๏ ๏ ๏ ขอบคุณ ๏ ๏ ๏

ใยไหม

๏ขอบคุณที่แต่งแต้ม................ต่อเติม
ผสานสิ่งที่ขาดเดิม.................กลับไว้
แม้เพียงแค่คิดเสริม...............แต้มแต่ง
จะเก็บฟูมฟักให้....................อย่างนี้สม่ำเสมอ๚
๏น้ำตาเผลอหยดแล้ว...................ในใจ
แม้ผ่านนานเพียงใด...................จดแล้ว
จำฝังอยู่ภายใน........................แม้ห่าง  กายเฮย
ใจอยู่ใกล้ไม่แคล้ว....................บ่ร้างไฟถวิล๚
๏คิดถึงกลิ่นก่อนนี้.....................เคยเคียง
มั่นอยู่ไม่เผลอเพียง...................หลบเร้น
สดับจิตสู่จำเรียง........................ให้ยิ่ง  เคลิ้มนอ
ด้วยอยากสื่อใช่เค้น...................สิ่งนี้ในใจ๚๛				
comments powered by Disqus
  • tiki

    6 มกราคม 2548 13:01 น. - comment id 400576

    เช่นกันค่ะ
    คิดถึงอยู่ในหัวใจตลอดเวลา
  • idaho

    6 มกราคม 2548 13:07 น. - comment id 400581

    คิดถึงบ้างนะ
  • อัลมิตรา

    6 มกราคม 2548 13:33 น. - comment id 400599

    ๏ สองบ่าคราพรั่งพร้อม............สัมภา-  ระเฮย 
    ถมทับกับชีวา..........................แบกไว้ 
    ท่ามกลางแห่งโลกา...................คราอ่อน-  แรงนอ 
    อีกโดดเดี่ยวยากไร้-................ปราศผู้เคียงคลอ ฯ 
    
    ๏ เธอคงหวังหนึ่งผู้..................ปลอบโยน-  แม่เอย 
    เพียงเพื่อผ่อนพิโลล*...............ทุกข์ร้อน 
    ขมขื่นดื่นพึงโอน......................สู่มิตร-  สหายนา 
    เพียงโอษฐ์เปล่งเสียงซ้อน-......เรียกร้องสรรพนาม ฯ 
    
    ๏ กาลเมื่อจิตเหว่ว้า................กังวล 
    กาลปัจจุบันดล-.......................จิตช้ำ 
    คลายหมองหม่นจินต์จล...........สงบนิ่ง  นาแม่ 
    ปราศสิ่งสิงจิตย้ำ.....................รุ่มร้อนนอนหนาว ฯ 
    
    ๏ คราเมื่อปรารถน์หนึ่งผู้..........ชิดเชย 
    เหน็ดเหนื่อยแหนงหน่ายเผย....ผ่อนร้าย 
    คืนค่ำพร่ำเพรียกเคย...............จิตแนบ  อนงค์นา 
    ยามเมื่อนุฏนาชคล้าย................นิ่มน้องนางวัง ฯ 
    
    ๏ เราคือบุรุษนั้น.....................นวลอนงค์  แม่เอย 
    คราเมื่อจิตจำนงค์....................เนื่องใกล้ 
    ขับขานซึ่งนามตรง-..................เพรียกพี่  นาแม่ 
    ยามย่ำอาจกล่อมให้..................โศกร้างสลดเลือน ฯ 
    
    ๏ ผันวารกาลผ่านพ้น.............สบสมัย 
    พฤกษ์พืชสลัดใบ...................ร่วงพื้น 
    สรรพสิ่งดุจตกไป...................สู่บ่า 
    เปรียบทุกข์ทบถมสะอื้น.........ดื่นซ้ำสุมทรวง ฯ 
    
    ๏ คราวเมื่อเจือจิตล้า-.............อ่อนแรง 
    คนหนึ่งอาจจำแลง-.................ฉุดยื้อ 
    โอบกอดพลอดพจน์แสดง.......กานท์กล่อม 
    มูลเหตุฉะนี้หื้อ*......................ดุจให้คลายตรม ฯ 
    
    ๏ เพียงเหตุอาเภทร้าย...........เบียดเบียน-  แม่เอย 
    นามชื่อวงษ์สกุลเพียร............เพรียกพ้อง 
    หากหมองหม่นดำเนียร*........นิจจ์เนื่อง  นวลแม่ 
    อาจเอ่ยเผยนามก้อง..............กู่ฟ้าสนั่นภูมิ ฯ 
    
    ๏ ในยามความเหว่ว้า............สิงทรวง 
    หาใช่อาชญาลวง....................ลอบย้ำ 
    ละขมลดตรมปวง-..................ห่วงมัด-  จิตนา 
    เราต่างยังมากพร้ำ*...............พรั่งพร้อมกาลเสมอ ฯ 
    
    ๏ ปราศสรรพสิ่งพลั้ง-............พลาดมหันต์  นาแม่ 
    หากพี่จักรับขวัญ...................ปลอบเจ้า 
    เพียงกาลปรารถน์สมานฉันท์....เสมือนชิด  ชมเฮย 
    ยามโศกวิตกเร้า....................เรียกย้ำนามเผือ ฯ 
    
    
     .. เ รี ย ก ย้ำ น า ม เ ร า ..  อั ล มิ ต ร า .. 
    
    
  • แม่จิตร

    6 มกราคม 2548 13:40 น. - comment id 400605

    คิดถึง เหมือนภาพเลย อิอิ
    
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    6 มกราคม 2548 15:14 น. - comment id 400676

    แอบเข้าบ้านมาอ่านงานครับผม....
  • ใยไหม

    6 มกราคม 2548 16:37 น. - comment id 400744

    ทิกิ
    คิดถึงเช่นกันค่ะ..
    
    idaho
    แน่นอนค่ะ...
    
    อัลมิตราที่รัก
    อย่าลืมให้แม่มาขอล่ะตะเอง... 
    
    แม่จิตร
    แหม...มองภาพแล้ว...กึ๋ย!!!(มะบอก)  อิอิอิ
    
    บินเดี่ยวหมื่นลี้
    ยินดีค่ะ  *_*
  • ดอกข้าว

    6 มกราคม 2548 19:46 น. - comment id 400864

    ผมไม่ค่อยถนัดเลยครับ
    
    โคลงสี่-*
    
    แต่คุณไยไหมเขียนได้ร่วมสมัยดีครับ
  • ใยไหม

    6 มกราคม 2548 22:12 น. - comment id 401025

    ดอกข้าว
    หากอยากเขียนโคลงเก่งๆลองให้อัลมิตราคนงามสอนสิค่ะ ...   ฝีมือเธอเรียกได้ว่าชั้นเชิงสูงทีเดียว..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน