เมืองใหญ่เมืองนี้ราตรีไร้ดาว ที่เห็นวับวาวนั่นดาวไฟฟ้า แข่งแสงกันทั่วเวียนหัวมัวตา มากมายเงินตราไร้ค่าทางใจ ตึกสูงตึกใหญ่จุดไฟไว้ทั่ว หากในใจตัวหม่นมัวไฉน ไร้แสงแห่งจิตมืดมิดกันไป อันคำน้ำใจกลบไว้ฝังดิน ต่างคนต่างรวยต่างซวยต่างอยู่ ไม่รับไม่รู้แค่กูแล้วสิ้น น้ำใจใครรอไม่ขอได้ยิน รวยล้นฟ้าดินมีกินแล้วพอ หากใจใครหรูอาจดูแปลกแยก ความคิดแหวกแหลกแหกคอกเขาหนอ ทำเป็นใจดีอย่างนี้คงรอ เลียน้ำลายสอเพื่อขอผลใด สังคมเพาะบ่มค่านิยมหมู่ ใหชมเชิดชูผู้รวยแต่ไหน ลุ่มหลงเงินทองลองมองค่าใจ ต่างดาวหรือไรแสงไฟฟ้ากลืน ราตรีมืดลงขอคงดาวสว่าง เป็นแสงบนทางอ้างว้างขมขื่น ด้วยดาวบริสุทธิจักจุดรักคืน ฟ้างามจะฟื้นหมื่นดาวครองไว้ ดาวน้อยร้อยพันจักผันฟ้าสวย หัวใจจะรวยด้วยน้ำใจใส หากราตรีงามพล่ามตามแสงไฟ จะต่างอะไรจากใจน้ำเงิน
30 มกราคม 2548 16:42 น. - comment id 417066
ยุคใหม่สิ่งเก่าย่อมหลงลืม
30 มกราคม 2548 16:54 น. - comment id 417073
งดงามมาก ความหมายดี แสงราตรี ส่องนี้ แสงไฟฟ้า เพียงคืนไหน หาความ จริงใจไม่ ทุกนาที ตลอดนี้ ตลอดไป ความจริงใจ ได้เจอ เป็นสุขแท้
30 มกราคม 2548 22:09 น. - comment id 417280
เมืองใหญ่เมืองนี้ราตรีไร้ดาว ดูแสงวับวาวทุกคราวหมองหม่น เพราะเมื่อเข้าใกล้ใจต้องกังวล แถมมีร้อนรนสับสนปรวนแปร ด้วยคอยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ที่พบที่เห็นไม่เจอมิตรแท้ ห่วงเราต่อหน้าตั้งตาคอยแล ช่วยเหลือแน่แน่มิแปรผันไป แต่ยามลับหลังทั้งสับทั้งโขลก มีอุประโลกเศร้าโศกหวั่นไหว ให้ร้ายป้ายสีมิมีที่ใด ที่เรานั้นไซร้ไม่โดนนินทา *-*แต่งได้ดีมากเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานนะค่ะ*-*
30 มกราคม 2548 22:57 น. - comment id 417318
เขียนกลอนเชิงกาพย์ได้เก่งมากค่ะ มีความหมายพร้อมแรงในคำ คำสวย
31 มกราคม 2548 04:31 น. - comment id 417416
ชอบกลอนแนวนี้ค่ะ เพื่อสังคมดีทีเดียว
12 กุมภาพันธ์ 2548 13:01 น. - comment id 424406
แต่งได้ ดีมากเลย คะ **แวะมาชื่นชมผลงาน น่ะคะ **