url=http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=973 ใกล้ค่ำแล้ว.. หากสวรรค์มีตา มองลงมา... จะเห็นร่างๆหนึ่งในชุดสีฟ้าอมโศกนอนระทม ตรมด้วยพิษไข้รุมๆทิ้งทอดตัวนิ่งงัน... ท่ามกลางลานกว้างบนระเบียงบน ปนกลิ่นหอมเศร้า พราวดวงของการะเวกเลื้อยพัน..ลำพัง กับโมกกระจิ๊ดที่พลันร่วงดวงดอกพราวนวล ลงห่มหอมห้อมร่างรานราวปรานีปลอบประโลม.. เธอทำเสมือนไร้ร่างใจ ไหวเพียงจิตยกลอยขึ้น ไปสู่ฟากฟ้ากว้างแสนกว้าง ไปนั่งไกวชิงช้าเมฆ เสกมนต์ทิพย์หยิบสายหมอกสายไหมมา พันร่างพลางเอื้อนขับโศลกเสภาโศก พลีแด่โลกที่รอรับดับดวงพร้อมกัน ........ อ้าดูอโศกนี้ ศรีไสววิไลตา อยู่หว่างกลางพนา เป็นสง่าแห่งแนวไพรฯ ชุ่มชื่นรื่นอารมณ์ ลมเพยพัดระบัดใบ ดูสุขสนุกใจ เหมือนแลดูจอมภูผาฯ อโศกดูแสนสุข ช่วยดับทุกข์ด้วยสักครา โศกเศร้าเผาอุรา อ้าอโศกโรคข้าร้ายฯ อโศกโยกกิ่งไกว จงตอบไปดั่งใจหมาย ได้เห็นพระฦาสาย ผ่านมาบ้างฤาอย่างไร พระนั้นชื่อพระนล ผู้เรืองรณอริกษัย เป็นผัวนางทรามวัย นามนิยมทมยันตีฯ -พระราชนิพนธ์พระนลคำหลวง สรรคที่ ๑๒ ......... และ..หวัง ให้ลอยไปไกลแสนไกล.... สู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์หรือไกลกว่านั้น ไปชั้นนิพพานที่ดวงใจเธอหวังสิ้นรานว่างไสวรอรับ.. โลก..เบื้องล่างช่างสับสน ด้วยผู้คนคนคน อลหม่านมากมายว่ายเวียนวกวนวิบาก.. หยาดน้ำตาเธอพร่างรินมิสิ้นสาย ราวหยาดน้ำค้างแก้วแวววะวับ หวัง... ดับร้อนในทุกดวงใจให้หยาดเย็น.. เห็นในทุกข์..พบวิมุตติงาม.. เช่นเฉกกัน.. เธอ..หลับตา... พาจิตนิ่งสนิทไปพบทิพยสถาน ปาน*ในเรื่องกามนิตวาสิฎฐี* ที่เธอพลีจิตใสไสวพร่าง ด้วยพลังแห่งปิติเกษม รับงามแห่งละอองเกสรธรรมภักดิ์ ที่เธอแสนรักอักษรา จากยอดบรมครูทางภาษาไทย อันแสนวิจิตรตระการยิ่งใหญ่ในมโนนึกนัก... *ท่านเสฐียรโกเศศ (2431-2512) - นาคะประทีป (2432-2488) แปล กามนิต เป็นงานที่เสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป แปลเรียบเรียงจากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของจอห์น. อี. โลจี (John E. Logie) จากเรื่อง The Pilgrim Kamanita ที่แปลจากบทประพันธ์ ภาษาเยอรมัน ของคาร์ล อดอล์ฟ เจลลิรูป (Karl Adolph Gjellerup) กวีและนักเขียนชาวเดนมาร์ค (พ.ศ.2400-2462) ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม พ.ศ.2460 ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2473 .. .......... เธอ..ขอขอบคุณยอดดวงใจ ที่มอบพลังงามยิ่งใหญ่นี้ให้ ได้ค้นพบ*ความมหัศจรรย์ในนิรันดร์รักนี้* ที่แสนบรรเจิดจิตนิรมิตธรรม มาน้อมน้ำใจ มิให้ใหลหลงคงเศร้าหมองนาน หากเพียรพารำงับดับได้ด้วยดวงดอกน้ำใส ในอมตรสแห่งจากพุทธพจน์สัจจวาจา อันแสนงามล้ำค่า นำมายึดมั่นบูชา เหนือจิตวิญญาญ์ดวงดีดวงนี้ที่รู้วางว่าง ในท่ามกลางโลกย์สมมุตินี้ ที่ทุกสิ่งคือแค่สิ่งที่พรายพรมราวลมพัดไหว แล้วผ่านไปๆมิช้านาน... หวัง..เพียง.. *ดอกบัวแก้วแห่งตระการจิตใสเกษมสงบ* จักบานคู่กันในวันสิ้นลม..นะทุกยอดดวงใจ.. ************ ดวงใจในฝัน อรวรรณ เย็นพูนสุข : : Key Eb รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง ฝังใจพะวง หลงรอคอย อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา จนใจ ไม่มีใครเมตตา เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา...
22 กุมภาพันธ์ 2548 09:57 น. - comment id 429210
http://www.rsu.ac.th/soc/corner17.html http://www.khonnaruk.com/html/book/liturature/kamanita/kamanita-06.html ************ ณะเมื่อพระศาสดาเจ้า ตรัสถ้อยคำเหล่านั้นอยู่กับพระสาวก ณ หอนั่งนายช่างหม้อจังหวัดราชคฤห์นั้น กามนิตชายอาคันตุกะผู้จาริกแสวงบุณย์ดับจิตแล้วไปตื่นขึ้น ณ สวรรค์สุขาวดี อันว่าสุคติภูมิที่สำคัญยิ่งนัก คือมหาสระปทุมทิพยสถาน เป็นอุบัติภพสำหรับรองรับวิญญาณแห่งบรรดาสาธุชนผู้ประกอบกุศลจรรยา มีใจผ่องแผ้วสุจริต ให้ถือเอาซึ่งปฏิสนธิจิตเป็นอุปปาติกชาติย์โดยธรรมนิยม แล้วและเสวยสุขารมณ์เกษมศานต์โสมนัส เป็นศุภผลสนองกัลยาณสมบัติที่ประพฤติไว้ในไตรทวาร จึ่งกามนิตผู้ตื่นขึ้น ณ สระมโหฬารรุจิราลัยนี้ บังเกิดมีสรีราพยพห่อหุ้มด้วยรัตกัมพลวิภูษิต มีเชิงชายระบายวิจิตรรุ่งเรืองระยับตา ห้อยย้อยเป็นระย้าระยาบอยู่รอบตัวสีสดชื่นเฉกกลีบบัวบานและอ่อนละมุนเป็นอันดี ส่วนอาการวิธีมีผิดแผกจากครรภไศยกสัตว์ กล่าวคือ กำลังนั่งขัดสมาธิบัลลังก์อยู่บนดอกบัวอันส่งสีรับกับผ้ากัมพลนั้น ชูก้านลอยเด่นเป็นสำคัญกลางสระใหญ่กว้างขวาง ก็และดอกบัวอย่างที่กามนิตสถิตนิสีทนาการย่อมมีอยู่ไสวในสระไพศาลเหลือคณนา ทรงสีสัณฐานต่างกัน ตามเวลาช้าหรือเร็วที่บังเกิดเพราะเป็นผลบุณย์อันประเสริฐแห่งกัลยาณชน ขึ้นไปอุบัติคอยท่าเจ้าของเมื่อถึงคราวบ้างแดง บ้างเขียว บ้างขาว ที่เพิ่งผลิแต่ยังตูมอยู่ก็มากมี ชนิดขยายกลีบเต็มที่แล้วเหมือนอย่างดอกซึ่งกามนิตนั่งอยู่ ก็นับไม่ถ้วน แต่ละดอกล้วนมีสุขุมสรีระทรงพัสตราภรณ์งดงามอร่ามตา ปรากฏอินทรีย์โผล่ออกมาจากกลีบบัวบาน ณ พื้นชานตลิ่งอันลาดเอนขึ้นไป เป็นลานหญ้าผืนใหญ่ราบรื่นขจีเขียว ระดาดาษด้วยไม้ดอกบ้างกอบ้างชะลูดเรียวสารพัดพรรณ ชูช่อบุปผชาติเป็นชั้นๆ สลับสีสดชดช้อยอรชร เสมือนรัตนากรกองแก้วมณี บรรดาสีหลากประหลาดในมนุษย์โลกทั้งใหญ่น้อยและมาลอยขึ้นไปรวมสลอน ณ ลานนั้นแลสล้าง แต่ทว่าความเข้มแข็งกระด้างแห่งดอกไม้ดุจลักษณะที่มนุษย์รู้อยู่เดิมที มาเป็นของอ่อนละมุนแม้นสำลีนุ่มนิ่มน่าสัมผัส ส่งกลิ่นอบอวลหวนหอมจัดยิ่งกว่าความหอมแห่งน้ำหอมวิเศษ ที่บรรจุไว้ในภาชนะแก้วเจียระไน และทรงความหอมตามธรรมชาติดอกไม้อันสดชื่นบริบูรณ์ทุกประการ ถัดชายตลิ่งปานว่านิรมิตไว้นี้ และมองแลขึ้นไปก็ทวีความเพลิดเพลินมิรู้เบื่อ มีป่าไม้เป็นขนัดไปทางเหนือสะพรึบพรั่งด้วยพฤกษชาติดาษดา มียอดเยี่ยมฟ้า บ้างใบหน้าเป็นพุ่มใหญ่ บ้างสูงเรียว มีใบเขียวอย่างมรกตสดสะอาดเย็นนัยน์ตา