หลังอาหารมื้อเที่ยงทุกคนเก็บสัมภาระขึ้นรถตู้เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ ในไม่ช้าถึงเวลาที่เราต้องอำลาทุ่งกระมังเสียทีแม้ว่ามีเวลาดูนกกันน้อยไปหน่อย แต่เพื่อมิให้เดินทางถึงกรุงเทพฯดึกเกินไปจึงต้องออกเดินทางตั้งแต่ตอนนี้ รถตู้ของเราแล่นออกจากชายทุ่งกระมังในตอนบ่าย ผ่านบึงแปนทางด้านซ้าย ตัดผ่านป่าสนสามใบ แล่นลงเขามาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงลำน้ำพรมซึ่งสองฝั่งเต็มไปด้วยต้นสุวรรณพฤกษ์ รถตู้จึงจอดกลางสะพานให้พวกเราออกไปเดินชม สองฝั่งน้ำล้ำสวยด้วยดอกเหลือง แสงส่องเรืองลูบทอลออไสว ขึ้นเป็นแถวแนวธารทั่วย่านไกล ยามลมไล้โชยเล่นเอนสุดตา สุวรรณพฤกษ์ปึกแผ่นแน่นตลิ่ง ยืนต้นพิงน้ำพรมแดดข่มหา ใบเขียวเข้มเต็มต้นล้นออกมา ดอกเหลืองจ้าเจิมทองงามผ่องดี มีห้ากลีบลีบบางถ่างงอออก เกสรงอกยื่นง้ำซ้ำสดสี กลีบล่างใหญ่ใสโค้งโก่งเต็มที แถมดอกถี่ทั้งช่องามล่อใจ ดูสดเหลืองเรืองรองผ่องไปทั่ว ผึ้งมึนมัวหลงมองจ้องไถล ลืมบินตอมดอมดมผสมเรื่อยไป ชมดอกไม้มากเสน่ห์ร้อยเล่ห์ลวง สุวรรณพฤกษ์ หรือ ขี้เหล็กอเมริกัน (Cassia spectabilis) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงถึง 7 เมตร มีใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 6-15 คู่ ปลายใบแหลม ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตอนปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 2-3 ซม. กลีบดอกกว้าง 2-2.5 ซม. สีเหลืองอ่อน กลีบดอกอันล่างใหญ่สุดและโค้งงอ มีเกสรตัวผู้ 10 อัน ยาว 7 อัน และสั้น 3 อัน ถึงแม้ว่าพบขึ้นทั่วไปในป่า แต่เป็นไม้ต่างถิ่นที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ในอเมริกากลาง แต่ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้ว ชมหมู่ปักษา กลางป่าภูเขียว 26 14 พฤศจิกายน 2547
16 กุมภาพันธ์ 2548 19:38 น. - comment id 426709
ทุ่งกะมังเหรอคะ เคยไปเยือนเมื่อ2 ปีก่อน อ่านคำกลอนแล้วย้อนคิดไป ถึงความงดงาม คำที่อ่านคือภาพงามๆที่จินตนาการตามได้ค่ะ
17 กุมภาพันธ์ 2548 20:09 น. - comment id 427250
gเป็น บทกลอนงดงาม ชวนอ่าน นึกภาพตาม ถึงบางครั้งไม่ได้ตอบ ก็อ่านเสมอค่ะ