โคคู่เคียง เรียงกัน ไม่ผันเปลี่ยน ลากเทียมเกวียน ลิ่วล่วง ห้วงมหรรณ์ คือสติ ระลึก คิดนึกพลัน สัมปชัญ ญะรู้ ควบคู่กาย สติพร้อม น้อมนำ สัมปชัญญะ เพียรลดละ อกุศล พ้นจิตหมาย มองโลกใส ใจกระจ่าง อย่างแยบคาย ธรรมหลากหลาย สอนคน หลุดพ้นภัย...
18 มกราคม 2548 22:17 น. - comment id 408783
อันแสงธรรมนำทางสร้างความสุข ให้สนุกความสดชื่นคืนสดใส แถมธรรมะช่วยให้ภายในใจ มีความสุขวิไลเสมอมา *-*กลอนน่ารักดีค่ะ*-*
18 มกราคม 2548 22:41 น. - comment id 408815
เป็นจริงอย่างที่ว่าเลยค่ะ
19 มกราคม 2548 00:43 น. - comment id 408922
มองโลกดี แล้วจะเห็น แต่ดีด้วย มันจะช่วย ทำให้สุข จิตสดใส ไม่มัวหมอง เศร้าจิต สิ้นหทัย เพราะโลกใส โลกสวย ในใจตัว มองเห็นแต่สิ่งดี โลกนี้ย่อมสวยใส
19 มกราคม 2548 13:19 น. - comment id 409138
กินนอนนั่งเดินรู้ดูเคลื่อนไหว ส่งจิตไปในกายาหาจุดศูนย์ สมาธินิ่งดิ่งลงไปให้บริบูรณ์ ทุกสิ่งสูญสว่างไสวในสัจธรรม
19 มกราคม 2548 15:05 น. - comment id 409213
สี่คนหาม แบกแคร่ เมื่อแน่นิ่ง ไม่ไหวติง ลาลับ ดับหายสูญ เป็นไปตาม กฏกรรม น่าอาดูร ธาตุสิ้นสูญ สลายร่าง อย่างเคยเป็น สามคนแห่ แน่แท้ คือไตรลักษณ์ เคยรู้จัก เมื่อครองตน เป็นคนเห็น อนิจจัง ทุกข์ขัง ช่างยากเย็น อนัตตา ทำหลีกเร้น ไม่ยอมยิน หนึ่งบนแคร่ ที่แท้ คือดวงจิต จะสดใส หรือมืดมิด ถูกผิดศีล กระทำชั่ว หรือดี เป็นอาจินต์ เมื่อสูญสิ้น คำตอบนั้น พลันแสดง อีกสองคน เดินตาม อย่างย่ามจิต ถูกหรือผิด จิตเจ้า ต้องแถลง ปาบที่ทำ ต้องใช้ชด จนหมดแรง บุญที่ก่อ จะแสดง ด้วยแรงบุญ **แวะมาทักทายครับ...
19 มกราคม 2548 16:51 น. - comment id 409267
เดินตามหลังคนแห่ กันค่ะ