เจ้าช่อการะเกด!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
(บุพเพสันนิวาส)
.................
ผมชื่อกานต์ครับ
กานต์...ที่แปลความได้ว่า*ที่รักนะรัก*นั่นละครับ
และ..
แม้นชื่อผมจะสะกดตรงกันกับชื่อของพระเอก
*เรื่องเขาชื่อกานต์ ของคุณสุวรรณี  สุคนธา ก็ตามที


หาก..
ผมก็มิใช่พระเอก..
ที่มีอาชีพเป็นหมออย่างหมอกานต์
และ
ที่มีภรรยาแสนงาม
รับบทนางเอกสมองเสื่อมจำความไม่ได้อยู่พักนึง
ที่มีนามว่าหฤทัย..หฤทัย..
ยอดดวงใจของหมอกานต์ผู้แสนดีมีอุดมการณ์อุดมคติ


ที่เป็นนวนิยายสะท้อนสังคมไทยในสมัยหนึ่งได้เป็นอย่างดี
ที่จบได้อย่างโศกสะเทือน 
เพราะหมอกานต์ตายด้วยถูกคนร้ายลอบยิง
ที่วิ่งไปชนระบบการคอร์รัปชั่นจนถูกปองหมายถึงชีวิต
ให้ปลิดปลิวไปในท่ามกลางสายฝนที่ร่ำไห้...เพียงลำพัง..


และ..
หากให้เลือกในนาทีนี้ 
วันที่ผมพบเธอ คนแสนดียอดอิสตรีที่แสนงามเช่นเดียวกัน
ผมขอเลือกนามนี้ครับ... *การะเกด *การะเกด.
ให้มารับบท.เป็นนางเอกในชีวิตจริง
ที่ยิ่งกว่านวนิยายหลายร้อยตอนจบของชีวีชีวิตผมเสียอีกนะครับ
ที่ผม...*คนรักบทกวี.*คนกวี
คนที่มีเสียงดนตรีไพรคอยบรรเลงในหัวใจ


คนที่กำลังกลับมาอ่านบทรำพึงรำพันจากนิราศนรินทร์
ที่แสนงามเป็นยิ่งนักและยิ่งแสนซึ้งซ่านใจประทับใจ
กับงามคำที่รจนากล่าวขานไข
ถึงความงามพิไลล้ำของดวงดอกไม้ชื่อการะเกด การะเกด
ทันทีที่ผมพลันได้ทำความรู้จัก
และคิดว่าราวกับหนุ่มน้อยผู้ตกในห้วงรักเหวลึกยามได้พบเธอ พบเธอ
แม่ดวงดอกไม้ไหว ใจงาม นาม การะเกด การะเกด..


.........
ลมลงโลมลาดไม้           กฤษณา
โบกบอกนาสาหา           กลิ่นต้อง
รอยอรร่ำพัสตรา            ตากตรอม ลมฤา
พากลิ่นกลอยมาข้อง      ค่าไม้หอมเหมือน
หวนหอมการะเกดเกลี้ยง   เกล้าผม เจ้าฤา
อินทนิลคือแข่งคม              เนตรแต้ม
นมนางอับอายนม               นุชนาฏ พี่เอย
ปรางเปล่งเปรียบกิ่งแก้ม    อ่อนช้ำคราวชม
 
จำปาจำเปรียบเนื้อ             นางสวรรค์ กูเอย
ศรีสุมาลัยพรรณ                 พิศแท้
ช้องนางคลี่ระสายสรร          สลายเซ่น
คือนุชสนานกายแก้             เกศแก้วกันไร
สาวหยุดหยุดย่างช้า              หวังชัก ชวนแม่
รักใช่รักแรมรัก                    สุดรู้ 
นางแย้มจะยลพักตร์              ฤาพบ พานเลย
ซ่อนกลิ่นกลอยซ่อนชู้             ชื่อช้ำใจถวิล
ขานางพิศภาคแพ้                   พิมพ์เพลา นุชนา
กลกล่อมสองปลีเยาว์               ยาตรเยื้อง
เล็บนางเล็บนุชเบา                 บอกคั่ง พี่ฤา
หลงปัดเล็บนางเปลื้อง             ปลาบเนื้อเรียมขนาง
พะยอมคิดเยาวแม่แย้ม          ยินดี
สีเสียดคือทรวงสี                     เสียดซ้อน
ชิงชันเฉกในที                       เชิงเกี่ยว กายแม่
หว้าดั่งวอนนางค้อน                เคียดแกล้งเป็นกล


เพราะนามนี้นั้น
สำคัญฉะนี้กับหัวใจดวงดีดวงเหว่ว้าดายเดียว
ที่ผมใช้ชีวิตเปลี่ยวเหงามานานปี
อิสตรี ที่ผมเพียรรอพบมาแสนนานราวค้นหาอัญมณีไพร
มิใช่อัญมณีเมือง..
ที่มีที่มาที่ไปดังที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังถึง..*เธอคนดี*
ที่นะบัดนี้
มาสถิตในหอมห้วงแห่งดวงใจผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วละครับ..นะครับ..
.........
.............


ในยามโพล้เพล้วันหนึ่ง
ผมบึ่งรถอกมานอกเมือง แถวชานเมือง..
ที่มีร้านเรือนไม้ริมชายชลริมคลองนครไชยศรี
ที่ทุกครา ผมชอบมานั่งดูบรรยากาศสวนริมคลอง
ที่ยังมีท้องร้องและแน่นขนัดไปด้วยผลหมากรากไม้
ให้หัวใจผมได้บรรยากาศดิบดินเดิมเดิม 
เพื่อเติมพลังไฟฝันแห่งความสดชื่นระรื่นรมย์
นำมาบ่มหอมออกเป็นงานวางพลี 
ที่ผม*คือคนกวีผู้รักรจนางานเกี่ยวกับธรรมะ ธรรมชาติ*


ผม..จอดรถไว้..
แล้วค่อยๆเดินพาตัวเองเสพสุนทรีย์
ยามที่...ตะวันกำลังคล้อยดวง...
เหนือห้วงน้ำ ที่ให้งามแผกไปอีกแบบหนึ่ง..
และ
แปลกดี...ที่ผมชอบเดินทอดน่อง ชมนกชมไม้ริมชายชลริมชายสวน


เพราะผมคิดว่าการเ ดินทอดน่องนี่
ให้ความรู้สึกแสนดีก็ตรงที่
ราวทำให้ร่างและดวงใจเราราวได้หยุดผ่อนพักสงบนิ่ง
ฝึกการรำลึกรู้จับความเคลื่อนไหว
และได้ออกกำลังกายไปด้วย
และ
ทุกก้าวย่างที่เนิบช้า..
คือลีลาแห่งการจงกรม แบบที่ให้คุณค่าทบทวีคูณเลยทีเดียว


ยามนี้ ผมจึงจอดรถห่างจากร้าน
ที่ผมชอบมาเสพบรรยากาศ
มากกว่า ที่จะมาฝากท้องเป็นหลัก
แค่มาพักพิงอิงไพรอิงใจ
มาฟังเสียงไหวครวญของสายน้ำนิรันดร์เพียงนั้นให้ฝันดี


ให้ผมได้พาตัวเองมาเดินลอดใต้กิ่งแดงสะพรั่งแห่งดงหางนกยูง
ที่กำลังฟ้อนดอกออกเริงร่ายระบำ
รับสายแสงสีทองและสายลมในยามค่ำแห่งคิมหันตฤดูไปทั่วทุกทิศทาง
ที่ให้งามสล้างกระจ่างไสวชัดในเรียวตาเสียเหลือเกิน


เสมือนผมกำลังเดินเพลิน....
บนพรมลายดอกไม้ดวงดอกแดงเด่นประดับพื้นหญ้าสีเขียวขจี
ที่งามฉับตัดฉึบราวกับมีมนตราลึกลับแห่งธรรมชาติ
มาสาดสีใส่ที่ยากยิ่งที่ใครจะคิดค้นเลียนแบบ
ทั้งแจกทั้งแถมให้สีสันงามฟรีไสวได้ปานฉะนี้..


และ
ด้วยมนตราราวภาพฝันแห่งตะวันลา
กับเวทีฟ้าเล่นแสงสีเรียวรุ้งราวประทานพรในฉากนี้
ทำให้ผมได้เดินดงหลงชมพงไพร
จนล่วงรุกล้ำเข้ามาในเขตเรือนไทย


ที่มีแนวรั้วไม้กั้นไว้
และกับป้ายแกะสลักเหนือบานประตูไม้สักทอง..เสากลมต้นใหญ่
ที่แหงนเงยขึ้นไปอ่านได้ใจความว่า 
*เรือนการะเกด*
การะเกด..การะเกด 
เพราะชื่องามดั่งนี้
ที่พาให้หัวใจคนกวีอย่างผมราวต้องเวทย์มนต์ชั่ววูบไหว...
จนหัวใจกระเจิงกระจุยราวไร้การควบคุม


และ...
จำต้องพาให้ผมค่อยๆลัดเลาะพาร่างราวผู้บุกรุก
เข้ามาในอาณาจักรวิมานดินวิมานไพร
ที่ราวย้อนยุคไปในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ประมาณนั้นเลย
ค่าที่เรือนไทยงามเกินคำเปรียบเปรย
และแวดล้อมด้วยดวงดอกไม้ไทยแมกไม้ไทย
พันธุ์แปลกตาหายากเป็นยิ่งนักในสมัยนี้


เพื่อ..ให้ผมได้มาพบเธอ..เธอ..คนดีที่แสนงามนี่ไงเล่า
ที่นะบัดนี้มายืนตรงหน้าทำตาดุใส่ผม
ผู้หญิงร่างบอบบางหากวงหน้าเรียวงามสล้างอย่างไทย
ที่ช่างแสนน่าทะนุถนอม...


เธอที่..ยิงคำถามใส่ผมมาเป็นชุด
ที่ช่างสะดุดใจเพราะไม่รับกับร่างอรชร
ในชุดผ้าถุงทอมืองามเรียบง่ายเชิงชายสีดอกผักตบม่วงละมุน
และ...
ที่หอมกรุ่นมาถึงจมูกผมคือ กลิ่นดอกการะเกดแน่ๆเลย
ที่มัดมุ่นมวยผมเธอเอาไว้
ให้กระจายหอมรายรอบและล้อมกรอบหน้าเธอละมุน


เธอ..ถามว่า*ผมจะไปไหน*
และ..
ทำไมถึง..มาถึงนี่และมีอีกหลายคำถาม..
หาก!!!
ไม่ถูกปรามด้วยเสียงคุณย่า...หญิงชราใจดีมีเมตตา
ที่กรุณาเชิญผมไปนั่งพักใต้ถุนเรือนริมน้ำ..


ก่อนที่จะตามมาด้วยน้ำดื่มลอยมะลิหอมในขันเงินใบน้อย
ที่วะวาววับ..
ทำให้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าของแสนรักความสะอาด..
และยังมีน้ำใจราวหยาดน้ำค้างแสนงาม
ราวคนไทยโบราณที่*ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ*


ผม..เลยได้รับฟังความงามใจจากวิถีไทยวิถีพุทธ
วิถีชาวชนบทที่แสนสงบสุขมาอย่างเนิ่นนานในละแวกนี้
ที่ผ่านกาลเวลามาหลายรัชสมัย..


ที่คุณย่าผู้แสนใจดีอารีมีเมตตาได้กรุณาเล่าให้ฟัง
และ..
ที่ผมเพียรนิ่งตั้งใจฟังอย่างมาก
ขอสารภาพได้เลยว่า..เพราะ..
ความอยากรู้และอยากเห็น
และ..อยากรู้ความเป็นไป
ของนามนวลน้อง..นวลนาง...นามว่าการะเกด..การะเกด
นี่อย่างไรคือแรงฝันบันดาลใจ..


คุณย่าเล่าหลายอย่าง
ทันทีที่ทราบว่าผมรักความเป็นไทย
มีหัวใจเกินร้อย
ที่จะอนุรักษ์ทุกสิ่งที่แสนดีแสนงามที่ยังให้งามละเมียดละมุน
และกรุ่นด้วยคำว่าประเพณีวัฒนธรรมอันยังงามล้นค่า
ด้วยท่าทีที่ผมเองแสนอ่อนน้อมถ่อมตน


จึงเป็นที่มา
ให้ผมได้ทราบที่มา
แห่งนามนวลน้องนามการะเกดการะเกดไปด้วย
ที่ผมอยากเสกให้เธอ
ที่นั่งพับเพียบได้เดินเกี่ยวก้อยชี้ชวนให้ผมชม
ทุกสรรพสิ่ง ที่นิ่งเงียบงามรายรอบบ้านเรือนไทย
ให้ผมประกอบการรับฟังถึงเรื่องราวหนหลัง


ที่ผมแสนโชคดีได้มาเกี่ยวพันโดยบังเอิญ
ฤาว่าพระพรหมสรรสวรรค์แกล้งก็ยังมิอาจคาดเดา
เอาเป็นว่าผมได้รู้ถึงที่มาที่ไป
แห่งนามนางในดวงใจนางในฝันราวรักแรกพบ
ก็คงจะเริ่มต้นไม่เลวนักดอกนะครับ
........
.........


คุณย่าเริ่มเล่าถึงเรือนไทยแสนงาม
และที่มา...
ในขณะที่เธอนั่งพับเพียบได้เรียบร้อยรออยู่มิไกล
และคอยทำตาดุใส่ผมเป็นระยะ ระยะ
เมื่อเห็นผมทำท่าซักถามในบางเรื่องมากเกินไปที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเธอ
ที่แสนแปลกดี ...


ที่ผมเพียรบันทึกตราจำไว้ในซอกลึกถึงบึ้งใจ
ในความทรงจำที่แสนงามล้ำ
ได้อย่างแม่นยำมาจนถึงนาทีนี้
และ..
โดยเฉพาะทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับความเป็น..*เธอ*
อิสสตรี...
ที่ผมหลงละเมอรอมาแสนนานราวชั่วกาลกัปป์กัลป์..!!!


อิสสตรีที่นาทีนี้..
ผมอยากคุกเข่าลงพลีภักดิ์สารภาพรัก
อย่างมิพักรอรีแม้นสักนาทีเดียวให้เสียเวลา


มาสิมามาฟังความเป็นเธอที่เลิศเลอล้ำ
ด้วยการได้รับการอบร่ำพร่ำบ่มให้คงค่าคำงามล้ำ
*อย่างหยาดน้ำค้างกลางไพรบนใบบัวในยามอรุณรุ่ง..
ที่รุ่งใสราว.*กุลสตรีไทย*โบราณ


จากคุณย่าผู้มิจิตไสววิสัยทัศน์แจ่มกระจ่าง
อย่างที่คุณเองก็คงเห็นด้วย 
หากผมจะเทิดทูนเธอและรักเธอ
เสมอเกียรติ์ศักดิรักจริงแท้อย่างลูกผู้ชาย
..........
และนี่คือ..ที่มา..จากน้ำคำคุณย่า...ผู้แสนน่ารักนัก
.....
......


เพราะ...บรรพบุรุษของเรา
ที่รักนิยามความงามแบบไทยไทย
ผู้มีใจดวงทองดวงพุทธ์ดวงพิสุทธิ์งาม
อยากหยุดโลกโศกสุขที่แสนหมุนเร็ว
ให้ยังคงมีค่าความงามล้ำคำกุลสตรีไทยใจดวงนวลนวล


ให้ช่วยกันคอยค่อยประคองรู้รักษ์
วัฒนธรรมแห่งชาติไทยประเพณีไทยให้ยังธำรงคงมั่น
สืบสานต่อไปในทุกวิถีพุทธภูมิสุวรรณภูมิแห่งอุษาอาคเณย์
อันแสนน่าปิติภาคภูมิใจในงามแสนงาม
แสนมลังเมืองประเทืองประทับใจไปทั่วโลกแล้ว..!!!


ครอบครัวการะเกด
จึงยังคงมีใจดวงละมุนละไมรักดวงดอกไม้ไทยไหวกิ่งฝัน
รักแมกไม้นานาพรรณแทบทุกชนิด
และ...
ในรอบหลายสิบปีหลายชั่วอายุคนมาแล้ว


ที่ยังคงมุ่งมั่น
ยังคงอนุรักษ์ทุกวัฒนธรรมประเพณีที่แสนละเมียดเอาไว้
รวมทั้งเรือนไทยแมกไม้เรือกสวนไร่นา
ที่คิดว่าคือวิถีทางอมตะงามแสนงาม
ตราบชั่วดินฟ้าตราบนานเนานิรันดร์
มิหันเหไปจากระบอบประกอบการเกษตรกรรม
ที่จะยังคงต้องทำกินมีกินทุกถิ่นที่ทั่วไทยทุกผอง
หากยังมีท้องร้องหิว..ใช่กินวัตถุมากมีในโลกแสงสีศิวิไลซ์ได้เสียที่ไหน


ให้อนุชนคนไทยรุ่นหลัง
ยังได้คงรู้ค่างามแห่งพลังความงามเรียบง่าย
ที่ใช้ชีวีอยู่บนพื้นฐานแห่งความพอดีพอเพียงเลี่ยงความวายวุ่น
รู้คุณค่าความเงียบงามสงบสุขสมถะที่คือพาให้
มิเบียดเบียนรุกเร้า


รู้ใช้เพียงธรรมชาติเป็นที่พึ่งพิงพึ่งพา
ได้มีดวงวิญญาราวหัวใจเจ้าดวงดอกไม้ไทยที่ราวกับอัญมณีไพรแห่ง
ผืนดินถิ่นทองให้ปองฝันพบยอดพระรัตนตรัย
ให้สร้างจิตดวงสวยใสสงบงาม
เพื่อฝึกเพียรพร่ำภาวนาพบพระธรรมอันแสนเรืองรองผ่องผุดพิสุทธิพราย


และ
นี่คือที่มา..แห่งร่มไม้ชายคาแห่งรักที่
รายรอบเรือนไทยยังคงมีแต่ต้นไม้..
ดวงดอกไม้ที่แสนหวานแฉล้มแต้มสวยสดสะพรั่งไปทุกที่
จนราวกับว่า..
การะเกดคนดี..เกิดมาก็มีมิ่งมิตรที่แสนดีตั้งแต่ยามเยาว์
นั่นคือแมกไม้ และสายน้ำนครไชยศรี
ที่ไหลรี่ไหลรี่ ไหลวนกล่อมกมลให้แสนรักธรรมชาติเสียเหลือเกิน


การะเกด ....
ได้เรียนรู้ชื่อต้นไม้ไทยหอมงามแปลกที่จดจำได้จนขึ้นใจ
เพราะมีตัวอย่างให้เห็นในทุกพัฒนาการ 
ราวเติบใหญ่มาพร้อมกัน


ที่ทุกคืนฝันวันงาม 
*การะเกด*ได้เดินดอมดมชมเพลินและสังเกตดู
มีซ่อนกลิ่น  พลับพลึง  กระดังงา 
ที่แยกไปเป็นกระดังงาไทย กระดังงาใหญ่ สะบันงา สะบันงาต้น
การะเวก จำปูน นมแมว บุหงา ลำดวน สายหยุด กุมาริกา ชำมะนาด
บานบุรีหอม พญาสัตตบรรณ พุดจีบ พุดฝรั่ง โมก ยี่โถ
ลั่นทม หิรัญญิการ์ จอก เดหลี ขจรชะลุดช้างนมตำเรีย


ปีบ ชงโค แสลงพัน โศก สายน้ำผึ้ง 
อุณากรรณ เล็บมือนาง
ลดาวัลย์ แสงจันทร์นวล เสาวคนธ์ จันทร์กะพ้อ 
พะยอม กาหลงบุนนาค
สารภี กัลปพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ตันหยง 
เถาวัลย์เปรียงปริกกันเกรา ราชาวดี


เทียนกิ่ง จำปา จำปี  มณฑา ยี่หุบ มโนราห์ ประยงค์ กระถินวิมาน
สนสร้อยบานเย็น นิลุบล สิธาสิโนบล มะลิวัลย์ 
พุทธชาติ  กล้วยไม้ หมาก ลำเจียก ประดู่
เสาวรส พวงแก้วกุดั่น พวงแก้วมณี 
กุหลาบ กาแฟ เข็มหอม เขี้ยวกระแต คัดเค้า
พุด พุดซ้อน พุทธชาติสามสี 
แก้ว พิกุล แวววิเชียร ราตรี กฤษณา สายน้ำผึ้งนางแย้มมหาหงษ์


และ..นี่เพียงเท่าที่...การะเกดจำได้
เพราะจะไม่มีวันลืมไม่ว่ายามตื่นหรือยามหลับ
ราวกับว่าทุกดวงดอกได้
มาร่ายฟ้อนมาฝากซ่อนกลิ่นอันแสนหอมหวาน
เศร้า อย่างอ่อนโยน..มาปลอบประโลม
ใจดวงน้อยเสมอมา


จนเสมือนเธอจะมีนาสิกที่แยกกลิ่นได้ไว 
จนรู้ว่ากลิ่นใดมาจากดวงดอกใดในพสุธานี้
ที่เพราะเหตุนี้เธอ จึงมีอารมณ์สุนทรีย์
ชอบนำดอกไม้หอมมาทำถุงหอมห้อยไว้ในตู้เสื้อผ้าและ
คอยคิดประดิดประดอย คอยปรุงน้ำหอมจากพันธุ์ไม้นานาและ


การะเกดจึงเลือกสาขาเรียนเกี่ยวกับพันธุ์ไม้พฤกษศาสตร์
ที่การะเกดอยากเรียนรู้และมีประสบการณ์
ในเรื่องสมุนไพรไทย
ที่สามารถนำมาใช้เป็นยานับพันนับหมื่นชนิด 


และ...
อยากให้มีการค้นคว้านำมาใช้ในชีวิต ของคนไทย
การะเกด ...
จึงได้เพียรปลูกพืชผักและสมุนไพรในเนื้อที่รอบๆ รั้วบ้าน
ให้สมกับค่ำคำของคนไทยมาตั้งแต่อดีต 
ดังคำเปรียบเปรยว่า คืบก็ยา ศอกก็ยาและอาหาร 


รอบรั้วเรือนการะเกด
จึงมีทั้งสมุนไพรที่เป็นทั้งอาหารและยา 
เช่น ผักเครื่องจิ้มทั้งหลาย เครื่องแกง ขิง ข่า ตะไคร้ 
ใบมะกรูด มะนาว โหระพา กะเพรา ยี่หร่า ผักชี 
ปลูกไว้รอบรั้วบ้าน เมื่อจะใช้ปรุงอาหาร
ก็สามารถเก็บมาปรุงได้ตลอดเวลา 
โดยไม่ต้องไปหาในป่าอีกต่อไป 

เพราะ..
การะเกดแสนภูมิใจในภูมิปัญญาของไทย
เธอจึงขยันปลูก 
ผักพื้นบ้าน ผักริมรั้ว 
ที่ล้วนแล้วแต่มากมีคุณค่าทางอาหาร 
เช่น กระถินมีโปรตีนสูง ตำลึงมีวิตามินเอสูง 
นอกจากนี้ยังมีผักอีกหลายชนิดที่มีคุณค่าทางอาหาร
และโปรตีนสูงกว่าผักที่ขายในท้องตลาด 
เป็นภูมิปัญญาที่น่ายกย่องในการเลือกผักเป็นอาหาร 


และ
จากการค้นคว้าศึกษา
เธอจึงทราบว่า
ผักที่นิยมใช้รับประทานบ่อยๆ 
สามารถปลูกไว้รอบบ้านได้นั้นมีมากถึง 67 ชนิด 
เช่น กล้วย ถั่วฝักยาว กะทือ ถั่วพู กระเจี๊ยบมอญ 
กระชาย กะเพรา ขมิ้นชัน ข่า ขิง ขี้เหล็ก ช้าพลู เป็นต้น 


ซึ่งหากได้มีการฟื้นฟูกันอย่างจริงจัง
เพื่อหารูปแบบการปลูกให้เกิดความสวยงาม ไม่รกรุงรัง 
และ..
ได้ประโยชน์ใช้สอย นับว่าเป็นการท้าท้าย
ภูมิปัญญาของคนรุ่นใหม่ ว่าจะสู้บรรพบุรุษได้หรือไม่ 
ในการสร้างสรรความงามให้คู่กับการดำรงไว้ซึ่งคุณประโยชน์


เพราะชีวิตเธอ ..
เกิดมาเพื่อผูกพันกับวิถีวัฒนธรรมธรรมชาติ
สายใยในชีวิตที่เธอซึ้งดีว่าคือพรหมลิขิตสวรรค์บันดาล
ให้ใจดวงงามของเธอสัมผัสถึง
ความงามล้ำลึกที่ตกผลึกภายในจิตวิญญาณของเธอ
ที่เธออยากผสมผสานความรู้ความสามารถ
เพื่ออนุรักษ์ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้


เพราะความอุดมนี้
คือพื้นฐานของวิถีไทย ภูมิปัญญาไทย
ไม่ว่าจะการสร้างบ้านเรือนไทย 
การแกะสลัก การนุ่งห่ม ด้วยผ้าไหม ฝ้าย การใช้ยาสมุนไพร
 การดัดตน การนั่งสมาธิ
หรืออยู่ภายใต้เงาไม้ร่มไม้
ที่เป็นป่าแบบธรรมชาติ 
การใช้พืชผักใบหญ้ามาปรุงอาหาร...


ก็ด้วยจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าและพืชพรรณ
อันเป็นเอกลักษณ์ไทยให้ยิ่งมีรสชาติและสีสัน
เพราะเมืองเรามีวัตถุดิบมากมาย
โดยเฉพาะอาหารและผักพื้นบ้านต่างๆ 


ที่การะเกดคิดว่าจะปล่อยให้สูญพันธุ์ไปได้หรืออย่างไร ในอนาคต
หากจึงมิเพียรปลูกแต่ไม้
ที่ไม่มีคุณค่าหรือเหตุผลในวิถีชีวิต 


หรือปลูกไม้ต่างประเทศซึ่งเน้นเรื่องความสวยงามเท่านั้น
 ที่จะทำให้ไม้พันธุ์พื้นเมืองสูญพันธุ์ไปในที่สุด 
เธอ...คนดีจึงคิดว่าควรหันกลับมาฟื้นฟูรณรงค์ปลูกพันธุ์ไม้พื้นบ้าน
ทุกแง่ทุกมุม เพื่อให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป 


และดวงใจการะเกด 
ถูกอบรมให้หอมร่ำพร่ำด้วยความงาม
คุณย่า สอนให้การะเกดได้เข้าใจว่า
ทำไมเราต้องปลูกต้นไม้รายรอบบ้าน
ทั้ง 8ทิศ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงลัทธิประเพณีความเชื่อเท่านั้น 
แต่ยังมีคุณค่าในการนำมาเป็นอาหารและเป็นยา ด้วย


และ
เป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ เป็นประโยชน์
เช่น การปลูกต้นมะยมไว้หน้าบ้าน 
เชื่อว่าจำทำให้คนยกย่อง 
ปลูกต้นยอเชื่อว่าจะทำให้อยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข 
มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีคนเชิดหน้าชูตา 
ปลูกต้นมะขามเชื่อว่าจะทำให้คนเกรงขาม อยู่ได้อย่างสงบ 


จะเห็นได้ว่าต้นไม้ต่างๆ 
ที่กล่าวมาแล้วนั้นล้วนมีประโยชน์ทั้งเป็นอาหารและยา 
นับว่าการปลูกต้นไม้ตามความเชื่อก็เป็นกุศโลบายอันหนึ่ง
ที่ทำให้คนไทยต้องขยันปลูกต้นไม้ไว้รอบบ้าน 
เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์โดยไม่ต้องเข้าไปหาในป่า
และยังส่งเสริมสุขภาพจิตได้อีกด้วย 
...........
..........


ทุกราตรีที่ดาวระดะดวง
กับปวงต้นไม้หอม ไม้ดอก ไม้ประดับ
ที่งามระยับไหวไกวกิ่งก้าน
ให้การะเกดได้สานฝันปันพลีจิต
และอุทิศชีวิตนิดน้อย
เพื่อคอยศึกษารอท่าเวลาเพียงแค่คืนกลับแก่ผืนดินแม่มาตุภูมิทอง


การะเกด มีความรักศรัทธาและเชื่อมั่นว่า
ว่าวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านสิ่งแวดล้อมนั้น
ไม่ใช่เรื่องที่ล้าหลังแต่มีความทันสมัย 
ในขณะที่โลกกำลังร้อนขึ้นทุกวัน 
การดำรงชีวิตติดดินถวิลไพรจึงเป็นเรื่องจำเป็น


การะเกดจึงพลีพลังเป็นวิทยากรพื้นบ้าน
ที่เพียรอยากฝากฝังให้ทุกดวงใจไทไทย
ช่วยกันมีวิสัยทัศน์ใหม่ในดวงจิต
รู้รักต้นไม้ให้มาก รู้ปลูกไม้หลากหลาย
คือปลูกทุกครอบครัว


จะช่วยให้อากาศรอบๆ ตัวในครอบครัว ชุมชน
 และสังคมบริสุทธิ์ โดยเป็นผลมาจากต้นไม้
ช่วยฟอกอากาศให้ 
ปัจจุบันเป็นยุคที่ต้องการอากาศปลอดสารพิษ 
ยังให้ความร่มรื่น ร่มเย็นเป็นร่มเงา
ป้องกันแสงแดด ช่วยส่งเสริมด้านกำลังใจและคติความเชื่อ 
ใช้เป็นอาหาร รวมทั้งเป็นยา 


จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายภูมิปัญญาของคนปัจจุบัน
ว่าจะสามารถต่อเทียนภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไว้ได้หรือไม่
โดยเฉพาะอาหารและผักพื้นบ้านต่างๆ 
จะปล่อยให้สูญพันธุ์ไปหรืออย่างไร 
.........
..........


และ....
นี่คือ...*อิสสตรี**
ที่คือรักคือความยิ่งใหญ่ในดวงใจผม
ผู้ชายคนกวี..ที่หลงรักสายลมแสงแดด ดินน้ำลมไฟ
ที่มิเคยปันใจวิ่งตามโลกศิวิไลซ์ได้เลย


ผม..ผู้ชายชาติไพร
ที่มีจิตดวงใสเชื่อในลิขิตสวรรค์มั่นใจในเรื่องบุพสันนิวาส
ที่ฟ้าเบื้องบนได้ประทานพรมาให้
ทุกบทตอนแห่งมนุษย์ชาติ
มีชีวิตผิดแผกแตกต่างกัน..ไปตามวิบากกรรมวิบากเก่า
หรือเงาแห่งแรงบุญหนุนนำน้อม
เพื่อมาให้พบมาหลอมร่างพลี
ได้มามีชีวีรักกัน..เข้าใจกัน


หากสำหรับผมนั้น..ทุกคืนวันที่เพียรอธิษฐานจิตภาวนา
หากฟ้าเป็นใจขออย่าให้ผมได้พบรักพันธนาเลย..!!!!
และ
หากกรรมเก่ายังมิหมดจำต้องให้ชดใช้


ก็ขอให้ได้เลือกรักภักดีผู้หญิงในฝัน
ที่ผมมีเพียงสิ่งเดียว
คือขอให้เธอคนนั้น
มีพลังรักศรัทธาเชื่อมั่น
ในความงามแบบสมถะรู้ค่าคำความพอดีพอเพียง
และมีธรรมะ รักธรรมชาติ
ในชีวิตดวงน้อยนิดในจิตวิญญาณนี้
ที่แค่มาวางพลี
เพื่อเสพธรรมและปันแบ่งเพื่อผองชนใช่กอบโกย!!!!
.........


นาทีนี้ผมจึง คิดว่าหากผมโชคดีได้มีเธอคนดี
ที่ชื่อ...*การะเกด..การะเกด ..มาพลีร่างวางจิต
มาเป็นคู่ชีวิตมาเคียงข้างมิร้างแรมทางธรรมะ ธรรมชาติ
ผมคงไม่เสียชาติเกิด
ที่จะได้ประคองกันไป..
สู่ร่มรัก...
ร่มพระรัตนตรัย..
ที่เรียกกันว่าคือ*ความสุขนิรันดร์.*.........!!!!!!!!!!!
*********************


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
บุพเพสันนิวาส 
สุนทราภรณ์ ประพันธ์ สุนทรจามร 
เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด
บุพเพ สันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์
คู่ ใคร คู่ เขา รักยังคอย เฝ้าชม
คอยภิรมย์ เรื่อย มา
ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น
บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้
ห่าง กัน แค่ ไหน เขาสูงบัง กั้นไว้
รักยังได้ บู ชา
ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กันนา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา
ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กัน มา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา... 
 
  
 
				
comments powered by Disqus
  • ต้นเกดค่ะ

    4 พฤษภาคม 2548 19:15 น. - comment id 462042

    เป็นกลอนที่น่าสนใจมากค่ะ41.gif     
    
    จาก  คนที่ชื่อ  การะเกด
  • ChorChongKoh

    4 พฤษภาคม 2548 21:00 น. - comment id 462068

    55.gif สวัสดีค่ะ คุณพุด
    
           ช่อชงโค เข้ามาเยี่ยมค่ะ
    หลังจากบ้านกลอนปรับใหม่แล้ว น่ารักมาก
    
    งานของคุณพุดอ่อนไหว อ่อนหวานเสมอ
    แต่ตอนนี้ รายชื่องานจะเลื่อนหลุดไปจากจอ
    เร็วมากๆ เลยรีบมาทักทายค่ะ...
    
    คิดถึง..คนหัวใจเปี่ยมรัก...16.gif
    
    สวัสดีค่ะ.....36.gif ช่อชงโค..ช่อเดิม 58.gif
  • อัลมิตรา

    4 พฤษภาคม 2548 22:01 น. - comment id 462088

    อ่า !!.. อัลมิตรารู้จักต้นไม้ ดอกไม้ น้อยมาก ๆ  ดังนั้นอัลมิตราจึงไม่มีโอกาสรู้จักกับหมอกานต์ ..
    
    หมอน่ะ น่ากลัวจะตาย 
    ตาคมกริบ .. ดุแบบขรึม
    ถ้าบอกว่าฉีดยาเจ็บ ประเดี๋ยวคนที่นี่จะพลอยคิดกันไปไกล
    แต่ก็จริงนะ .. กลัวหมอ มากกว่ากลัวพ่อแม่เสียอีก ..
  • tiki

    4 พฤษภาคม 2548 23:17 น. - comment id 462127

    พุด รูปพุด สวยมากนะคะ
  • ผู้หญิงไร้เงา

    4 พฤษภาคม 2548 23:20 น. - comment id 462130

    11.gifอยากเปลี่ยนชื่อจากผู้หญิงไร้เงาไปเป็นชื่อการะเกดจังเลยค่ะ อิอิ    คิดถึงพี่พุดนะค่ะ  มาก ๆ ด้วยหละ11.gif
  • ดอกข้าว

    5 พฤษภาคม 2548 04:52 น. - comment id 462223

    10.gif...เยี่ยมพี่พุดนะครับ
  • rain..

    5 พฤษภาคม 2548 07:38 น. - comment id 462244

    36.gif   ..  เรน.. ขอ นุ\' ญาต.. พี่พุดพัดชา..
     ก๊อปไปอ่าน .. นะคะ ..
    
         แบบตอนนี้ ..  เรนอยากมาทักทาย..
     อรุณสวัสดิ์.. พี่คนดี..ของเรน นะคะ ..58.gif
  • แก้วประเสริฐ

    5 พฤษภาคม 2548 12:43 น. - comment id 462340

    55.gif  มาอ่านงานอันงดงามของดอกพุดสาวน้อยแห่งบ้านนาคราใดจะระวิงทันที ยิ่งอ่านโคลงของท่านนรินทร์ธิเบศร์ซึ่งผมชอบมากกว่าโคลงอื่นๆด้วย ใจนี้ซิกระเจิงเลยล่ะ  อ้าวคุยมาแล้วไม่ไประยองสัญจรกับเขาบ้างหรือ  อิอิ อยากพบพุดจังเลยล่ะพยายามอ่านข่าวติดตามนึกว่าจะไปด้วยนา  46.gif16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน