอยบอก คอยฝากหวานหวัง มาให้กำลังใจ ดั่งสายน้ำสวยใส ดั่งโอเอซิส ในทะเลทรายมายา มาปันพลีในโลกฝัน ให้ได้พบสวรรค์หวานได้อ่านภาษาเย็นๆฉ่ำๆ หวังเพียงดั่งหยาดน้ำค้างฤาหยาดฝนพรำ ได้มาลบความเร่าร้อนในดวงชีวี หากน้องพี่ ยังรักพี่ไพล มาอ่านงานไพล ที่มาตรแมันมักจะได้อารมณ์เดียว ไม่แปรไป..มิแปรใจ..มิแปรผัน..ไปตามใคร.. นั่นก็คือ.. อารมณ์ดายเดียว..รักความสงบเงียบงามเรียบง่าย รู้ใช้ชีวิตติดดิน ถวิลไพรพฤกษา รู้รักธรรมะ ดั่งยาวิเศษ ดั่งน้ำอมฤตใส ที่จักนำพามา สยบความว้าวุ่น... วุ่นวายในกมลของผู้คนบนผืนโลกนี้..ที่ประดุจดั่งกังหันชีวิต และ มักมีแต่แมกไม้ใบหญ้า.. ฟ้าดิน อินทร์ พรหม ธรรมชาติ..พิลาสพิไล รักก็รัก...ธรรมดาๆใจ ที่ไม่ได้มีแต่ด้านหวานชื่น หากต้องเจือขมขื่นตรอมตรม สอนให้มิหวังวาดประมาทใจยามลองเล่นกับ*ไฟรัก*ที่จักเผาไหม้ลามเลีย คือ..ให้รู้เท่าทันฝันหวานฝันดี ที่บางครา ต้องตื่นยอมรับความจริงอิงสัจจธรรม กับคำว่า *รักคือทุกข์ * หาใช่สุขนิรันดร์ฝันดีไปตลอดถ้วนทั่วทุกตัวคนก็หาไม่ ให้รู้เตรียมใจ..ไม่ประมาทวาดหวัง และ จงได้อย่าหยุดยั้งรั้งรอที่จะ เข้าไปสู่ร่มพระรัตนตรัย หวังพึ่งใบบุญสร้างจิตให้สวยใส..ดีงามพร้อมพลีไปด้วยกันจะดีกว่า ............. ในวันนี้นาทีนี้ ไพล..จึงมารำพึงรำพันตามฟ้าฝนลมบน หากดวงกมลใคร..ที่รักชอบความสงบงาม ก็คงตามมา อ่านเป็นแฟนพันธุ์แท้ คงมิแย่มาก หากถึงครายามจิตสับสนกับผู้คนบนผืนโลกนี้ ที่ดูดูช่างมีแต่ทุกข์ในอัตตากันมากมาย ไร้แล้งน้ำใจ ไม่เมตตากรุณากันและกัน ไม่ปันพลีความหอมหวาน ดั่งดอกไม้ตระการ ที่จักแย้มบานประดับโลก ลบโศกสุขให้ทุกดวงใจได้กลิ่น ไม่ถวิลเลือกที่รักมักที่ชัง ที่ไพลหวัง...แค่หวัง...ให้พลังรักรจนา เพื่อให้ทุกดวงใจเหว่ว้า สิ้นไร้รัก ได้มาพักพิงใจได้มานอนเอนอิง พิงหมอนขวานในชานเรือนไทยเรือนไพล..*ไทยโบราณ* ที่แสนหวานด้วยดอกน้ำใจ และ ดวงดอกไม้ ที่กำลังค่อยๆสยายผลิกลีบบอบบาง..แย้มเผยอรอรับขวัญ ที่คงสนองเสนอ...ความงาม..ได้ ด้วยความดายเดียว ที่คงพอกันกับเจ้าของเรือน อย่างใจเดียวกัน ใจตรงกัน..มาพลันพร่างหลอมละลาย แล้ว..พากัน สูดดมดวงพวงพะยอม...อันแสนหอมงาม แห่งอะเคื้อเอื้อฝัน อันแสนโอบเอื้ออบอุ่นอ่อนโยนอ่อนหวาน อันคืองามอมตะ อันคือ ลีลาธรรมชาติแห่งชีวิตนักลิขิตฝันจักพึงปันพลี บนถนนบรรณพิภพนี้ ที่เรียกว่า *ถนนสายดอกไม้งาม* แล้ว เจ้าของเรือนไทยนี้ ก็จักร่ายอ่านบทกวีธรรม อันแสนฉ่ำชื่นใจ อันแสนเย็นใสดั่งธาราธรรมระริน ให้ปลอบประโลมพร่างพรม หอมห่มห้วงใจ ให้ลบลืมหนาวใจ ในรักร้อนเร่า ราวโลกนี้มีเพียงเราลำพัง *ราวโลกธรรมโลกทิพย์..*ที่นึกนิรมิต*ได้ด้วยใจดวงงาม มิยากเลย ที่จะ..มิหยิบจับเรื่องขยะมาใส่ ให้ใจต้องหมองหมางระคายระเคือง เปล่าเปลืองเสียเวลา มาพรรณาความงาม มองเห็นความดี มาพลีรักพรักพร้อม มารัดร้อยสอดสร้อยสานฝัน มาถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างผู้มีน้ำใจกระวีกระวาด อย่างฉลาดเลือกโลก เพียรใช้โศกสุขมาเป็นบทเรียนเพียรสอนใจ เพียรให้มิไหวหวั่นประมาทพลาดพลั้ง *ดั่งกัลยาณมิตรธรรม กัลยาณมิตรน้ำหมึก* ที่คงมิดำ หากแดงด้วยสีสันสีแสงด้วยแรงแห่งรักภักดิ์พลี ให้รู้สามัคคีกันฉันท์มิ่งมิตรน้องพี่ ที่มาร่วมชีวีมาพลีจิตวิญญาณ มามีอุดมการณ์ มาพึ่งพิงอิงอิงไหล่เดินเกี่ยวก้อยกันไปด้วยกัน *บนถนนสายฝันสวรรค์หวานนี้* ........ ไพล.. จึงกลับมาจากความคำนึงเนื่องจากคิดถึงความวายวุ่น ณ..บ้านภายนอกแห่งโลกฝันโลกมายา ที่หาใช่จัก... มากระทบถึงบ้านภายใน..ใจดวงงามได้นานฤาก็หาไม่ เพราะอาศัยฝึกจิตมาที่เพียรพาให้รู้ทันเท่า.. แม้นใจดวงร้าวรักโรแมนติก จะชอบเฝ้า..รักชอบ ไปกับทุกบทกวีฝัน กับทุกสวรรค์พลีบรรเจิดเพริศพริ้งพราว ทุกหนาวฝน ทุกราวดวงรวงดวงที่ถูกเรียงร้อย เป็นดั่งสร้อยโซ๋รักอักษรา มากำนัล มาเป็นดั่งสร้อยขวัญสร้อยบุหงาสุมาลีสุมาลัย มาคล้องดวงใจ มาทำให้หวิวไหวหวั่นหวาม แสนงามแสนดี แม้นเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราว ก็แค่ราวฝันฝันฝัน หวาน หวาน หวาน ผ่านมากระทบตากระทบใจ ก็แค่มาผ่านไป ผ่านใจ ไปตามวิบากกรรมวิบากเก่า วิบากรักเราเงาเพรงกรรม ที่เราคงเคยทำเอง...ก่อเอง ..ก็เท่านั้นก็เท่านี้..!!!!! ........... ฉะนั้นจึงเป็นเช่นฉะนี้ ให้ไพลคนดี จำต้องพาร่างรานและใจดวงร้าว หนาวแสนหนาวในดายเดียว มานั่งทอดตาเศร้า ในยามฟ้าพราวฝนพรำ ยามไร้ตะวัน โพล้เพล้ ที่มีบึงงาม มีดอกหางนกยูงยังบานสะพรั่งฝัน แดงโดดเด่นดวงดอกพราว ยังมีสายลมกระทบผืนผิวน้ำบางเบา.. ให้ไหวกระเพื่อมพราวยามมีดวงดอกฝนพร่างลงณ..กลางน้ำ ที่ยังมีเงาลั่นทม ฝากตรอมตรมระทมโศกสะท้อนในผืนน้ำ ยังมีมวลมัจฉาปลาสวายมาว่ายวนรอฮุบเหยื่อ เหลือ..ก็แต่ไม่มีบัวขาวสะพรั่งพราวราว บทเพลงนี้.. ที่ต้องหามาบรรเลงเติมเอง *ลงในบึงฝนบึงฝัน *พลันจินตนาการ..ให้หวานสะพรั่งพรึบ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song373.html บัวขาว เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่ ดอกใบ บุปผชาติ สะอาดตา น้ำใส ไหลกระเซ็น เห็นตัวปลา ว่ายวน ไปมา น่าเอ็นดู หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ... ............ ไพล ...จึงนั่งนิ่งนิ่ง... ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำล้ำลึก ลำพัง ทิ้งตาทอดใจว่างๆให้นานแสนนาน แล้ว.. พลางราวหยาดน้ำตานัยน์เรียวตาซึมซึ้ง จะพากันไหลหลั่งมาเองกับภวังค์สมาธิ ที่ ณ..บัดนี้ ไพลปล่อยให้ *ฝนหนาวเศร้าขวัญ* พลันพร่างผสมผสานกันไป บนแก้มใสกมลเอิบงาม ในท่ามกลางฟ้าครวญ กับนวลกมลนี้ ที่มิมีวันมอดดับด้วยไฟฝันแรงบันดาลใจ ดั่งมีอัญมณีไพรเพชรพร่างสว่างพราว ไม่ว่า...จะกี่ฝนหนาว.....กี่เศร้าสุข.. กับทุกทุกนาทีแห่งชีวิต..นี้... ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ...จะมิหวั่นเลย..!!!!! ******************************** http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html เรา จากกันวันนั้นยังจำ จากกันวันนั้นฝนพรำ พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน เรา จากกันวันนั้นนานมา แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้ ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม ไป จากไป ไปแล้วไปเลย อย่ามาชวนชิดชวนเชย ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์ ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว...
2 มิถุนายน 2548 21:07 น. - comment id 464543
แวะมาชื่นชมงานคุณ พุด ค่ะ ทิกิ
2 มิถุนายน 2548 10:49 น. - comment id 474033
2 มิถุนายน 2548 11:10 น. - comment id 474046
พี่ครับ ผมรักดอกบัว เป็นดอกไม้ประจำใจผมเสมอ บัวขาวเป็นเพลงซึ้งๆล่องลอยในจินตนาการมาตลอด
2 มิถุนายน 2548 11:22 น. - comment id 474049
พี่พุดค่ะ ซาบซึ้งมากค่ะ ระลึกถึงพี่พุดเสมอนะค่ะ ^-^
2 มิถุนายน 2548 12:52 น. - comment id 474072
ยาวมาก แต่..ไม่เสียดายเวลาที่อ่าน ไพเราะ เพราะ น่าอ่าน
2 มิถุนายน 2548 14:53 น. - comment id 474134
พี่พุดที่รัก........... ทำไมพี่พุดถึงมีใจที่คิดตรงกับน้องดาได้ น้องดากำลังเขียนบทกลอนเกี่ยวกับดอกไม้ และผู้ชาย....ซึ่งมีเนื้อหาคลายกับที่พี่พุดเขียนมากๆๆเลยค่ะ......แต่น้องดายังเขียนบทกลอนไม่จบ......พรุ่งนี้จะเอาขึ้นให้พี่พุดอ่านนะค่ะพี่สาวคนดีของน้องดา....... ว่าแต่บทสุดท้าย.....ใช่เพลง ปีศาจวสันต์ หรือเปล่าค่ะคนดี......น้องดารู้จักเพลงนี้ด้วยนะจะบอกให้.....คิกๆๆๆ...... วันนี้ต้องขอตัวไปประชุมก่อนนะค่ะพี่พุด......พรุ่งนี้พบกันจ๊ะ...คนดีของน้องดา..
2 มิถุนายน 2548 14:54 น. - comment id 474137
เข้ามาชื่นชมครับ
2 มิถุนายน 2548 15:48 น. - comment id 474180
แวะมาเยี่ยมครับ... จนแล้วจนรอด ก็อ่านงานพี่ไม่จบซักครั้ง ขอโทษครับ..ผมเมา
2 มิถุนายน 2548 22:40 น. - comment id 474367
กี่หนาวกี่ฝนก็จะทนรอเช่นกันค่ะ รักพี่พุด คิดถึงด้วยนะค่ะ
3 มิถุนายน 2548 11:53 น. - comment id 474501
สายน้ำเอยสายน้ำปรารถนา จากคงคาเนรัญชราสายน้ำใส ทอดธารทองธารธรรมธารน้ำใจ ธารนิพพานไสวสว่างพร่างสู่แดนพุทธภูมิ ธารน้ำรักนิรันดร์ขวัญแห่งหล้า ลบน้ำตาการอยโศกดับเศร้าสูญ สิ้นทุกข์ผองครองเมืองธรรมเพิ่มพูน ก่อนอสูรผีร้ายกลายกลับมา *สายน้ำใจ*ไทยไทคือรอยยิ้ม มิรู้สิ้นฝากไว้กำนัลหล้า เป็นของขวัญพระเบื้องบนประทานมา พร้อมคำว่ารู้รักสามัคคี วัฒนธรรมประเพณีที่งามงด ประเพณีหมดจดจากมือที่กร้านล้า จากสมองของชนชั้นชื่อ*ชาวนา* ภูมิปัญญามากมายกลายเป็นศิลปไทย ทั้งผ้าทอผ้าทิพย์ราวนิรมิตจากแดนสรวง ทั้งหอมห้วงงานมือถักจากใจใส ราวดาวดวงประดับหล้างามฟ้าไทย ด้วยธารใจธารธรรมพระแม่ฟ้า หยาดเป็นสายพรายพรมห่มยากไร้ ให้ดวงใจสิ้นไร้ได้ฝากค่า คืนค่าคนให้สมค่าที่เกิดมา พบสายน้ำปรารถนาก่อนลาไกล ใช้ชีวีเรียบง่ายรายรอบธรรมชาติ มิพิลาสหวังไกลถึงไหนไหน ปาริชาติแดนหิมพานต์งามกลางใจ หากตราบใดชีพนี้มีธรรมครอง มีบ่อบุญการุณย์รักมิรู้สิ้น ณ..กลางจินต์กลางจิตดั่งแดนสรวง บัวบูชาคือคืนค่าความดีสิ้นทั้งปวง ให้ผองชนล้วนพบธารธรรมสุขนี้ที่นิรันดร์ เมขลาล่อแก้วอยู่บนฟ้า รามสูรอ่อนล้าตำนานฝัน อย่าสิ้นหวังตราบยังมีวสันต์พร่างทิวาวัน ราตรีฝันยังมีจันทร์อันอำไพ ถือเป็นโชคได้เกิดมาใต้ฟ้านี้ ฟ้าปรานีดินแดนทองผ่องไสว เจ้าพระยายังล้นท้นถั่งมากน้ำใจ มีพงไพรมีสัตว์ป่ารู้ค่าทัน อย่าหวังไกลทำจิตใสด้วยรู้รักษ์ ชีพสั้นนักแค่ลมหายใจขวัญ หายใจออกแล้วไม่เข้าก็เท่านั้น ทำปัจจุบันรู้คุณค่าทุกนาที แล้วพลังเกษมปิติจะพลันพร่าง พบสว่างกระจ่างบุญงามวิถี พบงามเงียบแสนว่างกลางจิตนี้ อย่ารอวันเดือนปีเพียรทำความดีฝึกสมาธิมีปัญญารู้ค่าคำตายก่อนตายได้นิพพาน..! ............. ด้วยดวงใจใสซื่อ แบบสาวบ้านนาบ้านป่าบ้านไพร รจนาร้อยเรียง จากสายน้ำใจใส.. ที่ระรินใหลจากบึงใจแสนฉ่ำเย็น ถึง สายน้ำในฝัน สายน้ำในปรารถนา. . ได้เท่านี้.. เท่าที่สมองเรียบง่ายมองเห็น ความเป็นไปของดวงชีวา ที่มีธรรม ธรรมชาติ คู่ดวงชีวามาทุกทิวาราตรีกาล มาอย่างยาวนานหลายปลายฝนต้นหนาว เป็นการคิดเองค้นพบเอง และ ด้วยจดจำคำสอนเลอล้ำค่า จากพระอริยสงฆ์เจ้า ในแดนฟ้าสุวรรณภูมิแดนไทยแดนทอง ที่แสนน่าภาคภูมิใจ ที่ถือเป็นโชค ทันได้เกิดมาพบมาเพียร มาคิดดีพูดดีทำดีคบคนดีไปในสถานที่ดี และ ทุกนาที นิยมแต่เรื่องงามใจ เรื่องสอนใจจิตวิญญาณ ที่จักน้อมนำ มาวางพลีมาบรรณาการ..แด่น้องพี่ ที่มิมีวันสิ้นสุด ..*หยุดรักหยุดให้ ได้เลยนะทุกคนดี ที่หวังทุกดวงใจ.. ในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง เสมอเสมือนมิ่งขวัญกัลยาณมิตรธรรมกัลยาณมิตรทอง ที่จะพากันชวนลอยล่องไป *ในสายน้ำที่ปรารถนา* ชวนกันพายพาพาฝึกเพียร ไปสู่ฝั่งฝันพระนิพพานด้วยกัน อย่างมิระย่อมิท้อใจเลยค่ะ ********** เราเกิดมาในชาติหนึ่งๆอย่าปลาอยให้ร่างกายของเราเหมือนเรือไหลล่อง ผู้เป็นเจ้าของต้องเตรียมตัวระมัดระวัง *หางเสือ*เรือไว้ให้ดีดี ผู้ใดเผลอผู้ใดประมาท ผู้นั้นมอบกายของตนให้เรือไหลล่องไปตามกระแสน้ำ ผู้นั้นเรียกว่า โง่น่าเกลียดฉลาดน่าชังเป็นยาพิษ เรือที่เรานั่งไปนั้นหากมันล่มลงในกลางน้ำจระเข้ก็จะไล่กิน กระโดดขึ้นมาบนดิน ฝูงแตนก็ต่อย คนเราเกิดมามีกิเลสเรียกว่า*กิเลสวัฎฎะเป็นเชือกผูกมัดคอ ผู้มีกิเลสต้องทำกรรมเรียกว่า *กรรมวัฎฎะ* ซึ่งก็เป็นเชือกมัดคออีกเส้นหนึ่ง ผู้ใดทำกรรมใดไว้ย่อมจะได้เสวยผลกรรมของการกระทำ เรียกว่า*วิบากกรรม*เป็นเชือกเส้นที่สามมัดคอไว้ในเรือนจำ เราทุกคนต้องสร้างสมอบรมปัญญาซึ่งสามารถทำลาย*เรือนจำให้แตก* ผู้ใดทำลายเรือนจำไม่ได้ ผู้นั้นก็จะเกิดแก่เจ็บตายเวียนว่ายในวัฎฎะนี้เรื่อยไป ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องเตรียมตัวเป็น นักกีฬา ต่อสู้ทำลายเรือนจำให้มันแตก อย่าให้มันขังเราไว้ต่อไป คนเราจะไปสวรรค์ก็ได้ ไปนิพพานก็ได้ ไปสุ่อบายภูมิก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้.. ต้องดำเนินชีวิตในทางที่ดีที่งาม อยากดีก็ต้องทำดี อยากได้ก็ต้องทำเป็น .................. ............ *คำสอนจากหลวงปู่จันทร์ เขมิโย*
3 มิถุนายน 2548 17:00 น. - comment id 474705
^J^ ............ * ที่ใดมีรัก ที่นั่นย่อมมีทุกข์....... ที่ใดไม่มีรัก...ที่นั่นย่อมไม่มีทุกข์.... ที่ใดไม่มีรัก...ที่นั่น.....มีอะไร....?