หยาดน้ำหล่นยามฝนสร่าง หยดหยาดน้ำหลั่งไหลหลังสายฝน ดุจดั่งชนเข้ารวมมากหลากหลาย มีดีชั่วคลุกเคล้าอยู่มากมาย ยากสลายตามลมกระโชกแรง รวีวัณผุดผาดสาดแสงสี งามขจีพฤกษ์ไพรขยายแข่ง มธุรสของคนย่อมเปลี่ยนแปลง มันแอบแฝงดุจฝนหลั่งบนดิน อันคารมคมคายนั้นหลายเหลือ มักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปเสียสิ้น ทั้งอ่อนหวานเล้าโลมสู่ห้วงจินต์ สร้างชีวินดุจพฤกษาครารับสุรีย์ มวลความรักหักได้จงใฝ่คิด อย่าหลงผิดติดวาจาคราผ่องศรี ฟังหูไว้ไตร่ตรองไม่หมองฤดี แสงสุรีย์ยังตรอมด้วยเมฆบัง หลังฝนหยุดหยดน้ำร้างห่างหาย สิ่งทั้งหลายรวมอยู่ดุจคูขัง ทั้งดีงามทรามชั่วไม่จีรัง ย่อมพลาดพลั้งไปสู่ทุกหนทาง จงหมั่นสร้างชีวิตคิดใฝ่หวน เฝ้าตรึกทวนคำนึงจึงสะสาง ให้รู้เขารู้เราเป็นกรอบวาง ย่อมไม่ร้างห่างหายไร้แนวเดิน ฝนเอ๋ยฝนเพียงหยาดละอองฝน แต่จิตคนวนไปคล้ายนกเหิน ฝ่าคลื่นลมเมฆหมอกสู้เผชิญ ยากล่วงเกินม่านฟ้าเกินกว่าตัว เปรียบชีวิตคนเราคล้ายสายฝน ยามล่วงหล่นจากฟ้าคนว่าชั่ว เมื่อล่องลอยบนนภาพาหมองมัว ช่างเกลือกกลั้วมั่วเมาไม่เข้าใจ. ๙๙๙ แก้วประเสริฐ ๙๙๙
30 พฤษภาคม 2548 21:52 น. - comment id 472994
ยามฝนหลั่งพรั่งพรู่เมื่อครู่นี้ ร้าวฤดีมีความหลังชังไม่หาย เขาหายลับกับคืนฝนหล่นทลาย และสุดท้ายน้ำตาเหลือเจือฝนพรำ..*** คุณแก้วบรรยายเก่งจังเลย ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
30 พฤษภาคม 2548 22:17 น. - comment id 473009
อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง ร้องเพลงอีกแระ อิอิ ชอบร้องเพลงฮะ เข้ากันดีเลยมาร้องไว้ อิอิ
30 พฤษภาคม 2548 23:46 น. - comment id 473046
ดีแท้สะท้อน ให้เห็นชัดเลย คืนนี้ฝนตกลง มาจริง ๆ ด้วย ห่าใหญ่เลย เวียนเทียนกัน ได้ผ่านไปด้วยดี \"วันอัฐมีบูชา\" กลอนดีมีคุณภาจริง ๆ ครับผม
31 พฤษภาคม 2548 08:58 น. - comment id 473128
ท่านแก้ว..นั่นแน่นั่งทำมิวสิคอีกแล้ว..น่าจะเขียนกลอนประกอบชื่อ..สุดโค้งขอบฟ้านะท่าน..อิอิ... **บินมาแซวครับผม...
31 พฤษภาคม 2548 10:46 น. - comment id 473178
แวะเข้ามาอ่านบทกลอนค่ะ ...^___________________^...
31 พฤษภาคม 2548 12:01 น. - comment id 473221
คุณ กอกก ขอบคุณมากครับ ยังหรอกครับผมทำไปเพื่อความสบายใจหาหวังสิ่งใดไม่ งานนี้ผมยังตราตรึงไม่ลืมเลือนเลยครับ ขอบคุณครับแก้วประเสริฐ.
31 พฤษภาคม 2548 12:05 น. - comment id 473222
คุณ ดาวอังคาร ปกติแล้วผมเป็นคนหนึ่งชอบร้องเพลงมาก แต่เพลงรุ่นผมเป็นเพลงเก่าๆ ส่วนของหน๊องนั้นเป็นของรุ่นใหม่ผมฟังได้แต่ไม่ถนัดครับ ใช่ชีวิตคนเราหากทำใจให้เบิกบานย่อมสลายทุกข์และยังได้แง่คิดอีกมากมาย ขอบใจมากนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
31 พฤษภาคม 2548 12:07 น. - comment id 473224
คุณ ภูวดินทร์ ครับยามฝนตกนี้เราไปไหนๆไม่ได้ ชีวิตย่อมอยู่กับที่แต่ว่าจิตใจเราซิย่อมออกนอกไปจึงได้เกิดเรื่องเขียนอีกมากมายครับ ขอบคุณนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 พฤษภาคม 2548 12:08 น. - comment id 473225
คุณ บินเดี่ยวหมื่นลี้ สหายรักชีวิตคนเราก็เพียงเท่านี้แหละ อ้อ เมื่อคุณบอกมาผมเลยเอามาแต่งอำลาระยองเสียเลยอิอิ ขอบใจเพื่อนมากนะแก้วประเสริฐ.
31 พฤษภาคม 2548 12:12 น. - comment id 473228
คุณ vaproud ขอบคุณครับที่มาเยือนผมเสมอ หากผมผิดพลาดไปอภัยด้วยนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 พฤษภาคม 2548 12:49 น. - comment id 473269
หากมองภาพภายนอกบอกรู้จัก แล้วทายทักทุกแง่ว่าแท้ถูก เพราะคาดความตามคิดที่จิตปลูก แล้วพ่วงผูกพันมาเป็นอาจิณ ยามแสงสาดส่องสว่างไม่หมางมัว หมดสลัวเลือนลางกระจ่างสิ้น ย่อมรู้เองเห็นเองฟังเองยิน เหมือนดูถิ่นที่ทางทุกอย่างไป แต่แลแลลอดช่องมองไม่หมด หลงกำหนดกฎเกณฑ์ว่าเห็นใหญ่ ก็เหมือนอย่างนั่งนึกแล้วตรึกไป คิดว่าใช่เช่นนี้ทีมีจริง แล้วเลยลืมรับรู้ที่ดูนั้น มีขว้างกั้นกำบังแค่บางสิ่ง เมื่อจับคั้นมั่นเค้นว่าเห็นจริง ก็ย่อมยิ่งยึดติดความคิดตัว ย่อมพูดทำทุกเรื่องที่เนื่องด้วย ตามจิตช่วยชักพาประดาทั่ว หากเมื่อใดได้เห็นที่เร้นมัว หายสลัวแล้วลับคงกลับลำ
31 พฤษภาคม 2548 15:48 น. - comment id 473310
คุณ ชนแก้ว เพื่อนรัก อันรูปกายภายนอกมองไม่เห็น ใช่ประเด็นสำคัญนั้นอย่าหมาย หากใจจิตคิดประดับประทับกาย สิ่งทั้งหลายมองเห็นดุจเช่นเงา จะลอดช่องมองไปนั้นหาไม่ สิ่งมุ่งหมายอยู่ที่ใจใช่เราเขา เลือนแลลับนับอยู่คู่กับเรา จะลืมเอาเนาว์เรื่องมิเขื่องโต กาลเวลาพาคนหลงวนยิ่ง ในทุกสิ่งยามรักมักทำโข กระเซาะกระแซะแนะแหน่แม้คุยโว สุดจะโอ้อวดอ้างสร้างมายา ล้วนคำนึงถึงผลตามกลสร้าง เข้าแทรกกลางพิลึกสุดกังขา เดี๋ยวว่าลืมไม่ลืมทำเย็นชา นี่แหละหนามวลหมู่สู้ตอแย กลมายาพากลด้วยคนชัก จัดห่วงมักหลอกไว้ให้แยแส พอสิ้นเสียงหงายผึ่งหมดดวงแด ยากจะแก้ด้วยช่างไร้น้ำใจคน. แก้วประเสริฐ.