http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song150.html (บุษบาเสี่ยงเทียน) ********************* ครั้นอิเหนาพรอดน้อง บุษบา ราชนิพนธ์มณฑา- รพไล้ สุวรรณศิลป์รัมภา รังเรข รำนา กลอนละครละม้าย มกุฎร้อยกรองสวรรค์ฯ ................. เสียงซอซอซาบซึ้ง ศศิมนตร์ โสมส่องทองมณฑล ทิพย์หล้า บุหลันเลื่อนลอยยล ยศยิ่ง พ่อนา ซอเซ่นสามสายฟ้า- ฟาดฝ้าโศกสลายฯ ............... บุษบาชื่อบุษบา บุษบาที่แปลว่าดอกไม้นั่นแหละ...ใช่เลย..! และ เป็นบุษบาไพร มิใช่บุษบาเมือง และก็ คงมิใช่นางเอกบุษบานารีในเรื่องอิเหนา เพราะบุษบาคนนี้ เบื่อเรื่องรักรัก เสียนักเสียหนา จนถึงกับได้อธิษฐานภาวนาแทนเสี่ยงเทียนที่จะ*ให้อิเหนาเขามารักข้า* เป็นว่าเกิดมาชาตินี้ชาติไหน ขอให้ดวงใจพ้นพันธนารัก เสียได้จะเป็นดี ทุกวันนี้ บุษบา มีความสุขกับชีวิต กับธรรมชาติ กับความสว่างสะอาดของจิตดวงใส ที่ได้ทำในสิ่งที่รัก ได้พิงพักกับมวลดอกไม้รายรอบเรือน *เรือนบุษบา* ที่เพิ่งปลูกได้ไม่นาน อย่างที่ฝันเอาไว้มานานปี เรือนที่หนีไม่พ้นบึงบัว มีแสงไฟสลัวจากเชิงเทียนแก้วแทนไฟนีออน มีชานให้นอนเอนอิงพิงพักใจ..ได้ดูดาวเดือน เป็นเรือนที่มีมวลดอกไม้ไทยหวานหอม มาเคลียเคล้าในภวังค์ฝัน...ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เรือนที่ยังได้ยินเสียงเรไรร่ำ ดุเหว่าร้อง พร้องแผ่วแว่วเสียงหวานปานนกโกกิลาในตำนานพุทธศาสนา และ... ราวได้ยินเสียงนางโกกิลาที่คร่ำครวญหวนหา*พระอานนท์... ............ เรือนริมบึงตรึงใจวิมานฝัน บัวหลากพันธุ์บานชูช่อล้อแดดใส จิก..ดอกหวานหว่านดอกลำธารไพร นั่นต้นไทรไหวเอนลู่คู่นกกา.. ตะวันสีไพลชิงพลบหลบเงาเมฆ ธรรมชาติเสกใจภิรมย์ชมมัจฉา มีชานฝันอันรื่นรมย์ชมพนา ตะวันลาโพล้เพล้เหว่ว้าใจ.. พายเรือน้อยลอยคว้างกลางสระกว้าง นอนอ้างว้างมองดูดาวพราวสุกใส โอ้ดาวน้อย ลอยเด่นดวง สุดแสนไกล ราวสอนใจไม่มีวันฝันเป็นจริง.. จุดตะเกียงเคียงหัวนอนเขียนกลอนฝัน นวลแสงจันทร์ลอดโลมไล้ลืมทุกสิ่ง เคียงหมอนขาวพราวดอกไม้หอมงามยิ่ง หลับตานิ่งดิ่งหัวใจไม่ตรอมตรม... พอยามดึกพงพฤกษ์ไพรไหวน้ำค้าง ใจว่างว่างลืมโลกลืมโศกสม เรือนหลังน้อยกับจิ้งหรีดร้องระงม เนื้อใจบ่มเพาะฝันดีที่งอกงามยามเงียบงัน... และ..สำหรับ บุษบา มีความสุข ที่ได้ชีวิตแสนสงบสุขแล้วเพียรภาวนา และ... หากค่ำคืนไหน ที่บุษบา คนนี้...ลุกขึ้นมาจุดเทียน ก็คือเทียนทองผ่องแผ้วถวายเป็นพุทธบูชา มิใช่..!มาเสี่ยงเทียนตามหารัก เพื่อเพียรฝึกหนักให้มีสมาธิภาวนา เกิดปัญญา รู้รักษาจิต ใสใจดวงงาม มิให้หวั่นหวามหวั่นไหวหลงใหลไปตามกระแสโลกย์ ที่แม้นแต่พระพุทธองค์..ยังต้องดิ้นรนให้พ้นโศกสิ้นทั้งปวง มิต้องตกลงในบ่วงแห่งพันธนารักนั้น ที่รักกันได้กันดี ... หากพอถึงวันหนึ่ง เมื่อดวงชีวาชีวี และสังขารจำใกล้จะถึงเวลาโรยร่วง โปรยปลิดปลิว เป็นหนึ่งเดียวกับดินน้ำลมไฟ ก็ต่างพากันตระหนักว่า... เกิดมา ชาติหนึ่งนั้น วันเวลาแห่งชีวีช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนัก.. และ ทุกสิ่งที่ผันผ่านมาคือทุกขังอนิจจังอนัตตา ที่หายึดมั่นถือมั่นได้นานไม่..! แม้แต่...*คำว่ารักนิรันดร์* จริงๆแล้วคือความทุกข์ ทั้งสิ้นทั้งนั้น ไม่ว่า เกิด แก่..เจ็บ..ตาย และ... จะต้องกลับมาวนว่าย อีกนับอสงไขยชาติ ..ให้น่าเหนื่อยนัก มาสู้รบกับความรักความชัง ทั้งหวังหวานและขมขื่น ที่ถึง..แสนชื่นฉ่ำ..ก็คงไม่นานปี... รอเวลาที่จะพ่ายแพ้สังขาร พรากลาโลกโศกสุขทุกข์ร้อนนอนไม่หายใจ กันทั้งนั้น ไม่เลือกวัยวันอายุขัยให้เตรียมใจไว้ได้เลย และ ในท่ามราตรีนี้... ที่เป็นราตรีคืนเดือนเสี้ยว จันทร์เสี้ยว..ดวงเศร้า..ที่ดูแสนงาม... ปานประหนึ่งราวเรือทองกำลังลอยล่องท่องไป ในแดนดินแห่งความฝันสวรรค์สรวง ในท่ามรวงเรียวเกลียวเมฆหวานแสนหวาน บุษบา.. ได้กราบกราน ถวายมาลัยมะลิพวงโตหอมกรุ่นละมุนมงคล พลีแด่องค์พระพุทธคุณ ด้วยจิตดวงใสดวงคารวะ จุดเทียน..พร่างพราวนับได้ *ยี่สิบแปดเล่ม.*.... แล้ว... ใจดวงงามพลันรำลึกนึกไปถึง เรื่องราว... ที่พระยาสุรสีห์ได้พลีดาบ ที่กรำศึกอย่างโชกโชนถวาย เป็นราวเทียนให้จุดถวายเป็นพุทธบูชาในโบสถ์คร่ำ ก่อนวันที่ดวงชีวาท่านจะลาลับ ราวแทนคำสัจจะอธิษฐานภาวนา ที่ยอมพลีชีวาและทุกหยาดเลือดหลั่ง ให้พลั่งรินจนหยาดสุดท้าย เพื่อปกบ้านป้องเมืองเอาไว้ ใช่อยากเข่นฆ่าใคร หากทว่านี่คือสงครามเพื่อแผ่นดินไทย ที่บรรพบุรุษผู้เก่งกล้าเกริกไกร จำต้องรักษาอิสรา เพื่อให้ลูกหลานไทยได้มีผืนหล้าไว้หยัดยืนอย่างทรนง..! ........... บุษบาจึ่งได้แต่ ก้มลงกราบกราน..ณ..เบื้องหน้า พระพักตร์พระพุทธทองคำสุกปลั่ง..นิ่งนาน แล้ว น้อมศิระกรานอธิษฐานจิตแด่ องค์พระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่งสมาธิสวดมนต์ภาวนา..*สวดคาถาพาหุง * ตามด้วยมนตราอิติปิโสภควา อุทิศให้กับ มิ่งมิตรทางจิตวิญญาณของบุษบาในค่ำคืนนี้ ที่เป็นดั่งคนดีเป็นสุขนิรันดร์ฝันแสนงาม และ... หวังไม่นานช้า ... เขาคงไขว่คว้าดาวดวง มาสู่อุ้งมืองาม รจนางานมากมายฝากไว้เพื่อพลีบรรณาการดับแล้งโลก ลบโศกคลาย ให้มวลมมุษยได้เลิกใจร้ายคอยห้ำหั่นกัน ให้ดั่งสายน้ำรักนิรันดร์ ได้นำทางไปสู่ฝั่งฝันฤาสวรรค์ ..จนถึงพระนิพพาน ตราบนานแสนนาน..ตราบเท่าที่เขายังมีลมหายใจ.. บุษบา.. ได้กลิ่นดวงดอกพิกุลหอมพราวมาเคล้าใจดวงงามในยามนี้ แล้ว... ใจดวงดีก็ประหวัดไปในค่ำคืนหนึ่ง คืนแห่งความซึ้งสุขนิรันดร์งาม ในต้นยามรัชสมัยรัตนโกสินทร์ คืนแห่งเบื้องบนนภา.. ที่รัศมีดาราส่องแสงพรายพร่างสว่างนวลสะท้อนทอละออม่านเมฆ........ เดือนแฝงเร้นซ่อนละมุนละไม.ในพยัพหมอกบางเบา..นวลนุ่ม.. ดุจสายไหมหลากสี..สลับเลื่อมซ่อนลาย เมฆชมพูหวาน ราว สายไหม เกาะกลุ่ม ละเมียด เป็นช่อชั้นราววิมานเมฆ นวลละออน่านั่งน่านอนเล่น ดั่งทิพย์สวรรค์ลอยเลื่อนจากฟ้า..มาแตะต้องโลก......... ทายทัก..พักสายตา..พาสายใจไหลหลง..สัมผัสแลงาม.. .ตะลึงใจ..ตะไลฝันกับงามล้ำของม่านเมฆ..มนต์ขลังแห่งฝันแสนงามนั้น และ นั่นคือจินตนาการที่บุษบาได้สานฝัน ต่อจาก... บทประพันธ์อันตราตรึง * ในเรื่องรัตนโกสินทร์กำเนิดกรุงเทพ..* *ของ..คุณปองพล อดิเรกสาร* ที่เพิ่งได้อ่านผ่านตาหากยังอวลตราล้ำลึกเกษมในบึ้งใจ *ในยามที่บุญมา(เจ้าพระยาสุรสีห์) ยืนเคียงคู่เจ้านางศรีอโนชารับลมเย็น บนระเบียงบ้านไม้สองชั้น ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านบางกอก เจ้านางศรีอโนชา โอบกอด เด็กหญิงอายุได้สี่เดือนไว้แนบอกอย่างทะนุถนอม บุญมา โอบเอวเจ้านางศรีอโนชาไว้เพียงเบาๆ เขาดูสบายใจในชุดโจงกระเบนสีเขียวเข้มสวมเสื้อคอกลมสีขาว สายตาที่มองดูภริยาและลูกสาวบ่งชัดถึง ความรักและความเอ็นดูของผู้ที่เป็นสามีและเป็นพ่อ ท่าทางที่ยิ้มแย้มเบิกบานของบุญมาขณะนี้ กลบกลืนความเป็นนักรบที่เก่งกล้าดุดัน กับความเป็นแม่ทัพชาญศึกที่สุดคนหนึ่งของกรุงธนบุรี ซึ่งทั้งข้าศึกและทหารของเขาเองต่างเกรงกลัวและยอมรับนับถือฝืมือ* *พี่จากไปเกือบปี เจ้ารู้ไหมหรือไม่ว่าพี่คิดถึงเจ้าตลอดเวลา และนับวันรอให้ลูกสาวคนนี้เกิดมาด้วย* *เจ้านางศรีอโนชาเงยหน้าขึ้นมองสามีของเธอ ด้วยความรักอย่างสุดซึ้งในใจถามตัวเองว่า... *นี่หรือคือพระยาเสือ ที่ใครๆกลัว* นางยิ้มอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นบุญมายื่นหน้าออกไปรับลม และหลับตาสูดอากาศที่สดชื่นสบายใจ* ................ .................... *ลมโชยแรงมาจากสวนรอบบ้าน พากลิ่นดอกพิกุลที่ปลูกไว้ไม่ไกลจากบ้านมาด้วย *บุญมา..*ผ่อนลมหายใจสูดกลิ่นดอกไม้ที่เขาชื่นชอบเข้าไปช้าช้า ในใจหวนนึกถึงเครื่องประทิ่นของชาววังกรุงเก่า ที่ทำจากดอกพิกุลอบแห้ง ที่บรรดานางในราชสำนักกรุงศรีอยุธยาเคยชอบใช้กันหนักหนา* ........... .................* และ...สำหรับดวงจิตบุษบา ก็ได้แต่ร่ำไห้อย่างโศกครวญแทบทุกบรรทัด จิตนั้นพลันพลีเทิดทูนคารวะแด่ทุกดวงวิญญาณบรรพชน วีรบุรุษลูกผู้ชายชาติไท หัวใจหาญกล้า ราวชายชาติอาชาไนย ที่มิเกรงกริ่งหวั่นภัย ยอมพลีเลือดเพื่อปกป้องผืนดินตราบจนสิ้นใจ ตราบจนหยาดสุดท้าย..!!!!! และ.. ฝากไว้ให้เราลูกหลานไทยทุกดวงจินต์ในวันนี้ ให้ยังมีแผ่นพื้นพสุธาไทยพสุธาทอง ให้ยังได้ครองหยัดยืน ครองขวัญ ฝัน ก็จงอย่าลืม... สร้างสรรปันพลีความดีความงามคืนกลับแด่แผ่นดินแม่มาตุภูมิ แด่ผืนโลก ให้สมภาคภูมิ ก่อนที่...ลมหายใจจะมอดดับลับลาไปราวอาทิตย์อับแสง..!!!!!! ............................ ........................ จุดเทียนกราบกรานหน้าพระพุทธ ร้อยมาลัยพวงพิสุทธิ์หอมพลีมงคลขวัญ อธิษฐานให้ยอดดวงใจสุขสดใสในวันเกิดตราบนิรันดร์ เทียนยี่สิบแปดเล่มพลันทอแสงพร่างกระจ่างใจ สวดพาหุงมหากาให้คนดี รอวันที่เอื้อมดาวได้ดังฝันไขว่ ให้มีคนรักแสนรักรายรอบใจ ให้ดวงใจใสกระจ่างสร้างงานธรรม น้ำตาใจสะท้อนแสงเทียนวะวาววับ ราวแสงเพชรวิบวับรับรินร่ำ เสียงสายฝนหล่นพราวพร่างพรมพรำ น้ำตาขวัญหยาดรินสิ้นทั้งใจ คือน้ำตาแห่งปิติที่พลีภักดิ์ หยาดแทนรักแทนห่วงดวงใจใส แทนค่าคำอักษราหวานล้ำรัดร้อยใจ แทนอมตะรักใดในโลกนี้พลีแด่เธอ...!!! ........... เธอคือเมฆเสกสายหวานมาห้อมห่ม มาพร่างพรมขวัญเจ้าคราวเหน็บหนาว เธอคือสร้อยร้อยสวยด้วยรวงดาว คล้องฝันพราวรับขวัญพลีราตรีเพ็ญ.. ราวสายลมพรมผ่านลุกขึ้นสู้ โลกยังอยู่ดอกไม้หวานบานให้เห็น แม้นดายเดียวเปลี่ยวร้าวใจเยียบเย็น เธอยังเป็นเช่นเทียนทองส่องกลางใจ ราวรุ้งเรียวเกี่ยวฟ้าทางช้างเผือก ลบหนาวเยือกให้อุ่นพร่างสว่างไสว รจนาบทกวีที่งามงดหมดจดใจ ระรินไหวลบโลกร้อนสอนกมล... เธอคือสายธารหวานพรมห่มหอมร่าง ให้ฉ่ำพร่างฉ่ำชื่นดุจสายฝน เธอนั้นหรือคือน้ำค้างกลางกลีบรสสุคนธ์ เธอคือคนของสายธรรมนำชีวี.. เธอคือตะวันอันโอบเอื้อมนุษยชาติ สว่างวาดรจนาร้อยสร้อยศักดิ์ศรี เธอนะหรือคือยอดงามยอดความดี เป็นสร้อยสีสร้อยแสงสร้างแรงรัก.. เธอคือไม้ไพรในป่าเมืองมนุษย์ สร้างพิสุทธิ์ดุจร่มธรรมล้ำค่านัก เธอคือใครใครคือเธอเล่ายอดรัก ยอมพลีภักดิ์ศรัทธารักศรัทธาใจในวันนี้.. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song150.html (บุษบาเสี่ยงเทียน) เทียนจุดเวียนพระพุท-ธา ตัว ข้า บุษบาขออธิษฐาน เทียนที่เวียนนมัสการ บันดาลให้ หทัยสมปรารถนา ดลจิตอิเหนา ให้เขามารักข้า ขอองค์พระปฏิมา เมตตาช่วยคิดอุ้มชู ขอเทียนที่เวียนวน ดลฤทัยสิงสู่ ให้องค์ระเด่นเอ็นดู อย่าได้รู้คลายคลอน อ้า องค์พระพุท-ธา ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน ข้าสวดมนต์ขอพระพร วิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี รักอย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่ ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ ตั้งใจ อ้า องค์พระพุทธา ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน ข้าสวดมนต์ ขอพระพร วิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี รัก อย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่ ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ตั้งใจ... .................
14 พฤษภาคม 2548 13:25 น. - comment id 466894
เป็นวันหยุดที่แฮปปี้มากครับ มีอะไรที่ดีดีมาให้ได้อ่านได้ดู ดูเหมือนว่าถ้าเป็นวันหยุดจะแต่งเรื่องได้ในทำนอง ค่อนข้างสนุกน่ารักมากครับ ไม่ได้หมายความว่าเรื่องเศร้าจะไม่ดี เพียงแต่มีอคติส่วนตัวไม่ค่อยชอบสักเท่าไร่ เพลงนี้ชอบเหมือนกันครับฟังครั้งไรก็เพราะครั้งนั้น ช่วงเข้ามาตอนแรกมีปัญหาทางเน็ตรีบอ่านเอาพอลวก ๆ เป็นส่วนใหญ่ ถ้าเรื่องไหนที่อ่านไม่จบไม่โพลสครับ
14 พฤษภาคม 2548 13:25 น. - comment id 466895
มาเยี่ยมเยือนเรือนบุษบา... ที่เลิกเสี่ยงเทียนหารักแล้ว...
14 พฤษภาคม 2548 17:04 น. - comment id 466964
เป็นงานเขียนที่งดงามหยาดเยิ้มไปด้วยลีลานำความหลายหลากมากำชับในเรื่องเดียวกัน ที่สำคัญคือการร้อยแก้วในทำนองร้อยกรองผสมผสานนั้นซิสำคัญยอดเยี่ยมจริงๆและยังประกอบด้วยจิตวิญญาณแทรกเข้าในตัวอักษรทุกตัว พูดได้คำเดียวว่า ยอดเยี่ยมมาก แก้วประเสริฐ.
14 พฤษภาคม 2548 17:08 น. - comment id 466966
ฝากในงานคุณสียะตรา คุณสียะตราคะ พุดไพรค่ะ รอมานานมากนะคะ รอชื่นชมงานงาม แม้นเพียงบทเดียวก็แสนประทับใจแล้วละค่ะ พุด เหมือนคนโบราณกลับชาติมาเกิดค่ะ จึงรักทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับประวิติศาสตร์ชาติไทย..นาทีนี้ พุดกำลังอ่าน *รัตนโกสินทร์ กำเนิดกรุงเทพ นิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย คุณปองพล อดิเรกสารรจนาค่ะ น้ำตาพุดก็หลั่งรินโหยไห้ กับภาพในจินตนายามกรุงแตกค่ะ พุดเคยไปบวชชีที่มเหยงค์นะคะ และ ในยามค่ำได้ไปกราบพระพุทธรูปในโบสถ์คร่ำท่ามเดือนเพ็ญ โบสถ์นี้ที่ทุกครายาม ที่ยามพระองค์จะเสด็จออกรบจะมากราบพระ ในโบสถ์เป็นมิ่งมงคลค่ะ และ เรื่องนี้ยังไม่ได้รจนาเลยค่ะ เพราะมีบางสิ่งเคยสร้างปาฎิหาริย์ยามพุดรจนาเรื่องโบราณ พุดเลยหยุดไว้ก่อนค่ะ พุดรักคุณนะคะ เพระสัมผัสได้ถึงนวลใจ และเราคงรักในบางสิ่งเหมือนกันค่ะคนดี พุดรออ่านงานงามนะคะ ยาวกว่านี้จะดีมากเลยค่ะ ให้สมกับที่รักรอนะคะ ด้วยรัก
14 พฤษภาคม 2548 17:36 น. - comment id 466978
พุดไพร บุษบาไพรค่ะคุณแก้ว พุด รู้สึกชื่นใจมากเลยค่ะ อ่านงานธรรมะแล้วใจจะชื่นจะฉ่ำจะสว่างงามเลยค่ะ และไม่เบื่อเลยที่จะอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก เวลาชีวิตเบื่อโลกภายนอก พุดจะมีโลกธรรม มาน้อมนำใจค่ะ และ มีความสุขสงบใจ หากมีหนังสือธรรมในมือ กับธรรมชาติรายรอบที่เรียบง่ายงามสงบ โดยเฉพาะในยามพลบค่ำ ราวได้อยู่ลำพังกับตัวตน ได้ค้นหาความวิเวกและว่าง เสมือนคำท่านพุทธทาสค่ะ ให้เราฝึกสร้างความดี เพียรมีสมาธิมีปัญญา และ เราจะพบคำว่านิพพาน*ที่นี่และเดี๋ยวนี้ค่ะ* ไม่ต้องรอจนตายไป.. และ ใครก็จะมาช่วยเราไม่ได้ เพระ มาตรแม้นพระพุทธองค์ ท่านก็ยังต้องทรงออกค้นหาค้นพบ ด้วยพระองค์เอง เป็นเวลานานปีนะคะ ถึงจะบรรลุอริยสัจสี่ และได้เป็นองค์ พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนี้ฉะนั้น เราต้องลงมือกระทำด้วยความเพียรค่ะ ช้าไม่ได้แล้ว... พุดขอกราบคารวะงานงาม จากจิตใสใจดวงแก้วของคุณค่ะนะคะ *จากงานล้ำค่าทางจิตวิญญาณบ้านภายใน งามภายในค่ะ *ในงานประตูสู่พระนิพพานค่ะ* ด้วยรักและศรัทธา
14 พฤษภาคม 2548 20:23 น. - comment id 467009
มาเยี่ยมพี่พุดและงานพี่ ด้วยความชื่นชม มาก เสมอ... เหมือนเดิมค่ะ
14 พฤษภาคม 2548 20:35 น. - comment id 467021
หวาน....ใส..และนุ่มนวล
14 พฤษภาคม 2548 20:48 น. - comment id 467034
ชื่นชมครับ....อ่านแล้วได้ครบหมดเลย ทั้งร้อยแก้ว กลอน เพลง ข้อมูลและคุณค่าทาง ประวัติศาสตร์ จ้า...ชื่นชมอีกครั้ง
14 พฤษภาคม 2548 21:26 น. - comment id 467078
14 พฤษภาคม 2548 21:33 น. - comment id 467082
15 พฤษภาคม 2548 10:48 น. - comment id 467274
คิดถึง.......
15 พฤษภาคม 2548 11:55 น. - comment id 467296
ชอบจังเลยครับ... ..
11 สิงหาคม 2548 16:08 น. - comment id 502753
ดีใจจังเสมือนได้ยินเสียงร้องบรรเลงเพลงบุษบาเสี่ยงเทียนที่denaเคยรำตอนเด็ก.ขอบคุณมากคะที่ทำให้หวลนึกถึงยามวัยเยาว์ที่มีความสุข