http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6197.html อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์..สายฝน..) .......... ลำเนาไพร กำลังจะไปเยี่ยมเพื่อนรักคนดีที่สุรินทร์ และ กำลังใช้เส้นทางอิสานใต้สาย226 เลาะเลียบเส้นทางรวงข้าวรวงทอง ที่กำลังแตกยอดละอออ่อนผ่องละมุน ไหวกอรอรับสายฝนพรมพรำ ทั้งนาดอน และ นาในระบบชลประทาน ลำเนาไพร อยากจะร้องไห้ตลอดทาง กับเส้นทางสายงามนี้ ที่คิดถึงมิ่งมิตรกวีคนดี ที่เคยรจนาไว้นานมา ให้มาหวานหอมออดอ้อนสะออน อ่อนโยนละมุนละไมในหัวใจเป็นยิ่งนักแล้ว เส้นทางสู่ชนบท.... ลำน้ำน่าน เมื่อลมล่องข้าวเบาเงาเมฆเคลื่อน ท่ามกลางเดือนฝนฟ้าจะลาล่อง ริ้วรวงข้าวแตกดอกออกรวงรอง มีเพียงฉันเที่ยวท่องล่องเรื่อยมา จากถนนเมืองเก่าเงาโอฬาร มีเพียงบ้านทอดนิ่งชินหนักหนา ข้างนอกรุ่งในบ้านร้างทางน้ำตา มองขอบฟ้าแคบนิดขังปิดไว้ เงาตะวันเคลื่อนคล้อนสะท้อนดวง เมื่อฝนร่วงหล่นนานวิญญาณไหว บ้านหลังเก่าทอดเผยเปรยรำไร ติดปีกฝันวิญญาณไพรให้กระเซ็น สู่เส้นทางรายล้อมด้วยกองฟาง ถูกปล่อยร้างสีหม่นจนเลือนเห็น เถาย่านางยอดสล้างกลางลำเค็ญ ไม่เคยเว้นแตกช่อกอชีวิต คือเส้นทางสายนั่นฉันเคยผ่าน ทุกวันวานภาพเก่าเงาตามติด ถือปิ่นโตตามแม่สูงแค่นิด ดอกข้าวติดแตะแก้มแย้มทายทัก ฉันเปียกโชกแล้วแม่แท้ไม่ทัน แม่ยิ้มหันหัวเราะเพราะข้าวหนัก หยุดเดินทางให้ฉันนั้นผ่อนพัก หยิบปิ่นโตแห่งรักไปถือแทน แม่บอกฉันนั่นคือลูกชาวนา เกิดใต้ฟ้านาดินถิ่นหวงแหงน ในความจนรากเหง้าเราขาดแคลน แต่ดวงใจฉาบแน่นแผ่นทองทัน รายริมทางพร่างพราวด้วยข้าวรวง ฝนจากสรวงปราดหนึ่งตรงบึงนั่น แม่บอกกล่าวฝนฤดูผู้กำนัล โปรยฝนฝันไล่ล่องท้องข้าวเบา หยาดน้ำค้างแต้มดอกหมอกตรงโน้น เสียงตะโพนแว่วฟังดังหงอยเหงา พระสงฆ์เดินฝ่าน้ำค้างย่างแผ่วเบา ทุกยามเช้าบิณบาตรตามยาตรา แม่และฉันสวนทางกลางครรลอง พระท่านมองเงียบนิ่งยิ่งค้นหา แม่บรรจงตักข้าวเคล้าแกงปลา อธิษฐานต่อหน้าพระพุทธพงศ์ ให้ลูกชายชาวนาทายาทหนึ่ง ได้พบซึ้งรสธรรมนำสู่หงษ์ ถางเส้นทางร้างไร้ในกลางดง สืบเกวียนกงบรรทุกข้าวชาวนาไป ไปหว่านหวังกลางทางทุกย่างก้าว ให้ข้าวขาวแตกดอกงอกไสว ในสามัญสำนึกตรึกตรองใจ สืบสกลคงไว้ความสามัญ แม่วางข้าวช้าลงตรงบาตรพระ ทุกผัสสะเงียบนิ่งคล้ายปริ่มฝัน เรื่อลำแสงสะท้อนงามตามตะวัน เส้นทางฝันสายรวงข้าว...ฉันเข้าใจ ------------------------ ข้าพเจ้าชอบที่จะเดินไปบนเส้นทางสายรวงข้าว ที่ที่มีผืนนาเขียวขจี มีลมล่องข้าวเบาพัดแผ่ว ในยามเช้าที่เคยเดินถือปิ่นโตไปใส่บาตรตามหลังแม่ ข้าพเจ้าตัวเล็กนิดเดียว น้ำค้างตามเรียวรวงข้าวพรมพรำจนเปียกโชก ดอกข้าวติดเรียวแก้ม ...แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกสนุกและสดชื่น ในชีวิตที่เป็นธรรมดาเรียบง่ายและในความเป็นสามัญ มีความสุขซ่อนงาม เพียงเราเปิดใจรับ และโน้มใจสู่ความเป็นสามัญ มองเห็นใจผู้คนที่เดินร่วมทาง มองเห็นความสามัญคือความสุขที่หมุนโลก วันนี้ฝนปราดมาชั่ววูบในตอนเช้า ข้าพเจ้านึกถึงฝนไล่ท้องข้าว ต้นไม้กระถางเล็ก ข้าพเจ้าได้ย้ายไปเพาะในกระถางใหญ่ ซึ่งหากมีผืนแผ่นดิน จักเอาไปปลูกไว้ในผืนแผ่นดินใหญ่ ให้ต้นไม้ที่เพียรเพาะได้ซึมซับพลังแห่งผืนแผ่นดิน ทำได้แค่ย้ายกระถางให้มันใหญ่ขึ้น .. ใจหนึ่งกลับหวนคิดถึงเส้นทางสู่ชนบทกับถนนสายรวงข้าว กับผืนแผ่นดินที่มองไปไกลสุดลูกตา เต็มไปด้วยท้องทุ่งที่เคยวิ่งเล่น ที่วันวานยังตราตรึงในหัวใจไม่เคยจางคลาย ********* ลำนำข้าว ..พุดพัดชา ลมพาฝนหล่นพราวราวรวงเพชร ดั่งหยาดเพชรรวงผลิรอละออฝน ริ้วรวงหอมหอมพร่างใจผู้ทกข์ทน หยาดเหงื่อปนหยาดน้ำตาฟ้าเห็นใจ.. เส้นทางเก่าไร้รอยรับคอนกรีต ราวคมมีดกรีดใจจนหวั่นไหว ไม่เหลือรอยงามทุ่งรุ่งกลางใจ มองฟ้าไกลไยหมองเศร้าเคล้าน้ำตา.. ตะวันเดิมเริ่มรับอรุณรุ่ง คนมัวยุ่งจนลืมล่วงคอยห่วงหา ไม่เคยเลยเงยแหงนดูจันทรา ใจเหว่ว้าวิญญาณไพรในกรุงกรง... เส้นทางหอมรายล้อยด้วยกลิ่นดิน ร้างถวิลสิ้นเสน่หาพาลืมหลง กองฟางน้อยคอยอ้ายเอนกายลง โพล้เพล้ลงก่อไฟรุมสุมคอกควาย... คือความงามเรียบง่ายใช้ชีวีอย่างสงบ พอยามพลบเข้าไต้ไฟมองเดือนหงาย ครวญเพลงขลุ่ยลุยทุ่งบนหลังควาย ฝากใจอ้ายคล้ายรอรวงหวงบูชา... เป็นเส้นทางสายรักที่ถักทอด เงางามยอดชีวีขวัญวันห่วงหา มีแม่พ่อพร้อมหน้าอุ่นอุรา มีเวลาเล่านิทานหวานล้อมวง.. เทพีไพรดวงใจงามนิยามแม่ คือรักแท้ยิ่งใหญ่ใจราวหงส์ หวังจอมขวัญจอมใจสืบเผ่าพงศ์ พบรักตรงคงมั่นขวัญงามใจ.. ด้วยหัวใจลูกชาวนาหน้าใจซื่อ ให้ยึดถือความดีดั่งแก้วใส ถึงจนยากขาดแคลนแสนภูมิใจ ด้วยหัวใจเป็นทองผุดผ่องนัก.. ในเส้นทางทุกย่างก้าวพราวหยาดเหงื่อ คือเลือดเนื้อแม่พ่อผู้ภูมิภักดิ์ ราวรวงเรียวรอคมเคียวเกี่ยวรวงรัก เฝ้าฟูมฟักผลิช่อคลอคู่ดิน หยาดน้ำค้างหยอกข้างแก้มแต้มเรียวหญ้า ระฆังลาหวานแว่วแผ่วมิสิ้น พระสงฆ์เดินทอดทางธรรมอย่างอาจินต์ มิรู้สิ้นสายธารทองส่องทางใจ.. เทพีไพรใจงามนิยามแห่งยอดหญิง ก้มกราบนิ่งทิ้งโลกเศร้าหนาวเพียงไหน บรรจงวางบัวดอกงามบูชาใจ อธิษฐานใจยิ่งใหญ่เพื่อลูกชาย.. ให้หัวใจทองลูกชาวนางามผ่องผุด รู้จักหยุดจักรักภักดิ์มั่นหมาย พบหญิงดีดั่งหงส์ทองคู่เคียงกาย ตราบวันตายเป็นพลีภักดิ์รักนิรันดร์... หว่านดวงดอกปัญญาสมาธิ หวังเพียรผลิดั่งข้าวหอมในทุ่งฝัน