วิมานวนา (The Jungle Palace)

ลำน้ำน่าน

เมื่อแสงไต้รอนแรมลับแผ่นหิน
สุริยนจะตกดินอยู่ไหวไหว
วิมานหนึ่งปรากฎกลางอกไพร
หลังม่านพรางสุราลัยในวนา
ในแสงอ่อนเลื่อมพรายทิพย์สถาน
คือวิมานโลกเสรีคลี่พฤกษา
จากเรือนยอดเสียดเสยเย้ยเมฆา
สู่ผืนดินรากป่าพนาราม
เมื่อน้ำค้างพรมโปรยโรยอรัญ
ปวงสุคันธ์พนาวาสหยาดสยาม
ก็อวลกลิ่นเกสรละอองนาม
ระเหยข้ามวนาลีราตรีแดน
ลอยไปสู่วิมานรุกขเทวา
สู่ทิพย์ทองธาราพระยาแถน
ในเอื้อมเงาปราสาทนิวาสแมน
กลางรำแพนยูงทองผองนางไม้
เหล่าเถาวัลย์พันเกี่ยวในเกลียวกิ่ง
ราวลูกปัดสะบิ้งสไบไหว
เมื่อลมอ่อนพัดโบกเข้าโตรกไพร
พร้อมหิ่งห้อยรำไรพเนจร
รุกขชาติมิ่งไม้คล้ายนิทรา
พนาวาน้อมจิตนิมิตหมอน
ก็ทอดกายอ่อนโยนตรงโคนคอน
เอื้ออาทรไม้ใหญ่ได้หลับตา
เริ่มราตรีรังสรรค์แห่งวังนั้น
ด้วยมนต์เพลงจั๊กจั่นลั่นพฤกษา
ระงมงามหรีดหริ่งพริ้งพนา
บรรเลงกล่อมเทวาพระสุรินทร์
ทุกรื่นรมย์ซ่อนตัวรอบรั้วป่า
กลางมณฑลภูผาปราการหิน
คือวิมานสุดท้าย ณ ปลายดิน
ให้เทวินทร์คุมผองลงครองตน
เพื่อสมดุลแห่งโลกจตุรทิศ
มานุษภูมิใช้ชีวิตตามเหตุผล
เชื้อชุมนุมรุกขเทวาสู่ป่าคน
ยกระดับวิญญาญชนสู่ปัญญา
อัศจรรย์วัลก์หนึ่งซึ่งสีหม่น
ในเผ่าพนปัจเจกเพศพฤกษา
ไม่เปลี่ยนแปลงเขตขันธ์พันธุ์วนา
แม้นราตรีล่วงฟ้าดารากลาย
ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงจบแล้ว
น้ำค้างแก้วแนวป่าต้องพร่าสาย
ม่านพระอินทร์ทิ้งเถาว์ในเงาพราย
วิมานพฤกษ์ปิดตายทิวากาล
ปรากฎเสียงสะอื้นเมื่อคืนล่วง
วิมานลวงที่ไหนไหนได้ถูกผลาญ
สันนิบาตรุกขเทวาล้าบันดาล
เหลือเผ่าพันธุ์ติรัจฉาน...วิมานเมือง

-------------------------------------
ท่ามกลางสวนรุกขชาติป่าเขตร้อน 
มีสวนป่าน่าอัศจรรย์
ที่ปรากฎพันธุ์ไม้งามหลายชนิดอยู่สวนหนึ่ง
กลางวิมานวนานั้น มีเสียงดนตรีธรรมชาติ
เสียงกบเขียดน้อย ระงมในยามย่ำค่ำ 
ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวก็ห้อยระยับย้า 
หนึ่งในเถาวัลย์งามนั้นนาม *ม่านพระอินทร์* 
เถาวัลย์ที่มีรากห้อย เป็นม่านสีม่วงไพร  
เป็นม่านป่าพันธุ์หายากของไทย
ประหวัดไปถึงวิมานแห่งเหล่ารุกขเทวา 
และพระสุเรนทร์ ที่มักจะท่องลงสู่โลกมนุษย์
ในยามที่ไม่ปรารถนาวิมานสวรรค์....
พุทธศาสนาสอนให้มนุษย์เคารพเทวดา
ด้วยเหตุที่เป็นภูมิที่มีกุศลกรรมอันบริสุทธิ์..
และลงมาเยือนวนาอยู่เป็นนิจ 
อีกมิ่งไม้ใหญ่ไม้เล็กต่างดำรงอยู่ในโลกรื่นรมย์
สมดุลมาตั้งแต่โบราณ
น่าเสียดายนักที่วิมานวนาเหล่านี้ถูกทำลายลง
ด้วยความเจริญวัฒนาแห่งมนุษย์  
วันหนึ่งเมื่อวิมานวนาในภูมิได้ถูกทำลายลง 
คงจะเหลือแต่วิมานเมืองอันวุ่นวน 
และวันนั้นความสุขสงบและความงดงาม
ตามธรรมชาติคงจะปิดตาย 
แล้วเราจะดำรงอยู่ในโลกได้อย่างไรกัน
ด้วยเหตุที่ชีวิตเราต้องพึ่งพิงธรรมชาติ
จนกว่าจะคืนสู่ธรรมชาติเมื่อมรณามาเยือน

และเพราะว่า.......
ทุ่งนาป่าชัฏช้าอัญญิกาลัย
เทือกผาใหญ่เสียดดาวดึงส์สวรรค์
เนื้อเบื้อเสือช้างลิงค่างนั้น
มดแมลงนานาพันธุ์ทั้งจักรวาลฯ
เสมอเหมือนเพื่อนสนิทมิตรสหาย
เกิดร่วมสายเชี่ยววัฏฏะสังสาร
ชีพหาค่าบ่มิได้นับกาลนาน
หวานเสน่ห์ฟ้าหล้าดาราลัยฯ
ถึงใครเหาะเหินวิมุติสุดฝั่งฟ้า
เดือนดาริกาเป็นมรคายิ่งใหญ่
แต่เราขอรักโลกนี้เสมอไป
มอบใจแด่ปฐพีทุกชีวีวายฯ
(ปณิธานกวี  อังคาร  กัลยาณพงศ์)

				
comments powered by Disqus
  • tiki

    24 มกราคม 2548 01:43 น. - comment id 411898

    เป็นงานงามซึ้งใจค่ะ ลำน้ำน่าน
  • carot

    24 มกราคม 2548 02:57 น. - comment id 411912

    ประทับใจ...ในรสร้อย...พลอยเคลิบเคลิ้ม
    ...วิมานเติม...มนต์เล่ห์...เสน่หา
    ......มายลยิน...เสียงเพรียก...เรียกวนา
    .........เสียบตรึงตรา...น้อมจิต...ลิขิตงาม
    
  • อัลมิตรา

    24 มกราคม 2548 09:25 น. - comment id 411991

    :) เมื่อวาน ที่ร้านอาหารทางเลือก ที่ จ.ตรัง
    ม่านไทรย้อย ที่กลายเป็นซุ้มทางเข้าของร้าน 
    ช่วงสวยนัก รากไทรย้อยเหมือนเราเดินหลงเข้าไปในถ้ำ
    และมีหินย้อย ประมาณนั้น ..
    
    อ่านบทกวี แล้วใจย้อนไปถึงภาพเมื่อวานอีกหน
    หากในป่าแล้ว ความงามย่อมทวีคูณ
    
    
  • ฉมา

    24 มกราคม 2548 10:59 น. - comment id 412024

    ชอบ...เพราะมาก ๆๆๆๆๆ
  • ลักษมณ์

    24 มกราคม 2548 11:21 น. - comment id 412039

    วิมานวนาฯ
    :] :] :] :] :]
  • ลอยไปในสายลม

    24 มกราคม 2548 12:22 น. - comment id 412087

    สวยงามค่ะ
    
    อิ อิ..
  • พุด

    24 มกราคม 2548 12:31 น. - comment id 412095

    ซาบซึ้งจนหาคำกล่าวรำพันใจยากมากค่ะ
  • มัทนา

    24 มกราคม 2548 13:01 น. - comment id 412115

    งามมากค่ะ พรรณนาได้สวยจริงๆ
  • ลี่...ชวนมาเยือน

    24 มกราคม 2548 13:07 น. - comment id 412118

    หากทุกคนมองเห็นสวรรค์ป่าไพรวนาได้แบบนี้
    มนุษย์คงไม่ต้องร่ำร้องระทมอย่างเช่นทุกวันนี้นะคะ
    ..............................................................................
    ลี่...ผู้มาเยือน
    .
  • แก้วประเสริฐ

    24 มกราคม 2548 13:55 น. - comment id 412132

    พึ่งเข้ามาช้าหน่อยนะครับ  เขียนได้งดงามเหลือเกินครับ ผมเก็บไว้หน้าส่วนตัวด้วยล่ะ
    
                          แก้วประเสริฐ.
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    24 มกราคม 2548 14:21 น. - comment id 412151

    ทำไมถึงมามาหายหายล่ะ
    
    งานเยอะหรอ
    
    แวะมาอ่านครับ
    
    
  • แก้วนีดา

    24 มกราคม 2548 14:51 น. - comment id 412171

    งามป่าพนาวราลัย
    งามพิศสถานวินามน้อย
    งามล้ำเลอลักษ์ ฤา ถ้อย
    งามไม่น้อย คำน้ำพรรณา
    
    ยังคงติดตามอ่านบทกลอนจาก ลำน้ำน่านเสมอมาค่ะ.........เขียนครั้งใดก็งดงามเสมอขอชมจากใจค่ะ...
    
    
  • ใจปลายทาง

    24 มกราคม 2548 15:14 น. - comment id 412192

    พี่นิวจ๊า  นู๋อ้อมคิดถึงค่ะ
  • ดอกข้าว

    24 มกราคม 2548 20:25 น. - comment id 412392

    -*วิมานเมืองเรืองรู่งจรุงกลิ่น
    หอมแผ่นหินดินปูนทุกทางแพร่ง
    พระอินทร์นอนฟ้อนรำไม่สะแดง
    เสกกำแพงวิมานเมืองให้มลาย
    
    วิมานเมืองจึ่งเรืองรุ่งจรุงกลิ่น
    ครอบผืนดินวิมานป่าว่าสลาย
    จึ่งเหลือแค่กลิ่นฝันอันท้าทาย
    ที่ฉันถ่ายทอดมาเชิญทัศนาชม! -*
  • ลักษมณ์

    24 มกราคม 2548 21:05 น. - comment id 412434

    :]
  • แม่จิตร

    24 มกราคม 2548 21:11 น. - comment id 412436

    เป็นสิ่งที่สวยงามนะครับ ทั้งภาพและยิ่งกลอนด้วยแล้ว
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    24 มกราคม 2548 22:41 น. - comment id 412477

    ชื่นชมแล้วลืมไม่ลง ต้องเก็บไว้อ่านอีก
  • ชัยชนะ

    25 มกราคม 2548 06:47 น. - comment id 412565

    ที่ซุกหัวอยู่คือวิมานของเรา
    
    แม้จะไม่สวยสงบเหมือนวิมานป่า
    
    แต่เราปรุงแต่งเองได้
    
    คงจะไม่ต่อกลอนด้วยคราวนี้กลัวจะหลงไปลงวิมานอย่างอื่นครับ
    
  • ภาวิ

    25 มกราคม 2548 07:13 น. - comment id 412583

    ชอบจังค่ะ
  • อาภาภัส

    25 มกราคม 2548 08:26 น. - comment id 412614

    รัตติกาลผ่านผืนโพยมระยับ
    ลำนำขับซับไพรยากไถ่ถอน
    ถวิลหาอุราแทบร้าวรอน
    มวลอรชรอีกรุกขเทวา
    สำราญเริงเกริงหทัยสไบทิพย์
    ดาวระยิบแย้มเยือนเตือนใจหา
    อยู่ไหนหนอองค์ในดวงใจข้า
    เจ้าพรรณนาเพริดซึ้งตรึงซาบทรวง
    
  • ดอกข้าว

    25 มกราคม 2548 10:41 น. - comment id 412704

    -*ดีใจครับที่พี่กลับมาเขียนอีกครับ
  • somebody

    25 มกราคม 2548 17:08 น. - comment id 412952

    แวะยาตราเยือนสถานวิมานวนา
    กรุ่นพฤกษาพริ้มพรายเริ่มไหวอ่อน
    เยี่ยงเยือนทิพย์นิเวศน์สถานวิมานอมร
    ชวนสัญจรสราญจิตภิรมย์ใจ
    
    ลำน้ำน่านขานกลอนมากล่าวขับ
    ได้สดับให้พะวงพาหลงไหล
    พจน์ไพเราะเสนาะยิ่งกว่าสิ่งใด
    ชวนคลั่งใคล้เคลิ้บเคลิ้มเสริมสุนทรีย์
    
    ลำนำประภัทร์ตวัดวาดวิลาศอักษร
    ราวอัมพรผ่องสกาวด้วยพราวสี
    ร่ายลีลาอรรถรสบทกวี
    ราวดนตรีจากแดนสรวงร่วงสู่ดิน
    
    ผันอักษรราววิหคโผผกผัน
    สืบสีสันกานท์กลอนอักษรศิลป์
    แม้นนราทั่วสากลได้ยลยิล
    ต่างเปรมปรีดิ์มิสิ้นสืบวิญญาณ
    
    ส่งสัมผัสขักขระแต่ละวรรค
    เล่นรูปลักษญณ์รื่นรมย์ผสมผสาน
    ราวสายลมโลมไล้ดอกไม้บาน
    ที่หอมนานเนาสถิตนิจนิรันดร์...
    
    
    
  • หมึกมรกต

    25 มกราคม 2548 17:15 น. - comment id 412956

    บทที่ ๑
    แวะยาตราเยือนสถานวิมานวนา
    กรุ่นพฤกษาพริ้มพรายเริ่มไหวอ่อน
    เยี่ยงเยือนทิพย์นิเวศน์สถานวิมานอมร
    ชวนสัญจรสราญจิตภิรมย์ใจ
    
    ลำน้ำน่านขานกลอนมากล่าวขับ
    ได้สดับให้พะวงพาหลงไหล
    พจน์ไพเราะเสนาะยิ่งกว่าสิ่งใด
    ชวนคลั่งใคล้เคลิ้บเคลิ้มเสริมสุนทรีย์
    
    ลำนำประภัทร์ตวัดวาดวิลาศอักษร
    ราวอัมพรผ่องสกาวด้วยพราวสี
    ร่ายลีลาอรรถรสบทกวี
    ราวดนตรีจากแดนสรวงร่วงสู่ดิน
    
    ผันอักษรราววิหคโผผกผัน
    สืบสีสันกานท์กลอนอักษรศิลป์
    แม้นนราทั่วสากลได้ยลยิล
    ต่างเปรมปรีดิ์มิสิ้นสืบวิญญาณ
    
    ส่งสัมผัสขักขระแต่ละวรรค
    เล่นรูปลักษญณ์รื่นรมย์ผสมผสาน
    ราวสายลมโลมไล้ดอกไม้บาน
    ให้หอมนานเนาสถิตนิจนิรันดร์...
    
    บทที่ ๒
    โค้งขอบฟ้าแดงระเรื่อเมื่อรุ่งสาง
    ไอหมอกบางลอยตัวลอดรั้วไผ่
    แสงระยับจับน้ำค้างบนรางใบ
    กลีบดอกไม้คลี่ดอกหยอกล้อลม
    
    แมลงปอปีกบางกางปีกร่อน
    ผีเสื้อว่อนเวียนผ่านผสานผสม
    หมู่นกกากู่ก้องร้องระงม
    ชวมชื่นชมความไพเราะเสนาะเนา
    
    ย่ำสายัณห์ตะวันย้อยคล้อยจากฟ้า
    คงเพราะล้าเลยหลับลับเหลี่ยมเขา
    รอวันรุ่งค่อยเริ่มเติมแสงเงา
    เป็นเช่นเก่าอย่างนี้มิเสื่อมคลาย
    
    เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ของวันก่อน
    แต่ถึงตอนนี้แล้วใจแป้วหาย
    ธรมชาติสวยงามถูกทำลาย
    ด้วยวายร้ายไหนเล่าเรานี่เอง
    
    
  • ราชิกา

    26 มกราคม 2548 19:11 น. - comment id 413351

    แวะมาเยี่ยมค่ะ..ถึงมาช้าหน่อย..คงไม่ว่ากันนะคะ..เพราะ..ใจสั่งมา...คิดถึงลำน้ำน่าน..ค่ะ...
    
    ...ผลงานไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย...ราชิกา..ชอบแนวธรรมชาติมาก...แต่เขียนไม่รอดซักที...ก็เลยต้องอ่านและเรียนรู้จาก..ลำน้ำน่าน..อ่ะนะ..เอ!!..แล้วเมื่อไหร่..เราจะเขียนกลอนคู่กันอีกคะ...อิอิ...
    
    
  • ลำน้ำน่าน

    31 มกราคม 2548 13:23 น. - comment id 413729

    ผมขอบคุณมิ่งมิตรทุกคนมากนะครับ ที่ให้กำลังใจและติดตามอ่านเสมอมา ถึงแม้นานๆ ครั้งที่ได้เข้ามาก็ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นทุกครั้งไปครับ จะพยายามเขียนงานต่อไปครับ ตราบเท่าที่ยังมีกำลังใจและแรง
    
    ขอบคุณมากจริงๆ ครับ  โดยเฉพาะน้องดอย ที่เขียนกลอนชมเชยไว้อย่างงดงามเช่นเดียวกันครับ
    
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน