แผ่นดินของเรา!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
(แผ่นดินของเรา)
.................
ตลับเพชร.....
ตัดสินใจมาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ..
และ...
ที่นี่..ที่..วัดสลักหรือวัดมหาธาตุ
ในยามตะวันชิงพลบ...


เธอคนดี
กำลังนั่งทอดตาเหว่ว้า
ใต้ลีลาวดีใบเขียวไพลดอกพราวใกล้ๆลานโล่งกว้าง
และ..
นัยน์เรียวตาอันแสนอ้างว้าง...
ราวเพิ่งผ่านพ้นเรื่องรานโศกสะเทือนใจมา..มิช้านาน
ราวกับมีหยาดเพชรละออคลอซึมค้าง
ดั่งหยาดน้ำค้างใสพร่างรอร่วงพรู


เธอ....
ตัดสินใจ มาที่นี่ มาตามหารอย..*วีรบุรุษในดวงใจ*
และ..คงเป็นของคนไทยทั้งชาติ..หากมิพลาดอ่าน


หนังสือนวนิยายแสนดีอิงประวัติศาสตร์
ชื่อว่า*รัตนโกสินทร์ กำเนิดกรุงเทพ
โดยคุณปองพล  อดิเรกสาร 
ให้จบลง.........


และ...
นาทีนี้เธอ..
อยากแนะนำให้ทุกดวงใจ
* กระวีกระวาด**นักอยากจะเขียน*ในร่มรัก
ได้ซื้อหามาอ่านผ่านตา
 เพราะจะมีคุณค่าทางด้านจิตวิญาณบ้านภายใน


ให้เราทุกดวงใจ
ได้รำลึกรู้ถึงความยิ่งใหญ่
ในความเสียสละของบรรพบุรุษไทย...บรรพชนของเรา
ผู้พลีเลือดทุกหยดรินรดลงหลั่งชะโลมหล้า
เพื่อปกบ้านป้องเมืองไว้ให้เราลูกหลานไทย


ได้มีแผ่นดินไท มิใช่ทาส ..
ได้หยัดยืนอย่างองอาจภาคภูมิในแผ่นดินทองของเรา
ให้รู้กตเวทิคุณและภูมิใจในสายเลือดนักรบไทย ผู้ทรนงและหาญกล้า
 สอนให้เรารู้ซึ้ง...ถึงค่าคำว่ากตัญญูรู้คุณต่อผืนแผ่นดิน

และ...
รู้จักจดจำมิสร้างประวัติศาสตร์ชาติให้ชอกช้ำย้ำรอยเดิม
ให้รู้จำคำว่าสงครามนั้น..
หากตราบใดที่กระโจนลงมาในสนามภูมิรบกัน
ก็จะมีทั้งวันพ่ายแพ้แลชนะ
ใครพลาดท่าก็จะตกเป็นฝ่ายย่อยยับอัปราชัย..!!
ให้เกิดความโศกเศร้าสะเทือนใจ..ที่สุดแสนเทวษถวิล..!!!
อย่างในยามที่เราสิ้นกรุงศรีอยุธยา ..!


ในคืนที่ฟ้าไทในกรุงศรีอยุธยาแดงโชติช่วงฉายฉาน
ปานประหนึ่งอาบท่วมไปด้วยเลือด เลือด..และเลือด..!!!!!
มีเพียงม่านควันไฟลุกโพลงโหมไหม้
ทำลายบ้านเรือนวัดวาอาราม
ที่แสนมลังเมลืองอลังการปานทิพยวิมานสวรรค์สรวงมาเยือนหล้า...อย่างย่อยยับ..!!!!!
เหลือ...เพียงทรากปรักหักพังในชั่วพริบตา.....!!!!


ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
อันโหยหวน เสียงอาวุธ กระทบกัน ทั้ง  หอก ดาบ ปีนคาบศิลา
และ..
ที่ตามมา...คือ...กลิ่นคาวเลือด...และซากศพนับหมื่นพัน
ทั้งไทยพม่าที่ฟาดฟันกันอย่างไร้ปรานี..ปล่อยให้ชีวีหลุดลอยปลิดปลิว
ตายไปในสมรภูมิรบ..ราวใบไม้ร่วง
ถมซ้อนทับกัน..จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร..!!!!! 

ไหนจะเสียงร้องระงม...ตามหากันจ้าละหวั่น
เพื่อให้หนีภยันตรายอันหมายถึงชีวิตให้พ้นผองภัย
ทั้งเด็กผู้หญิงที่จักถูกเข่นฆ่าอย่างไร้ความปรานี 
อย่างที่มิสามารถจะปกป้องตนเองได้
ความโหดร้ายเหี้ยมเกรียม  ทารุณในสนามรบ .!
ไฟที่กำลังคุโพลง..!สว่างจ้า  ราวกลางวัน
 หากทว่าในดวงใจไททุกดวงราววัน*แห่งอาทิตย์อับแสง..!!! *
แฝงด้วยความโศกาอาดูรพูนเทวษ 
จนน้ำตาก็ไร้ค่ามิพอที่จะหลั่งรินสังเวย..ทั่วทั้งปฐพี!!!!


มีเพียงใจดวงหนาวร้าวระกำช้ำลึกอย่างยากที่จะเยียวยา..!!!!
ราวกับสิ้นทั้งโลกหล้า 
ฟ้า แล ดิน..สิ้นอินทร์พรหม ยมพญา
พลอยพากันวิปโยคโศกสะเทือน...โหยไห้..ร่ำหา..ครางครวญ
อวลกลบกลืนไปทั้งผืนฟ้า........อยุธยาธานี 
ที่ ณ..บัดนี้..ร้างไร้...
คล้ายเหลือเพียงจิตวิญญาณ
ที่ลอยล่อง อย่าง...เจ็บช้ำ เจ็บแปลบ แสบแสน ในโศกนาฎกรรมนี้
ที่มิอาจพลี จิตร่างรักษาเมืองไว้ให้ลูกหลานได้.....!!!!!
....................
..............................


ตลับเพชร ....
ราวได้ยินเสียงบทรำพันอันอาดูรสูญสิ้นแล้ว..... จากนิราศนรินทร์
ที่รำพึงถวิลถึงอดีตอันแสนงามตราตรึง..
ในคะนึงใน ลอยแว่วแผ่วโหยเศร้า...เคล้าสายหนาวลมหลังฝนมาณ..นาทีนี้
.............


ศรีสิทธิ์พิศาลภพ เลอหล้าลบล่มสวรรค์ จรรโลงโลกกว่ากว้าง เผยแผ่นผ้างเมืองเมรุ ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า แจกแจงจ้าเจิดจันทร์ เพียงพิพรรณผ่องด้าว ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน สายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกออมมาอ่อน ผ่อนแผ่นดินให้ผาย ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว เลี้ยงทแกล้วให้กล้า พระยศไท้เทิดฟ้า เฟื่องฟุ้งทศธรรม ท่านแฮ


อยุธยายศล่มแล้ว                           ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร                  เจิดหล้า 
บุญเพรงพระหากสรรค์                   ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ 
บังอบายเบิกฟ้า                               ฝึกฟื้นใจเมือง
เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น                     พันแสง 
รินรสพระธรรมแสดง                       ค่ำเช้า 
เจดีย์ระดะแซง                                เสียดยอด 
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า                            แก่นหล้าหลากสวรรค์ 
โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น                    ไพหาร 
ธรรมาสน์ศาลาลาน                          พระแผ้ว 
หอไตรระฆังขาน                              ภายค่ำ 
ไขประทีปโคมแก้ว                            ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์ 
เสร็จสารพระยศซ้อง                         สรรเสริญ 
ไป่แจ่มใจจำเริญ                              ร่ำอ้าง 
ตราตรอมตระโมจเหิน                       หวนสวาท 
อกวะหวิวหวั่นร้าง                              รีบร้อนการณรงค์ 
แถลงปางบำราศห้อง                          โหยครวญ 
เสนาะเสน่ห์กำศรวล                          สั่งแก้ว 
โอบองค์ผอูนอวล                                ออกโอษฐ์ อรเอย 
ยามหนึ่งฤาแคล้วแคล้ว                      คลาดคล้ายขวบปี 
รอยบุญเราร่วมพร้อง                          พบกัน 
บาปแบ่งสองทำทัน                              เท่าสร้าง 
เพรงพรากสัตว์จำฝัน                          พลัดคู่ เขาฤา 
บุญร่วมบาปจำร้าง                               นุชร้างเรียมไกล 
จำใจจากแม่เปลื้อง                             ปลิดอก อรเอย 
เยียวว่าแดเดียวยก                            แยกได้ 
สองซีกแล่งทรวงตก                             แตกภาค ออกแม่ 
ภาคพี่ไปหนึ่งไว้                                   แนบเนื้อนวลถนอม 
โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ                             แลโลม โลกเอย 
แม้ว่ามีกิ่งโพยม                                  ยื่นหล้า
แขวนขวัญนุชชูโฉม                            แบกเมฆ ไว้แม่ 
กีดบ่มีกิ่งฟ้า                                         ฝากน้องนางเดียว 
โฉมควรจักฝากฟ้า                               ฤาดิน ดีฤา 
เกรงเทพไท้ธรณินทร์                           ลอบกล้ำ 
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน                             บนเล่า นะแม่ 
ลมจะชายชักช้ำ                                     ชอกเนื้อเรียมสงวน 
 
ฝากอุมาสมรแม่แล้                               ลักษมี เล่านา 
ทรามสวยมภูวจักรี                                เกลือกใกล้  
เรียมคิดจบจนตรี โลกล่วง                     แล้วแม่ 
โฉมฝากใจแม่ได้                                 ยิ่งด้วยใครครอง 
บรรจถรณ์หมอนม่านมุ้ง                       เตียงสมร 
เตียงช่วยเตือนนุชนอน                       แท่นน้อง 
ฉุกโฉมแม่จักจร                                  จากม่าน มาแฮ 
ม่านอย่าเบิกบังห้อง                              หับให้คอยหน 
สงสารเป็นห่วงให้                                 แหนขวัญ แม่ฮา 
ขวัญแม่สมบูรณ์จันทร์                           แจ่มหน้า 
เกศีนีนิลพรร                                       โณภาส 
 งามเงื่อนหางยูงฟ้า                               ฝากเจ้าจงดี 
เรียมจากจักเนิ่นน้อง                           จงเนา นะแม่ 
ศรีสวัสดิ์เทอญเยาว์                              อย่าอ้อน
อำนาจสัตย์สองเรา                                คืนร่วม กันแม่ 
การณรงค์ราชการร้อน                          เร่งแล้วเรียมลา
                         ....................................


ตลับเพชร...ตะลุยอ่านนวนิยายแสนงามนั้น
ที่มีทั้งหมด638หน้า...ภายในไม่กี่ชั่วคืน
และ..ทุกนาทีที่สายตาพาสายใจ
และจิตวิญญาณผ่านเข้าไปราวกับอยู่ในเหตุการณ์นั้น
ดวงใจ..ก็ไหว  ก็หวั่น...ราวขวัญหาย


ยามได้อ่านพบ...
บทที่*บุญมา*(กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท)
หลบหนีภัยออกมากับสามสหาย จากอยุธยา 
ก่อนที่กรุงจะแตก....


ภาพจากการรจนาบรรยายความไห้โหยที่แสนโศกสะเทือนใจ
ภาพที่*บุญมา* ผจญภัยสร้างวีรกรรม 
ภาพที่ได้ถวายตัวรับใช้พระเจ้าตาก
และ....
ได้เคียงบ่าเคียงไหล่
กับสมเด็จพระเชษฐาธิราช*นายทองด้วง(สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก)
ออกสู้รบนับไม่ถ้วน...


อย่างหาญกล้า 
อย่างยอมพลีสิ้นทั้งจิตวิญญาณ...จนเลือดหยาดสุดท้าย
และ...
แม้นในยามบั้นปลาย
ที่ยังมิยอมพ่าย...สังขาร..ดั่งชายชาติเสือ(พระนามท่านอีกนาม)


ท่านก็ยัง..ได้เสด็จ..ไปทำสงครามอีก
ทั้งๆที่ร่างกายเริ่มป่วยด้วยโรคนิ่วที่แสนทรมาน
จน...กระทั่ง...ทนไม่ไหว..


และ
ถึงภาพนี้...
ที่*ตลับเพชร*ยังตราจำมาในคะนึง
ด้วยรานร้าวเศร้าใจอย่างใหญ่หลวง..
*****


ในเดือนกรกฏาคม 
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ทรงรู้สึกว่าพระอาการดีขึ้นและความเจ็บปวดทุเลาลงบ้างแล้ว


จึงมีพระราชประสงค์
ที่จะเสด็จไปนมัสการ...พระประธาน...ที่วัดพระศรีสรรเพชญ
หรือวัดสลัก...
ที่พระองค์ได้ถวายคำปฎิญาณต่อพระประธานในอุโบสถ
เมื่อครั้งที่เสด็จหนีพม่าออกมาจากกรุงศรีอยุธยา...


พระองค์รู้สึกผูกพันกับวัดนี้มาก...
และเมื่อทรงรับราชการ...เป็นเจ้าพระยาสุรสีห์ในรัชกาลของพระเจ้าตาก
ก็ได้ทรงสร้างบ้านอยู่ใกล้กับวัดสลัก
และ...
ได้เป็นองค์อุปัฎฐากทำนุบำรุงวัดนี้มาตลอด


ในวันนั้น....
จึงทรงสั่งให้เตรียมพระแคร่หาม
และ...
เมื่อเสด็จมาถึงหน้าพระอุโบสถของวัดพระศรีสรรเพชญ
เสด็จลงจากพระแคร่และเสด็จพระดำเนินอย่างช้าช้า
ขนาบข้างด้วยพระองค์เจ้าชายลำดวนและพระองค์เจ้าชายอินทปัต
เข้าไปในพระอุโบสถ โดยมีเจ้าอาวาสและพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่คอยรับเสด็จ


กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท...
ทรงคุกพระชานุลงบนพื้นพระอุโบสถ และกราบนมัสการพระประธาน
ทรงรำลึกถึงพระบารมี...ที่ได้หลบหนีพม่าเข้ามา
กราบพระประธานองค์นี้...เป็นครั้งแรก..เมื่อสามสิบปีที่แล้ว


เมื่อ ทรงกราบแล้ว
ก็ทรงประทับพับเพียบพนมหัตถ์สวดนมัสการพระรัตนตรัย
และ
ทรงอธิษฐานอยู่ต่อหน้าพระประธานอยู่นานพอควร..


*ไปเอาดาบของข้ามา *พระมหาอุปราชทรงลืมพระเนตรขึ้น
แล้วหันมาตรัสกับนายทหารราชวัลลภ


*ดาบคู่บุญบารมีมาช้านาน...ที่ข้าได้ปกป้องแผ่นดินนี้จากอริราชศัตรู 
ต่อแต่นี้ไป ข้าจะไม่มีวาสนาจะได้ใช้มันอีก
ข้าจะขอถวายดาบเล่มนี้เป็นพุทธบูชา...
ให้ประดิษฐานเป็นราวเทียนหน้าพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าเคารพนับถือองค์นี้*


นายทหารราชวัลลภคลานเข้ามาในพระอุโบสถ 
อัญเชิญดาบซึ่งปลายด้ามมีรูปหัวสิงห์ทำด้วยทองอยู่ในฝักไม้คร่ำทอง
มาถวายต่อพระหัตถ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท


กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ทรงรับพระแสงดาบมาถือไว้ตามยาวในพระหัตถ์ทั้งสองข้าง
แล้วกระโหย่งพระองค์ลงบนพระชานุ และประทับลงบนสันพระบาท
ยกพระหัตถ์พร้อมพระแสงดาบสูงขึ้นจนจรดพระอุระ
และ
ตรัสต่อหน้าพระประธานด้วยพระสุรเสียงอันดังและหนักแน่น


*ข้าพระพุทธเจ้าบุญมา กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท 
พระมหาอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ขอถวายดาบคู่ใจองค์นี้เป็นพุทธบูชารับใช้ปรนนิบัติองค์พระประธาน
และพระพุทธศาสนาแทนกายข้าสืบไป
โดยตั้งไว้เป็นราวเทียนหน้าองค์พระประธานนี้*