กลางดวงใจดวงดอกเพชรพร่างนิรันดร์ สานความฝันสืบความดีด้วยงามใจ จบขันข้าวทูนเหนือเกล้ายิ้มละม่อม จูบกระหม่อมหอมแก้มเจ้า น้ำค้างใส หวังแสงทองส่องกระจ่างนำทางใจ พาหัวใจดวงทองล่องธารธรรมนำสู่ฝั่งพระนิพพาน.. ******** เส้นทางสายนี้ราวกับย้อนวิถีไปต้นรัตนโกสินทร์ ที่ยังมีคำขวัญว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว ในบึงยังพราวไปด้วยดอกบัว ยังมีแสงตะเกียงสลัวให้ผู้คนแสนอบอุ่นใจ ยังมีความละเมียดละไมในดวงจิต ยังมีชีวิตพึ่งพาพึ่งพิงกัน ยังแบ่งพืชพรรณข้าวปลา ยังมีเวลาสร้างสานงานงามจากสมองสองมือ ที่ยึดถือชีวีเรียบง่ายงามสงบ บ้านเรือนที่เข้าใต้เข้าพลบ ก็ยังไม่ต้องรีบลงกลอนปิดตายคล้ายสมัยนี้ที่ผู้ร้ายชุกชุม ลำเนาไพรนั่งมองดูสายฝนพรำ ที่กำลังพร่างพื้นพรมนาแล้วพลางก็คิดถึงบทเพลงนี้... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ สวยงามสดใส จริงเอย ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ... ............. หยาดน้ำตานางฟ้า ที่ณ..นาทีนี้ กำลังขังท่วมท้องนาให้ข้าวกล้าเติบงาม และ บ้างก็ขังไว้ให้ท่วมขังในแปลงนาตามธรรมชาติ เพื่อซังข้าวเน่าเปื่อย กลายเป็นปุ๋ยให้กับต้นข้าวหลังพลิกฟื้นผืนดิน และ..ยามนี้ ทั้งนาข้าวก็ได้ยินเสียงกบเขียดร้องระงม ผสานผสมเสียงสายฝนพรมพรำ ในยามย่ำรุ่งให้ฟังแสนเสนาะพริ้งพราว และ ไหนสายฝนยังจะทำให้หญ้าอ่อนแทงยอดงาม เป็นอาหารอันวิเศษอุดมให้วัวควายได้อิ่ม ได้มีพลังมาหว่านไถเคียงข้างกับชีวิตชาวนาคนยาก ที่ฝากหน้าไว้กับดิน ฝากความหวังทั้งสิ้นทั้งปวง ไว้กับน้ำจากฟ้าจากลำคลองชลประทาน ฝากหยาดเหงื่อ แรงงานหลังสู้ฟ้าไว้ตั้งแต่ยามอุษาแรก ฝากกระดูกแบกแอกไถไว้กับทรัพย์ในดิน ฝากความดีพลีหยาดเลือดมิรู้สิ้นผ่านรวงเรียวดั่งรวงทอง ให้มาครองร่าง มาสร้างงาม มาหลอมเคล้าทุกดวงจิตวิญญาณ ให้รู้ค่าข้าวทุกเคี้ยวคำ ให้รู้ค่าความงามล้ำในวิถีแห่งภูมิปัญญาไทย ในด้านการเกษตรที่แสนวิเศษเลิศล้ำ เลี้ยงท้องมนุษย์ทั้งโลกหล้าให้อิ่มหนำมิอดตายได้ดำรง... และวันนี้ลำเนาไพร ยิ่งอยากร้องไห้...ด้วยปิติตื้นตัน เมื่อได้ข่าวว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์และตัวแทนสมาคมสินเชื่อ การเกษตรและชนบทภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก จะทูลเกล้าถวาย รวงข้าวทองคำแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองราชย์ครบ 60ปี โดยรวงข้าวทองคำดังกล่าวจะมี79เมล็ดเพื่อ ร่วมฉลองที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา79พรรษาในปีหน้า เพราะที่ผ่านมาพระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกาย ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเป็นจำนวนมาก ........ และนี่คือหยาดน้ำพระทัย ที่ใสรินดั่งหยาดน้ำฟ้าจากน้ำพระเมตตาบารมี ที่ทรงเข้าถึงวีถีแห่งชีวิตแห่งภูมิปัญญาไทย ที่เคยตรัสไว้ ให้เราทุกคนไทบ ใช้ชีวีอย่างรู้รักสามัคคี มีความสมถะพอเพียงเพียงพอ.. ....... และ นี่คือสิ่งที่ ลำเนาไพรคิดว่า เราทุกดวงใจ...ควรจะน้อมนำมาพึงประพฤติปฎิบัติ เพื่อสร้างสรร สร้างฝันกำลังใจ มิให้หนีไกลไปจากเส้นทางธรรม ธรรมชาติ เส้นทาง *รวงข้าวทองคำ* เส้นทางทองงามสุกปลั่ง..รอผู้กล้าก้าวเดิน ประดุจดั่งเส้นทางอันงามนิรันดร์สุขนิรันดร์.. หากใครเพียรดั้นด้นฝ่าฟันความยากลำบาก พลันจะพาไปถึง..แม้นจักแสนไกล..จงอย่าท้อเลย...! ............ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6197.html สายฝน เพลงพระราชนิพนธ์ เมื่อลมฝน บนฟ้ามาลิ่ว ต้นไม้พลิ้ว ลู่กิ่งใบ เหมือนจะเอน รากคลอนถอนไป แต่เหล่าไม้ ยิ่งกลับงาม พระพรหมท่าน บันดาลให้ฝนหลั่ง เพื่อประทัง ชีวิตมิทราม น้ำทิพย์สาด เป็นสาย พรายพลิ้วทิวงาม ทั่วเขตคาม ชื่นธารา สาดเป็นสาย พรายพลิ้วทิวทุ่ง แดดทอรุ้ง อร่ามตา รุ้งเลื่อมลาย พร่างพรายนภา ยาม เมื่อฝนมาแต่ไกล พระพรหมช่วย อำนวยให้ชื่นฉ่ำ เพื่อจะนำ ดับความร้อนใจ น้ำฝนหลั่ง ลงมาจากฟ้าแดนไกล พืชพันธุ์ไม้ ชื่นยืนยง...
22 พฤษภาคม 2548 16:32 น. - comment id 470052
ทุกถ้อยคำ..ที่เรียงร้อย..เน้นย้ำเจตนา..และคุณค่าแห่ง..มาตุภูมิ.... พี่พุด..ถ่ายทอดได้เยี่ยมมากค่ะ.. ยังคงคิดถึง..สาวงาม..นามพุดพัดชา..นะคะ
22 พฤษภาคม 2548 16:46 น. - comment id 470056
คิดถึงบ้านไหมพี่?
22 พฤษภาคม 2548 17:57 น. - comment id 470077
งดงาม..และอ่อนโยน.. ในความรู้สึก..ของเรนมากเลยนะคะ .. บทกวี ของพี่นิว .. ก็ไพเราะ .. สื่อถึงบ้านนอก .. ที่เรนอยากจะเห็นด้วยดิคะ .... ครั้งหนึ่ง .. เกือบไม่นาน .. ที่เรา .. เที่ยวบนดอยสูง .. มามี้ .. อารมณ์ดี๊ดี .. และเรนก็มี ..พ่อไปด้วย.. ผีเสื้อ.. ตัวใหญ่ ..เค้างงงวย.. เรนหายป่วย .. ในทันที .. เรน.. เคยเห็นต้นข้าว.. ใบยาว.. สีเขียว..สวยดี.. เรนอยากมี .. แบบนั้นจัง .. เรน .. ขออนุญาต .. แจมพี่พุดพัดชา ..นะคะ .. ..
23 พฤษภาคม 2548 23:17 น. - comment id 470282
นี่ละคับ เขาเรียกว่าบรรยากาศแห่งท้องทุ่ง สิ่งนี้ล่ะคับ ที่ทำให้เด็กชาวกรุงพากันอิจฉา เด็กแถบขนบทอย่างพวกเราๆ เพราะเขาไม่รู้หรอกว่า การได้อยู่ใช้ชีวิตร่วมกันกับธรรมชาติ มันมีความสุขมากขนาดไหน ถ้าใครอยากสัมพัสชีวิตชาวทุ่งแบบนี้ ยินดีเป็นไกด์นำเที่ยวทุ่งนาที่บ้านน่ะคับ ไม่คิดตังค์ แวะมาชื่นชมความอลังการในผลงานกลอนคับ