บ้างแตกดอกออกช่อตามสาขาดูดั่งดวงมณี เชิดเด่นเป็นช่อๆ บางทีก็โน้มเข้ารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วก็แหวกเป็นช่องเป็นแนวทางในกลางวนันดร แลเห็นโล่งโปร่งตลอดตอนไปกระทั่งถึงภูเขาอันงามยวนตายวนใจเหลือพรรณนา กอปรด้วยแก้วมณีศิลาอ่อนขาวสะอาด มีพรรณไม้ต้นเตี้ยๆ ขึ้นเป็นพืดเพียงว่าอากาศเป็นผืนผ้าม่านเนื้อบาง มีบุปผชาติเป็นดอกดวงปกคลุมอยู่ แต่ในที่ตอนหนึ่ง อันเว้นว่างจากสุมทุมพุ่มไม้และหินผาปานว่าจะแหวกทางไว้ให้แก่กัน ที่ตอนนั้นคือแม่น้ำมีกระแสไหลเอื่อยๆ เป็นทางไป คล้ายแสงดาวเดียรดาษในท้องฟ้าทอดลำลงไปสู่สระมหามณฑล เบื้องบนแดนอันตระการ เป็นท้องฟ้าโค้งคล้ายครอบไว้ด้วยเพดานสีน้ำเงิน ซึ่งค่อยจัดเข้าเมื่อถึงตอนขอบฟ้า และภายใต้ขอบฟ้าครอบนี้ มีก้อนเมฆสีขาวสะอาดเป็นเงินยวงก้อนน้อยๆ ห้อยย้อยเป็นกลุ่มๆ เกลื่อนคัคนัมพร แต่ละก้อนมีอัปสรทรงโฉมวิลาสสถิตเอนอิงขับสังคีตทิพยดนตรี เสียงไพเราะเสนาะมี่ หวานซ่านคะครึ้มไปทั่วแดนนั้น อันบนท้องฟ้า หามีดวจสูรย์ส่องแสงไม่ อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องมี เพราะที่ก้อนเมฆที่เทพอัปสร ที่ภูเขาและดอกไม้ ที่น้ำและสระบัว ที่พัสตราภรณ์ของผู้อยู่ในแดนนั้น ตลอดจนดวงหน้าเทพบุคคล ล้วนมีรัศมีฉายแสงสว่างรุ่งเรืองยิ่งกว่าแสงสูรย์ แต่ว่าไม่บาดตาทั้งอากาศที่อบอุ่น ก็มีละอองน้ำอันหอมชื่นมาปรุงโปรย โชยให้สดชื่นรื่นเริงสำราญใจซึ่งในมนุษยพิภพหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อกามนิตค่อยรู้สึกคุ้นกับอารมณ์ในสุคติภูมิอันสง่างามนี้ สร่างความพิศวงงงงวยมีความรู้สึกเป็นปกติแล้ว มองดูเหล่าผู้อื่นอันมีลักษณะคล้ายกับตน ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก็ในดอกบัวที่ลอยอยู่ ก็สังเกตเห็นว่าผู้ที่มีเครื่องนุ่งห่มแดงเป็นเทพบุตร ส่วนที่นุ่งห่มขาวเป็นเทพธิดา พวกที่นุ่งห่มสีน้ำเงินก็มีบ้าง แต่ว่าเป็นชายก็มีหญิงก็มาก ทิพยบุคคลเหล่านี้ล้วนอยู่ในวัยหนุ่มสาวทั้งนั้น และดูเป็นผู้มีใจดีทั่วไป ผู้อยู่ใกล้กามนิตผู้หนึ่งสวมเครื่องสีน้ำเงิน มีกิริยาอาการแสดงว่าน่าจะปราศรัยเป็นมิตรกันได้ กามนิตก็เกิดความกระหายที่จะสนทนาด้วย จึ่งคิดว่า นี่เราควรจะไต่ถามผู้มีสุขคนนั้นดีหรือไม่หนอ? เพราะอยากจะรู้เหลือเกินว่าเวลานี้เราอยู่ที่ไหน ทันใดนั้น กามนิต เกิดความประหลาดใจเป็นที่สุด เพราะมีคำตอบ ซึ่งไม่ปรากฏเสียงหรืออาการเคลื่อนไหวแห่งริมฝีปากของผู้สวมเครื่องสีน้ำเงิน ว่า ดูก่อนผู้นฤทุกข์ ท่านนั้นอยู่ในสวรรค์สุขาวดีแดนบรมสุข กามนิต เผลอตัวนึกถามต่อไปว่า ดูก่อนท่านผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง เมื่อข้าพเจ้าลืมตาก็ได้เห็นท่านทันทีอยู่ในที่นี้แล้ว ท่านลืมตาตื่นในคราวเดียวกับข้าพเจ้า หรือว่าอยู่ที่นี่มานานแล้ว? ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มานานจนจำไม่ได้ ถ้าไม่ได้เห็นดอกบัวบานและมีผู้เกิดมาใหม่อยู่เนืองๆ และถ้าไม่ได้กลิ่นหอมแห่งดอกปาริชาต ข้าพเจ้าก็คงเชื่อว่าได้มาอยู่นับเวลาเป็นอนันตกาลแล้ว กลิ่นหอมอะไรนะ ที่ท่านกล่าว? ท่านจะพบและทราบเองในไม่ช้า ปาริชาต เป็นต้นไม้น่าพิศวงยิ่งใหญ่ มีอยู่ในสวรรค์นี้ เสียงดนตรีทิพย์แห่งนางเทพอัปสร ซึ่งฟังเหมาะเจาะเข้ากับการสนทนาที่ปราศจากปากพูดนี้จริงๆ เป็นเสียงที่คอยผสานรับไห้เข้ากับจังหวะสนทนาทุกประโยค กระทำให้การไต่ถามและตอบมีความหมายเข้าใจได้ลึกซึ้ง อันวาจาสามัญมิสามารถจะทำได้ เป็นเหตุให้กามนิตนึกสาวถึงความหลังได้เงาๆ แต่ก็ไม่สามารถจะระลึกได้ตลอดอยู่ที่ ได้หยุดนึกไปครู่หนึ่งแล้วก็นึกพูดว่า สิ่งที่น่าพิศวงยิ่งใหญ่คือสิ่งไหน? ข้าพเจ้าคิดว่าบรรดาสิ่งน่าพิศวงทั้งหมดซึ่งมีอยู่ที่นี่ อะไรน่าพิศวงที่สุดเท่ากระแสลำธารอันงามที่ไหลลงสู่สระของเรานี้ เทพบุตรเครื่องน้ำเงิน คงคาสวรรค์ กามนิต นึกพูดคล้อยตาม คล้ายความฝันว่า คงคาสวรรค์ แล้วเหมือนจะนึกถึงความหลังขึ้นได้ แต่แล้วเค้าเงื่อนก็กลับหายไปหมด นึกไม่ออก เสียงดนตรีทำให้ซาบซึ้งคล้ายๆ จะนึกได้ แต่แล้วก็เลือนๆ ไป มุมหนังสือ > บทกวี-วรรณกรรม > กามนิต --------------------------------------------- สารบาญ ประวัติผู้เขียน-ผู้แปล คำนำ ๑ พระพุทธเจ้าเสด็จกลับเบญจคิรีนคร ๒ พบ ๓ สู่ฝั่งแม่คงคา ๔ สาวน้อยผู้เดาะคลี ๕ รูปวิเศษ ๖ บนลานอโศก ๗ ในหุบเขา ๘ ดอกฟ้า ๙ ใต้ดาวโจร ๑๐ รหัสยลัทธิ ๑๑ งวงช้าง ๑๒ ที่ฝังศพของวาชศรพ ๑๓ เพื่อนบุณย์ ๑๔ ผู้เป็นสามี ๑๕ ภิกษุโล้น ๑๖ เตรียมรับมือ ๑๗ สู่ความเป็นผู้ละบ้านเรือน ๑๘ ในห้องโถงบ้านช่างหม้อ ๑๙ พระศาสดา ๒๐ เด็กดื้อ ๒๑ ในท่ามกลางความเป็นไป ๒๒ ภูมิสุขาวดี ๒๓ การต้อนรับแห่งชาวสวรรค์ ๒๔ ต้นปาริชาต ๒๕ บัวบาน ๒๖ สร้อยแก้วตาเสือ ๒๗ สัจกิริยา ๒๘ บนฝั่งคงคงสวรรค์ ๒๙ ท่ามกลางกลิ่นหอมแห่งดอกปาริชาต ๓๐ มีเกิดก็มีตาย ๓๑ ปิศาจที่บนลาน ๓๒ สาตาเคียร ๓๓ องคุลิมาล ๓๔ นรกหอก ๓๕ การบูชาอันบริสุทธิ์ ๓๖ พระพุทธและพระกฤษณ์ ๓๗ ดอกฟ้าเหี่ยว ๓๘ พรหมโลก ๓๙ ความมืดแห่งโลกานุโลก ๔๐ ในสุมทุมพุ่มไม้พระกฤษณ์ ๔๑ โอวาทอย่างง่ายๆ ๔๒ ภิกษุณีอาพาธ ๔๓ มหาปรินิพพาน ๔๔ พินัยกรรมวาสิฏฐี ๔๕ กลางคืนและรุ่งเช้าในสกลจักรวาล > ๒๒ ภูมิสุขาวดี
22 กุมภาพันธ์ 2548 10:07 น. - comment id 429213
ก ามนิต มองตามพวกเหล่านั้น และเลื่อนลอยไปแล้ว ก็ให้พิศวงในสิ่งที่น่าพิศวง สิ่งต่างๆ ทุกอย่าง ณ ที่นี้ ซึ่งดูรู้สึกว่าแปลกประหลาดมากเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผลเป็นไฉนหนอ? ถ้าว่าเราเป็นผู้อยู่ในที่นี้ ก็เหตุไรสิ่งต่างๆ ทุกอย่างจึ่งดูไม่เหมือนธรรมดา? ได้เห็นสิ่งใดขึ้นใหม่ทุกคราวไป ก็ทำให้ประหลาดใจฉงนสนเท่ห์เสมอ เช่น กลิ่นหอมอะไรที่ผ่านมาเดี๋ยวนี้ หอมผิดกว่ากลิ่นดอกไม้อื่นซึ่งมีอยู่ในที่นี้ กลิ่นหอมยิ่ง ชวนให้สูด แต่ว่าให้ปั่นป่วนใจ กลิ่นนี้มาจากอะไรหนอ? และตัวเราเล่าก็มาจากไหน? รู้สึกว่าเพิ่งมาอยู่เป็นเวลาได้ครู่เดียวเท่านั้น หรือว่ามีชีวิตขึ้น แต่ทว่ามีมาจากไหน? และเพราะอาการอย่างไรจึ่งมาอยู่ที่นี่? ขณะ กามนิต คิดถึงปัญหาเหล่านี้ ร่างกายเลื่อนลอยไปโดยตนเองไม่สังเกต รู้สึกเลื่อนลอยขึ้นจากทุ่ง ลอยสูงขึ้นทุกที แต่ไม่ได้ไปในทางที่ผู้อื่นไป ครั้นลอยขึ้นไปในช่องระวางยอดเขาแห่งหนึ่ง ได้กลิ่นหอมอย่างใหม่และอย่างแรง แต่กามนิตยังเลื่อนลอยขึ้นสูงต่อไป ผ่านพ้นภูเขาไป รู้สึกว่าภูมิประเทศทรามความงามลงไปบ้าง ดอกไม้ที่เดียรดาษก็น้อยลง สุมทุมพุ่มไม้แน่นหนาทึบเข้า หินผาไม่สู้น่าดู ซ้ำสูงเก้งก้างกว่าเก่า มีเนื้อทรายกำลังกินหญ้าเป็นฝูงๆ แต่ผู้เสวยสุขในที่นี้ มีน้อยจำนวน และมักจะอยู่โดดเดี่ยว หุบเขาที่กามนิตผ่านไปค่อยแคบเข้า ในที่สุดเป็นซอกผา ถึงตรงนี้กลิ่นหอมยิ่งจัดขึ้นลิ่วๆ ลอยต่อมาโดยเร็ว หินผาที่ผ่านมาก็ลุ่นโล่ง และสูงขึ้นทุกทีคล้ายกับเป็นกำแพงกั้นไว้จนมองไม่เห็นช่องทาง อครั้นแล้วช่องเขาก็เลี้ยวหักมุมสองสามแห่ง และในทันใดนั้นก็เป็นช่องว่างขึ้น ดูบริเวณรอบตัว เห็นเป็นหุบเขาลึก มีหินผาสกัดกั้นไว้ด้วยยอดสูงลิบลิ่วดูเหมือนจดขอบสวรรค์ กลางหุบเขามีไม้ประหลาดต้นหนึ่ง ลำต้นและกิ่งเรียบรื่นเป็นสีแดงดั่งแก้วประพาฬ ใบแกมเหลืองแก่มีดอกแดงเข้มส่งสีรุ่งโรจน์ราวกับจะลุกไหม้ เหนือยอดชะง่อนผาและยอดไม้นั้น เป็นท้องฟ้าสีน้ำเงินแก่ จะหาเมฆสักก้อนก็ไม่มี เสียงทิพยดนตรีไม่แล่นมาถึงได้พอ แต่ว่าในอากาศยังสะเทือนอยู่ ประหนึ่งว่าเป็นกระเส็นกระสายของคลื่นเสียงดนตรีที่เคยได้ยินมานานแล้ว แต่ระลึกเสียงได้รางๆ ในหุบเขานั้น มีสีสันก็เพียงสาม คือสีน้ำเงินแก่ของท้องฟ้า สีเขียวของหิน และสีแดงประพาฬของต้นไม้ และมีกลิ่นหอมเป็นกลิ่นเดียว กลิ่นหอมอันน่าพิศวงไม่เหมือนกลิ่นหอมอื่นๆ เป็นกลิ่นมาจากดอกไม้สีแดงจัด ซึ่งเท่ากับดูดดึงให้กามนิตมา ในทันใดนั้น ลักษณะประหลาดแห่งกลิ่นหอมก็เริ่มสำแดงอาการ กล่าวคือ ขณะกามนิตสูดกลิ่น ซึ่งตลบฟุ้งอยู่ทั่วหุบเขานั้น ความรู้สึกระลึกเรื่องหนหลังได้แล่นพรูเข้าสู่ใจโดยเร็ว ทำลายทะลุฝ้ามืดที่กำบังไว้ ตั้งแต่ตื่นขึ้นในสระจนบัดนี้ กามนิต ระลึกถึงความเป็นไปในอดีตได้ตลอด เห็นหอนั่งในบ้านชายปั้นหม้อ ซึ่งตนเคยนั่งสนทนากับพระภิกษุองค์หนึ่ง เห็นตรอกในกรุงราชคฤห์ ซึ่งตนกำลังวิ่งรีบเร่งไป เห็นโคมาขวิด เห็นภาพของคนที่ตกใจมามุงดูตน รวมทั้งเหล่าพระภิกษุนุ่งห่มสีเหลือง เห็นป่าและหนทางในละแวกบ้านที่ตนผ่านจาริกมา เห็นคฤหาสน์อันโอฬารของตน เห็นภริยาทั้งสอง เห็นเหล่านางคณิกาในกรุงอุชเชนี เห็นพวกโจร เห็นสุมทุมพุ่มไม้พระกฤษณ์ เห็นลานอโศก และวาสิฏฐีเห็นบ้านบิดา เห็นห้องของลูก อถัดจากชาติที่ติดต่อมานี้ ระลึกเห็นชาติเหนือๆ ขึ้นไปโดยลำดับ ในชาติใกล้ๆ พอเห็นชัดเจนดี แต่ที่ห่างๆ ออกไปเป็นลัวๆ เลือนๆ ทุกที จนไกลลิบก็เห็นเป็นกลุ่มเดียวไม่สามารถแบ่งเป็นชาติๆ ได้ เปรียบเหมือนต้นไม้สองฟากถนนนอกเมือง ที่ใกล้เห็นจะแจ้งทีละต้น ที่ถัดไปก็เห็นจางออกไปจนในที่สุดเห็นเป็นทิวพืดติดกันหมด อตอนนี้ ความคิดกามนิตก็หมุนวุ่น และในทันใดนั้นรู้สึกตนมาอยู่ในซอกหินอีกมีลักษณะดั่งใบไม้ที่ถูกลมพัดลอยคว้างๆ เพราะกลิ่นหอมแห่งดอกปาริชาต ไม่มีใครๆ ทนสูดในครั้งแรกได้นาน ความนึกที่จะรักษาตน ในขณะที่รู้สึกวิงเวียนในคราวแรกเป็นเครื่องช่วยให้พ้นจากที่นั้นไป สักครู่หนึ่ง เมื่อกามนิตเลื่อนลอยเงียบๆ มาในหุบเขาที่กว้างใหญ่ ก็รำพึงว่า บัดนี้เข้าใจแล้ว ว่าทำไมเทพธิดาเครื่องขาวจึ่งได้กล่าวเป็นทีว่า เราเห็นจะยังไม่ได้ไปที่ต้นปาริชาต และเวลานั้นจึ่งยังไม่เข้าใจคำที่เขาพูดถึง รูปที่คล้ายความฝัน แต่บัดนี้รู้แล้วเพราะเราก็ได้เห็นเป็นเช่นนั้นในชาติก่อน และก็ยังรู้ด้วยว่า เพราะเหตุอะไร เราจึ่งมาอยู่ที่นี่ เราปรารถนาจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่สวนมะม่วงจังหวัดราชคฤห์ แต่ความปรารถนานั้นไม่สำเร็จประสงค์ เพราะต้องเสียชีวิตไปในปัจจุบันทันด่วน อาศัยกุศลเจตนาที่มีความปรารถนาดี จึ่งส่งผลขึ้นมาในแดนบรมสุขนี้ เสมอได้เฝ้าอยู่แทบพระบาทมูลพระพุทธเจ้าและเมื่อตายก็ได้ยึดเอาพระคุณไว้แล้ว เหตุฉะนี้ การที่เราจาริกแสวงบุณย์ก็เป็นอันไม่ไร้ผลเลย ในไม่ช้า กามนิต กลับมาถึงสระ ลงสู่ดอกบัวแดงอันเป็นที่สถิตของตน เสมือนนกคืนมาสู่รังฉะนั้นแล..
22 กุมภาพันธ์ 2548 10:41 น. - comment id 429230
เป็นพุทธพลี..จากจิตใสดวงนี้ ในวันที่ใจพุดพัดชาเหลือริบหรี่น้อยนิดนัก พรุ่งนี้วันมาฆบูชา.. และ เป็นวันเกิดพุดพัดชา อยากรจนางานงาม หากทว่า เพียรหวังรวบรวมสมาธิจากใจร้าวให้เข้าที่เข้าทาง แล้วจะมาวางพลีบรรณาการ แด่ทุกดวงใจในร่มรักภักดิ์พลีนะคะ
22 กุมภาพันธ์ 2548 11:18 น. - comment id 429248
บุญรักษาค่ะ.. พรุ่งนี้วันเกิดพี่แล้ว.. ..สุขภาพแข็งแรง...ความเจ็บป่วยอันใดที่มีอยู่ ขอให้มลายหายสูญนะคะ.. มาฆบูชา..พระจันทร์สวย..เป็นมาฆฤกษ์ที่ เกิดได้ปีละครั้ง..เราอาจจะคิดว่าเป็นวันเพ็ญ เหมือนธรรมดา..แต่จริงๆ แล้ว..วันนี้.. เป็นวันเพ็ญ..ที่ไม่ธรรมดา.. **.. ให้พี่สว่างไสว..ได้ดวงตาเห็นธรรม ** ในวันที่สว่างที่สุดค่ะ... ^___^
22 กุมภาพันธ์ 2548 11:29 น. - comment id 429253
ขอบคุณค่ะน้องน้ำใสใจสวย พี่พุด.คงดีขึ้นค่ะ พายุร้ายพรายพัดผ่านไป เพียงผัสสะภายนอกมากระทบเพียงนั้นค่ะ จิตดวงงามยังพร่างใสราวอัญมณีที่สุกปลั่งพอกับจันทร์เพ็ญโฉมรอประโลมหล้าฟ้าดินและผู้คนมิคลายมิวายค่ะคนดี ซึ้งใจนะคะดวงใจ..พี่พุด
22 กุมภาพันธ์ 2548 12:00 น. - comment id 429275
แวะมาเยี่ยมครับผม..รักษาสุขภาพนะครับช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงแล้วครับ
22 กุมภาพันธ์ 2548 12:30 น. - comment id 429305
แวะมาเยี่ยมค่ะเป็นกำลังใจให้นะคะ คิดถึงค่ะ
22 กุมภาพันธ์ 2548 12:43 น. - comment id 429320
งดงามเหลือเกิน ขอเก็บไว้อ่าน นึกถึงตอนเด็ก ๆ รุ่นพี่ ๆ เขาร้องเพลง.... กามนิตยอดชายจะไปค้าขายที่โกสัมพี โชคและบุญหนุนนำได้เจอสาวงามชื่อวาสิษฐี นางและมิตรสหายเดาะคลีถวายองค์ลักษมี...... อิอิ ถ้าได้อ่านทั้งเล่มคงสนุกแน่ต้องไปหามาอ่านแล้วละครับ
22 กุมภาพันธ์ 2548 13:47 น. - comment id 429351
ข้อความายาวจนสับสนนิดหน่อยค่ะ แต่ข้อความความหมาย สวยงามทีเดียว
22 กุมภาพันธ์ 2548 21:48 น. - comment id 429598
คิดถึงพี่พุดมากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ สบายดีนะค่ะหายไปนานเลย
22 กุมภาพันธ์ 2548 22:51 น. - comment id 429656
แวะมาเยี่ยมครับผม..รักษาสุขภาพนะครับช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงแล้วครับ จาก : รหัสสมาชิก : 9048 - บินเดี่ยวหมื่นลี้ ******** ขอบคุณนะคะบินเดี่ยวที่ไม่นานคงมีคนมาบินคู่อิอิพี่พุดก็ตกข่าวรักไปต้องกลับไปหาอ่านค่ะนะคะ
23 กุมภาพันธ์ 2548 06:44 น. - comment id 429743
นั่นซิไม่ค่อยได้เจอกันเลยอ่ะ เป็นห่วงจัง ยังอยู่ครบหรือป่าว...อิอิ............
23 กุมภาพันธ์ 2548 11:18 น. - comment id 429834
รัศมีสีทองของรวีที่เปล่งสรรพแสงสีงดงามตา ฉายจับขอบนภาที่ปลายฟ้า ลำแสงอ่อนละมุน กระทบระลอกเมฆาเป็นประกายระยับยิบวาววับ จับตาจับใจ พระพายโบยโบกพายพัดเพียงเบา ๆ ก่อกำเนิด รอยกระเพื่อมสั่นไหวในหมู่เมฆน้อยๆ ที่อ่อนนุ่ม ปานประหนึ่งขนนก ให้ลอยละล่องพลิ้วไหว ดั่งแพรไหมสาดส่ายสะบัดปลิวผสานแสงสีแห่งนภา ในยามรุ่งอรุณนี้ ช่างงดงามติดตรึงตราใจเป็นยิ่งนัก เหล่าภมรเริงร่ายวนเวียนเต้นร่อนฟ้อนรำระเริงร่า บนดอกไม้แย้มกลีบบานหอมตลบอบอวล หลากสีสันงดงามตระการรับขวัญในวันพิเศษ เฉกเช่นวันนี้ ลำนำแห่งไพรพฤกษ์ไหลเรื่อยเอื่อยเฉื่อยเย็น ผสานกับเสียง จุ๊บจุ๊บ จิ๊บจิ๊บ ที่ดังแว่วแผ่วมา จากสกุณาตัวน้อยถ้อยสำเนียงราวเสียงเพลง บรรเลงหวามหวานจากทิพยวิมาน มากำนัล มอบให้ในวันเกิดคนดีที่แสนจะอ่อนหวาน ละมุนละม่อมอ่อนโยน ... พุดพัดชา ... คนดี ฟังสิฟัง ได้ยินไหม ... พรวันเกิด..ธานินทร์ อินทรเทพ : : Key G ให้โชคดี สุขี วัน เกิด สิ่ง ประเสริฐ ใด หวัง ตั้ง ใจ ให้ได้สม ดัง ฝัน ใฝ่ จิตแจ่มใส ทุกวัน ทุกคืน ให้ร่ำรวย เงินทอง ยศศักดิ์ ให้คนรัก มากมี ดาษดื่น ทำสิ่งใด จงลุล่วง ราบรื่น อายุยืน ปลอดโรค ปลอดภัย ดนตรี. ให้โชคดี สุขี วัน เกิด สิ่ง ประเสริฐ ใด หวัง ตั้ง ใจ ให้ได้สม ดัง ฝัน ใฝ่ จิตแจ่มใส ทุกวัน ทุกคืน ให้ร่ำรวย เงินทอง ยศศักดิ์ ให้คนรัก มากมี ดาษดื่น ทำสิ่งใด จงลุล่วง ราบรื่น อายุยืน ปลอดโรค ปลอดภัย... ^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^ .สุขสันต์วันเกิดค่ะ. *^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^* ...เพียรบรรจงร้อยเรียงถ้อยความนี้อยู่เป็นนาน เพื่อวันเกิดของคุณพุดพัดชานะคะ ติดตามอ่าน งานงามมาตลอดแม้จะไม่ได้เข้ามาทักทายก็ตาม อยากจะเขียนคำให้อ่อนหวานไพเราะเฉกเช่น งานของคุณพุดพัดชา คงเป็นได้แค่ความฝัน ... ^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*^*
20 มีนาคม 2549 07:01 น. - comment id 567293
ถ้าเอากามนิตมาทำละครเวทีจะเนอแง่มุมไหนดี วยระดมความคิดเห็นมาที่ anongnard_su@hotmail.com
27 สิงหาคม 2550 14:50 น. - comment id 744904
วัดเทพพุทธาราม(เซียนฮุดยี่) แยกเฉลิมไทย ถ.สุขุมวิท อ.เมือง จ.ชลบุรี ขอเชิญพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมสวดมนต์ภาวนา ฟังพระธรรมบรรยาย และบำเพ็ญสมาธิแบบสุขาวดี ทุกวันเสาร์ เวลา 15.00 18.00 น. (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) ** เริ่มวันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2550 เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียด หรือลงทะเบียนโทร. 081 777 0369 วัดเทพพุทธาราม เป็นวัดพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน จีนนิกาย บูรพาจารย์สืบสายการแนวปฏิบัติคำสอนมาจากนิกายฌาน(เซน) สาขาหลินจี้ (วิปัสนากรรมฐาน) จากประเทศจีน ก่อตั้งโดยพระอริยเจ้าตั๊กฮี้ (ปัจจุบันท่านได้นั่งสมาธิดับขันธ์ สรีระร่างท่านได้ประดิษฐาน ณ วิหารบูรพาจารย์ วัดเทพพุทธาราม) การสอนฝึกสมาธิแบบสุขาวดีนี้เป็นการฝึกแบบโบราณ ซึ่งมีการสืบทอดมานับพันปี จากอดีต การฝึกสมาธิ เพื่อเข้าสู่หนทางแห่งโพธิสัตวภูมินั้น จะสอนกันจำกัดเฉพาะในกลุ่มลูกศิษย์เท่านั้น การฝึกสมาธิวิปัสนา แบบสุขาวดี นั้นเปรียบเหมือน การตอนกิ่งโพธิ แล้วปักชำลงในดิน ซึ่งจะเจริญเติบโตง่ายกว่า และผลิดอกออกผล เร็วกว่า การปลูกด้วยเมล็ด เมื่อครั้งอดีตบูรพาจารย์ฝ่ายมหายานแต่ละรุ่นท่านได้บันทึกคำสอน ทั้งหมดลงในคัมภีร์พร้อมทั้งรจนาอรรถกถา คำถามต่าง ๆ ที่ลูกศิษย์สงสัยไว้นับพันคำถาม เพื่อให้เกิดข้อกระจ่างแก่การปฏิบัติ และช่วยให้ศิษย์ได้พบหนทางที่ถูกต้องโดยเร็ว และตอนนี้เป็นโอกาสดี ที่ทางคณาจารย์ท่านมีเมตตาได้เปิดเผยคำสอนที่จารึกในพระคัมภีร์ออกมาถ่ายทอดให้กับผู้ที่ศรัทธาในพุทธศาสนาได้รับทราบ และถือปฏิบัติเพื่อบำเพ็ญพุทธบารมีตามวิถีทางแห่งโพธสัตวมรรค อันเป็นหนทางแห่งการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ตามหลักแห่งพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน
12 กรกฎาคม 2552 09:27 น. - comment id 1013160
ผมอ่าน จบสองรอบครับกามนิต วาเสฏฐี แต่ก็นานหลายปีแล้ว กามนิต พบพระพุทธเจ้า แต่ไม่รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า และมาตายเพราะโคขวิด อ่านแล้ว พอรำลึกเรื่องราวได้เล็กน้อยครับ รักแลเคารพ พี่สาวแสนสวย น้ำใจงาม นามพี่พุดไพร ที่หนึ่งเสมอ