ทรงเว้นระยะและตรัสต่อ...
*บาปกรรมใดใดที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ก่อขึ้นแล้ว...ด้วยการฆ่าฟันอริราชศัตรู
ผู้เป็นเสี้ยนหนามต่อแผ่นดินนี้ 
ขอโปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้า 
ขอให้ชำระล้างหมดสิ้นไปด้วยน้ำตาจากเทียนทุกหยด
ที่ปักบูชาพระประธานและไหลลงบนดาบที่พาดถวายเป็นราวเทียนองค์นี้
เมื่อถึงคราวที่ข้าพระพุทธเจ้าจะต้องละสังขารจากโลกนี้ 
ขอให้จากไปอย่างสงบ ขอให้พบพระนิพพาน ในกาลข้างหน้าเทอญ..*


กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงจับพระแสงดาบคู่ชีพไว้แน่น
ทรงรู้สึกน้อยพระทัยที่ได้ทรงลำบากยากเข็ญเอาเลือดและเนื้อพลีเพื่อพิทักษ์แผ่นดิน
หมายใจว่า....
ในยามที่ทรงพระชราจะได้เสวยสุขสราญและเป็นที่พึ่งแก่พระราชวงศ์
และพระบวรวงศ์น้อยใหญ่ได้


ทันใดนั้นพระอาการนิ่วและพิษไข้ก็กำเริบรุนแรงหนัก 
จนต้องใช้ปลายฝักดาบยันกับพื้นพระอุโบสถ
เพื่อพยุงพระองค์ไว้มิให้ทรงล้มคว่ำพระพักตร์ลง


ทรงขบพระทนต์แน่นเพื่อสู้กับความเจ็บปวด
พระเสโทไหลท่วมพระองค์และพระพักตร์อันซีดเซียว
*ข้าทนความเจ็บปวดต่อไปไม่ไหวแล้ว!*
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงร้องลั่นออกมา
*ข้าขอถวายชีวิตต่อหน้าองค์พระประธานเดี๋ยวนี้!*


กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงกระชากพระแสงดาบออกจากฝักอย่างรวดเร็ว
แล้วทรงเงื้อขึ้นหมายจะเชือดพระศอของพระองค์เองให้ตักษัย


พระองค์เจ้าชายลำดวน
ซึ่งประทับอยู่เบื้องพระปฤษฏางค์พระบิดา
และเฝ้าสังเกตพระอากัปกิริยาอยู่อย่างห่วงใยเห็นท่ามิดี
 จึงเข้ายึดพระหัตถ์ที่ถือพระแสงดาบไว้ได้อย่างฉับพลัน


พระองค์เจ้าชายอินทปัต
และนายทหารราชวัลลภก็เข้ามาช่วยกันรุมล้อมพระองค์
กันพระแสงดาบออกไปได้สำเร็จ


สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงกันแสง
และก่นด่าพระโอรสและองครักษ์...
ที่ขัดขวางและทรงรำพันถึงความเจ็บปวดทรมานพระวรกายไม่สิ้นสุด


พระโอรสทั้งสองทรงกอดพระราชบิดาแน่น
พร้อมกับทรงพระกันแสงร่ำไห้
ด้วยความสงสารและเศร้าพระทัยในพระราชบิดา


เจ้าอาวาสวัดพระศรีสรรเพชญเห็นดังนั้น
จึงเข้ามานั่งเบื้องพระพักตร์พระมหาอุปราชและเจริญพุทธมนต์
พร้อมเทศน์ถวายเกี่ยวกับบาปบุยคุณโทษของการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
โดยเฉพาะการกะรทำอัตวินิบาตอันถือว่าเป็นบาปอันมหันต์


เป็นการอกตัญญูต่อบิดามารดาและครูบาอาจารย์ที่ได้ให้กำเนิด เลี้ยงดู 
และอบรมสั่งสอนมาจนเติบโต...และ..ได้พบพระพุทธศาสนา
สมควรจะปฎิบัติธรรม ในบั้นปลายชีวิต..ถวายรับใช้พระคุณท่าน
และเป็นบุญกุศลแก่ตนเองสืบไปในภายหน้า


สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ประทับฟังด้วยพระอาการสงบนิ่งเฉย
ภายในพระนาภีของพระองค์ยังเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ทรงข่มพระทัยให้ชุ่มชื่นในรสพระธรรม
จนลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะหนึ่ง


เมื่อเจ้าอาวาสเทศน์จบลง ...
จึงทรงถวายนมัสการกราบลง
แล้ว..
ทรงหยิบพระแสงดาบ ขึ้นมา
ด้วยพระหัตถ์ทั้งสองยื่นถวายต่อพระคุณเจ้า
...............
........................


และ...
ในที่สุดพระองค์ก็จำทรงพรากลาจากหล้าโลกนี้ไป
ทิ้งไว้เพียงคุณงามความดี...
ความกล้าหาญ..ที่แสนเกริกไกร
พร้อมกับแสงเทียนเล่มใหญ่
ที่สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าทรงจุดบูชาไว้เบื้องหน้าพระพุทธสิหิงค์
ที่วูบลงและมอดดับลับลาไปพร้อมกัน...!!!!!!
...................
...............


ตลับเพชร..หนาวเยือกในดวงใจ...เป็นยิ่งนัก
พร้อมดวงดอกลั่นทมที่ปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง
โปรยปรายลงมาในท่ามกลางสายลมหนาว
ที่ฝากความหอมเศร้า
ราวให้รำลึกว่า...
ทุกสรรพชีวิตและสรรพสิ่งบนผืนโลกนี้ 
ไม่ว่า...จะยิ่งใหญ่ ยากดีมีจนแค่ไหน...
ในที่สุดทุกคนทุกดวงใจทุกร่าง...ก็จำต้องชดใช้วิบากกรรม
ต่างก็ต้องฝากฝังคืนร่างไร้...ไว้กับผืนพสุธา..


หากจะเหลือ
ก็คงเพียงเรื่องราวตำนานแห่งความเป็นจริง
ของ..วีรบุรุษคนกล้าแห่งแผ่นดินไทยที่แสนยิ่งใหญ่...ก่อนจะลาลับดับพลี
ที่ได้เพียรสร้างคุณงามความดีไว้ให้ผู้คนรุ่นหลังได้กล่าวขวัญ
รำพันรำพึงด้วยความศรัทธาชื่นชมโสมนัส
และ..
แสนภาคภูมิ...ปิติใจ พอที่จะนำไปเป็นแบบอย่าง 


ก่อนที่...
จะทิ้งร่าง..แลจิตวิญญาณดวงงาม
พรากลาตามไป...อย่างมิอาจหลีกลี้หนีพ้น.....!!!!!!
******************


รจนาพลีเทิดพระเกียรติ
ถวายแด่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
และ
แด่ทุกดวงวิญญาญบรรพชนผู้หาญกล้า
และ
อีกหนึ่งวีรบุรุษนักรจนา ในดวงใจพุดพัดชา
 คุณปองพล อดิเรกสาร
ท่านผู้ที่ฝากผลงานอันแสนงามจิตวิญญาณยิ่งใหญ่
แห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยไว้ให้อนุชนและลูกหลาน
ได้ภาคภูมิปิติใจในแผ่นดินของเราค่ะ
...........


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
แผ่นดินของเรา 
สันติ ลุนเผ่ 
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
ใกล้ไกล
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
เลือดไทยไหลโลม ลงดิน
ใครหมิ่น ศักดิ์ศรี คนไทย
ย่อมมีวัน สักวัน ให้ไทย
ล้างใจ อัปรีย์
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
สัก วันต้องคืนกลับมา
มั่นใจ เถิดหนา
ขอพลี ชีวารักษาชาติไทย
ชาติไทยคู่ฟ้า
เลือดทา แผ่นดิน... 
 
				
comments powered by Disqus
  • rain..

    15 พฤษภาคม 2548 21:48 น. - comment id 467548

    ..พี่พุดของเรน.. เขียนเรื่องได้..ชวนติดตามมากเลยนะคะ ..
       เรน..  อ่านเพลินด้วยดิคะ ..
     ได้ทั้งความรู้ ..  และความงดงามของภาษา..
    ที่อ่อนละมุน ..
          มีหลากหลาย.. ความรู้สึก.. จริงๆด้วยดิคะ..
             ...
      เรน ..อยากบอกว่า ..พี่พุดพัดชา..พี่สาวคนนี้ของเรน ..ก็เป็น .. นักเขียนในดวงใจ..ของเรน ..  นะคะ .. 36.gif
           ..
         36.gif16.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ รหัส 6104

    15 พฤษภาคม 2548 22:31 น. - comment id 467568

    41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif41.gif   คุณ พุด แม่สาวน้อยแห่งพงไพร
    
         นับตั้งแต่ผมอ่านงานเขียนคุณมา นั้นนับว่า
         เรื่องนี้รจนาได้แสนจะกลมกลืนสร้างอารมณ์ผู้อ่านได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่ง
         ครับ...ผมเคยพูดว่า คุณเป็นหนึ่งที่ใกล้ กวีซีไรท์  และยิ่งจะเป็นจริง
         พยายามครับใกล้จุดสุดยอดแล้ว ขออวยพร  ให้คุณถึงเส้นชัยโดยเร็ว
         โดยเฉพาะช่วงหลังการรจนานี้แสนจะซาบซึ้งตรึงใจจริงๆ ขัดนิดหนึ่งคือ เพลงนั้นทำให้เสียอรรถรสไปหน่อยครับ   ควรจะจบเลยนะครับ รักดอกจึงบอกให้
    
                 16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ภูตะวัน ตะวันรอน

    15 พฤษภาคม 2548 22:47 น. - comment id 467578

    
    คงเป็นเอกลักษณ์ของ..พุด..
    มั้งค่ะ..
    คุณแก้ว...
    
    ที่ต้องมีเพลง..มาแจม..จบ..
    ด้วยทุกครั้ง....
    
    มาอ่าน...
    แบบ..หอบกำลังใจเกิน 100 มาให้จ๊ะพุด..
    
    
    
    16.gif12.gif
  • พรระวี(ไม่ได้ล้อกอิน)

    16 พฤษภาคม 2548 06:11 น. - comment id 467631

    ท่านพี่รจนาแนวประวัติศาตร์ได้ลึกซึ้งกินใจตามแนวถนัดของท่านพี่ คงเส้นคงวาเสมอมานะท่านพี่!!
  • แสนตรีเพชรกล้า

    16 พฤษภาคม 2548 09:25 น. - comment id 467689

    เสร็จสรรพการศึกแล้ว....จักคืน
    บุญร่วมคลองเสื่อผืน............ผูกผ้า
    แรมนิราศหลายวันคืน.........คู่ยาก เรียมแล
    เสร็จณรงค์เร่งรุดหน้า..........เหนี่ยวน้องโสมสมร
  • ผลิใบสู่วัยกล้า

    16 พฤษภาคม 2548 10:21 น. - comment id 467712

    รักบ้านเกิดเสมอครับ
  • อัลมิตรา

    16 พฤษภาคม 2548 10:58 น. - comment id 467740

    ..๏  อลังการผ่านฟ้า.................อโย-  ธยาเฮย
    เรืองรุจน์สุดภิญโญ..................โอ่อ้าง
    ดุจพิษณุเทพเดโช...................นิรมิตร
    ปราสาทราชฐานค้าง-..............โศลกหล้าเหลื่อมสวรรค์ ฯ
    
    ..๏  เศวตรฉัตรชั้น...................เฉิดเฉลิม
    เฉกฉัพพรรณพราวเติม.............เดื่องด้าว
    ยังเกียรติเกริกไกรเสริม...........ยศยิ่ง
    ประดุจมัฆวานท้าว...................เทพไท้มไหศวรรย์  ฯ
    
    ..๏  จากอิฐนิดก้อนเนื่อง..........นับคณา
    ปูนโบกทาบปิดทา...................แต่งแต้ม
    จำหลักเจิดเพริศตา..................วิจิตร
    เวียงวัดทัศน์สง่าแฉล้ม.............เฉกชั้นดาวดึงส์ ฯ
    
    ..๏  ทวยราษฏร์ปราศทุกข์ร้าว....นอนขม
    สรรค์สุขเกษมภิรมย์.................ทั่วหล้า
    ประกอบกิจการสม...................สำเร็จ
    ใครใคร่ขายใดค้า.....................เกลื่อนร้านชานเรือน ฯ
    
    ..๏  สำเนียงเสียงหยอกเย้า........บรรลือ  ขจรแฮ
    โขนขับประโคมฮือ...................ห่อนร้าง
    จอแจขวักไขว่ถือ.....................แขนเกี่ยว  เมียงนา
    สมโภชโรจน์อาจอ้าง................ไป่ร้างกรุงศรี ฯ
    
    ..๏  สองมือถือธูปตั้ง.................เทียนถวาย
    ผ่องผุดโกมุทผาย.....................จรดคิ้ว
    หมายองค์พุทธพรรณราย...........งามยิ่ง
    กำจัดนิวรณ์กริ้ว........................เกลือกกลั้วอวิชชา ฯ
    
    ..๏  หากกาลผันผ่านพ้น............นักษัตร
    เมืองมิ่งกลับวิบัติ......................คลาดคว้าง
    ไตรลักษณ์ประจักษ์ชัด.............เฉกเช่น  ธรรมเฮย
    หาอยู่ดูสมอ้าง..........................เกลือกกลั้วมัวดิน ฯ
    
    ..๏  ยังเพลินเดินรอบรั้ว.............เวียงวัง
    หากจิตพิศดารยัง......................ดั่งแกล้ง
    โหยหาอดีตหลัง.......................กาลเก่า
    อยุธยาพาแจ้ง...........................จิตรรู้ปริศนา-  ธรรมเฮย ฯ
    
    ..๏  ยืนยงฤๅมอดม้วย................ดุจกัน
    สรรพสิ่งอาจพลิกผัน.................แผกดิ้น
    คือธรรมแห่งสามัญ-..................ญลักษณ์
    กำหนดปรากฏสิ้น.....................สืบได้นัยความ ฯ
    
    ..๏  ตาม...เมืองอันเฟื่องฟ้า......อดีตกาล
    รอย...ภาพจินตนาการ..............จิตยั้ง
    ครู...เผยเอ่ยวิจารณ์.................ขอนบ-  นอบนา
    โคลง...คร่ำครวญอีกครั้ง...........ดั่งเอื้อนเยือนเมือง-  เก่าเอย ๚ะ๛
  • ชัยชนะ

    16 พฤษภาคม 2548 21:45 น. - comment id 468105

    นิราศนรินทร์เคยอ่านผ่านสายตา แต่ยังไม่มีเวลาอ่านจบครับ
    
    ปรกติวิชาประวัติศาสตร์สมัยเรียนชอบอ่านมากครับ
    
    โดยเฉพาะใครที่เป็นวีรบุรุษสตรีสมัยก่อน
    
    ปัจจุบันจำได้แค่พอลาง ๆ ยกเว้นคนสำคัญจริง ๆ
    เพลงต้นตระกูลไทยชอบร้องด้วยหาที่บ้านหลังนี้ไม่มี
    
    แวะมารำลึกประวัติศาสตร์ครับ
  • ผู้หญิงไร้เงา

    16 พฤษภาคม 2548 22:00 น. - comment id 468127

    11.gifรักแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองผืนนี้เสมอคะ ราตรีสวัสดิ์และหลับฝันดีนะค่ะ11.gif
  • ลูกหลานเหลนไทย

    31 พฤษภาคม 2550 10:39 น. - comment id 703825

    ขอให้ลูกหลานเหลนโหลนชาวไทยทุกคน สำนึกให้ความเสียสละและความกล้าหาญของ กรมพระราชวังบวรมหารสุรสิงนาท  พระองคืท่านเกิดมาเพื่อเป็นนักรบ เพื่อปกป้องผื่นแผ่นดินไทยโดยแท้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงคราม 9 ทัพ หากมิใช่พระองค์ท่านเป็นแม่ทัพ มาสกัดกั้นทัพพม่าที่ทุ่งลาดหญ้า  เมืองกาญจน์  เราคงต้องเสียกรุงเป็นครั้งที่ 3 อย่างแน่นอน  และราชวงค์จักรีของเรา คงไม่มีมาถึงตราบเท่าทุกทันนี้  ขอดวงพระวิญญานของพระองค์ท่านจงช่วยคุ้มครองชาติไทย ตลอดไป

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน