ขลู่

นกตะวัน

เราเข้าไปนั่งทานน้ำในร้าน หลบร้อนสักพัก และพักผ่อนสักครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจออกจากร้านเพื่อเดินดูนกต่อ ระหว่างทาง เราพบวิวัฒน์อีกครั้ง จึงเดินไปด้วยกัน เราเลี้ยวซ้ายเดินไปตามถนนดินที่เลียบชายทะเลทางด้านซ้ายของสะพานสุขตาไปจนไกลลิบ แต่เดินมาได้หน่อยเดียวเราเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่พึ่งจัดตั้งขึ้น สองข้างทางในช่วงแรกมีแต่ต้น ขลู่ ขึ้นเนืองแน่นเต็มไปหมดจนไม่อยากเข้าใกล้ เพราะใบมีกลิ่นฉุน
สองข้างทางกลางแดดแผดเผาจัด		
ร้อนชะมัดไร้เงาเหล่าพฤกษา
เห็นแต่ขลู่ลู่ไหวลมไกวพา			
ขึ้นเบียดหนาแน่นหมดเลี้ยวลดไกล
ใบมากเชียวเขียวเข้มเต็มทั้งต้น		
ช่อดอกล้นแลขาวสกาวใส
ประดับถิ่นดินเค็มเต็มทั่วไป			
แต่เข้าใกล้กลิ่นออกต้องบอกลา
ชาวบ้านใช้ใบอ่อนค่อนรูปไข่			
แทนผักได้ทานดีมีให้หา	
ทั้งแก้ไข้ใช้ประจำทำเป็นยา			
มีคุณค่าควรเราเข้าเด็ดกิน
แม้เป็นแต่แค่หญ้าราคาถูก			
คนไม่ปลูกปล่อยไว้ใคร่ถวิล
แพร่พันธุ์มากยากปราบราบอาจิณ		
ประโยชน์สิ้นหลายส่วนล้วนสมุนไพร
ขลู่ (Indian Marsh Fleabane; Pluchea indica) บางคนเรียกว่า หนาดวัว เป็นไม้พุ่มในวงศ์ Asteraceae ขึ้นอยู่ทั่วไปในบริเวณที่รกร้างว่างเปล่าใกล้ทะเลหรือแหล่งน้ำกร่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ลุ่มและชื้นแฉะ เป็นวัชพืชอีกชนิดหนึ่งที่ปราบปรามให้ราบคราบยากมาก เพราะแพร่พันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็วด้วยเมล็ดเล็กๆที่ปลิวไปกับลม แต่เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มาก เปลือกลำต้นนำมาสับแล้วมวนเป็นบุหรี่ ใช้สูบแก้โพรงจมูกอักเสบ (sinusitis) ได้
ต้อนรับนกนางนวล ชายทะเลบางปู 10
31 ตุลาคม 2547