สนสามใบ
นกตะวัน
ผ่านด่านตรวจที่หน่วยฯ ปางม่วง รถของเราแล่นผ่านผืนป่าเต็งรังสลับกับป่าสนปลูกอันกว้างใหญ่ สักพักหนึ่งจึงเดินทางมาถึง หน่วยพิทักษ์ป่าศาลาพรม ซึ่งตั้งอยู่ริมลำน้ำพรม รอบๆหน่วยศาลาพรมฯ มีบ้านพักหลายหลังไว้รับรองนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องไพร เราข้ามลำน้ำพรมและผ่านป่าดิบแล้งผืนใหญ่ จึงเดินทางมาถึงทางสามแพร่งซึ่งบริเวณโดยรอบเนืองแน่นไปด้วยป่า สนสามใบ จนแลเห็นใบสนแห้งปกคลุมพื้นดินทุกหนทุกแห่งเกลื่อนไปหมด
สนสามใบใหญ่โตดูโอ่อ่า
สูงเสียดฟ้าฟ้องเมฆใครเสกสรรค์
แผ่ประสานก้านใบเบียดใส่กัน
ทุกต้นนั้นแน่นอนค่อนตั้งตรง
เกิดผืนป่าสง่าเชียวเขียวครึ้มกว้าง
ใครเดินทางท่องไพรให้ลุ่มหลง
ใต้ร่มเงาเหล่าสนต้นมั่นคง
เห็นบุหรงหลากสีมีหลายพันธุ์
ยามเหนื่อยอ่อนนอนนั่งยังพื้นป่า
ใบสนหนาแน่นไปไม่แปรผัน
เหมือนพรมหุ้มคลุมดินทั่วถิ่นพลัน
คงสุขสันต์แสนสบายคลายทันตา
แต่ป่าโปร่งโล่งแจ้งทุกแห่งหน
ยามดั้นด้นเดินเข้าเศร้านักหนา
ต้องหลงแน่แย่มากหากผ่านมา
ล้วนพฤกษาต้นสนมากล้นไกล
สนสามใบ (Pinus kesiya) หรือ เกี๊ยะเปลือกบาง เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูงถึง 30 เมตร เปลือกลำต้นสีน้ำตาลอมเหลืองหรือน้ำตาลอมแดง แตกระแหงหลุดออกเป็นแผ่นหนาแบน มีใบเป็นเส้นคล้ายเข็ม ยาว 12-20 ซม. ออกช่อละ 3 ใบ จึงเรียกว่า สนสามใบ ฐานช่อใบมีกาบหุ้ม มักขึ้นหนาแน่นในบริเวณที่โล่งแจ้ง ระดับความสูงตั้งแต่ 1,000 จนถึง 7,000 เมตร จนเกิดเป็นป่าสนเขาอันกว้างใหญ่ มองไปทางไหนแลดูเหมือนกันไปหมด จนเดินหลงป่าได้ง่าย
ชมหมู่ปักษา กลางป่าภูเขียว 2
13 พฤศจิกายน 2547