ริมฝีปากที่แห้งผาก... กลืนน้ำลายลงคอแสนยาก..เพราะมันแห้งจนเป็นผุยผง เสียใจทำไม...ร้องไห้ทำไม...รู้จักไหม...คำว่า...ปลง ทำร้ายตัวเองประชดความไม่มั่นคง...สุดท้าย..ได้อะไร ปล่อยน้ำตาให้เหือดแห้ง.... มันคงจะไม่แล้ง...เท่าน้ำใจของใครบางคน...เชื่อไหม ทะเลทรายที่ธรรมชาติสร้างไว้...ยังเปรียบปานไม่ได้..กับหัวใจ ที่แห้งแล้งยิ่งกว่าอะไร...จะมาเทียบได้...คงไม่มี สายตาที่หม่นมัว... แข่งกับความมืดสลัว...ของค่ำคืนอันยาวนาน..คืนนี้ สายหมอกสีขาว...ช่างบดบังหนทางก้าวเดิน...ทุกนาที ก้อเหมือนหัวใจของเธอที่ไม่เคยมี...ความทรงจำดีดี...ให้จดจำ
24 ธันวาคม 2547 20:17 น. - comment id 395435
ปล่อยให้ไหล ไหลไป ครั้งสุดท้าย อย่าเสียดาย ความเจ็บ เหน็บหนักหนา เพียงพลั้งพลาด อย่าคิด ผิดอุรา แล้วเวลา จะกลบ ลบมันไป มาทักทายนะ
25 ธันวาคม 2547 12:38 น. - comment id 395745
เศร้าจังนะคะ ทะเลทราย สายหมอก
25 ธันวาคม 2547 16:54 น. - comment id 395912
คลื่นกระทบฝั่ง ดอกข้าว ๑..หมุนเปลี่ยนเวียนวัยตามเวลาเรื่อย การเดินทางบางครั้งเหนื่อยหนักจนท้อ ปลอบใจตัวเองไว้ว่าให้รอ วันข้างหน้ามีพอให้พักได้ ๒..มีความเหงาเข้ามาเยือนในบางครั้ง บางอารมณ์ก็พลั้งเพ้อไปไกล ความทุกข์ตรมที่ทับถมในหัวใจ มีบางครั้งนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ๓..ก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่ามันไกล แต่ก็เก็บความท้อไว้ไม่หันเหลียว ประสบการณ์ผ่านมาให้เก็บเกี่ยว หนทางเปลี่ยวเพียงปล่อยใจไปตามวัน ๔..แกล้งยิ้มไปในวันวันให้มันผ่าน ในเวลาเนินนานเกินนับนั้น ความท้อถอยความเศร้าเหงารำพัน ต่างกรูกันเข้ามาเป็นมั่นหมาย ๕..แต่ศรัทธาในใจยังแจ่มแจ้ง ตราบที่แสงตะวันส่องไม่หนีหน่าย ดาวบนฟากฟ้างามยังพร่างพราย หวังสักวันคงได้ดั่งประสงค์ ๖..แม้มันอาจดูเลือนลอยคอยแล้วเปล่า ด้วยเรื่องราวมากมายมันไม่ตรง เป็นไปอย่างทางที่คิดที่วาด..วง แต่ยังคงมั่นหมายไม่ถอนถอย ๗..มีเหมือนกันบางครั้งก็เคว้งไป หันทางไหนไปไม่เป็นจนซึมหงอย นั่งร้องไห้คิดถึงฝันวันที่คอย แต่ก็ปล่อยปลงได้ในเวลา ๘..หันไปถามกำลังใจจากผู้คน ในยามที่สับสนสุดหันหา ยังไม่มีแม้สักคนจะนำพา เดินเขามาปลอบโยนยามหมองมน ๙..ปลอบตัวเองเสมอไม่เป็นไร กำลังใจสร้างได้ด้วยตัวตน ผ่านชีวิตผ่านเวลามาหลายหน ความสับสนทนมาก็มากมาย ๑๐..ปล่อยให้ผ่านจากนี้คงมีใหม่ ทุกข์ผ่านไปแล้วใจคงสุขได้ ต่อจากนี้เรื่องนี้คงผ่านไป วันข้างหน้ารับไว้ว่าเรื่องดี ๑๑..แปลกเหมือนกันใจคนเรารับเอาทุกข์ ทั้งที่เรื่องราวสนุกก็มากมี ยังเก็บเอาทุกข์เศร้ามาสุมตี ให้ใจตัวเองนี้มีแต่ตรม ๑๒..คงเหมือนคลื่นครวญซ้ำซ้ำกระทบฝั่ง ทะเลดั่งใจคนที่ล้นถม มีความเศร้าเคล้าคลึงให้อารมณ์ ได้เก็บบ่มประสบการณ์เกิดปัญญา ๑๓..เปรียบปัญหาว่าเป็นเหมือนเพื่อนเดินทาง ปล่อยปลงบ้างบางเรื่องไม่ห่วงหา ค่าของคนคงอยู่ที่เวลา พิสูจน์ว่ามั่นคงหรือหลงไป ๑๔..หากมั่นคงคงได้อย่างวาดหวัง ไปถึงฝั่งที่ตั้งที่วาดไว้ สิ่งอันนี้อยู่ที่ชนะใจ ได้หรือไม่ในสิ่งที่เผชิญ ๑๕..แสงสีมากมายเข้ามารุมเร้า เป็นดั่งเงาข้างทางระหว่างเดิน หากท้อถอยถ้อยว่าฝันมันไกลเกิน แล้วหลงเพลินกับแสงสีที่เข้ามา ๑๖..ชีวิตคงหยุดลงที่ตรงนั้น สิ่งที่ว่าใฝ่ฝันมันคงลา ทิ้งกายลงหลงอยู่กับภาพลวงตา แล้วถึงวันหนึ่งก็ว่าสายเกินไป ๑๗..อันชีวิตมันก็เป็นเช่นอย่างนี้ หรือไม่คงได้ดีดั่งฝันใฝ่ กันทุกคนทุกฝันที่ฝากไว้ มันคงไร้รสชาติกร่อยในตา ๑๘..ถอนหายใจยาวยาวแล้วก้าวเดิน ออกเผชิญความฝันวันข้างหน้า จะจำเจซ้ำซากบ้างบางครั้งครา ไม่เบื่อลาจากไปไกลฝันเอย ...ลูกคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่เคลื่อนเข้ากระทบฝั่ง ...กรวดหินดินทรายที่ทับถมริมฝั่ง ...เปลือกหอยนานาชนิดทิ้งคมปักลงบนพื้นทราย ...ตะวันดวงโตทิ้งตัวจมหายไป ...แสงจันทร์ผ่องนวล ...แสงดาวฟ้อนระยิบเหนือพื้นน้ำอันเวิ้งว้าง ...ข้าพเจ้าไม่อยากเชื่อเลยว่าความจำเจซ้ำซ้อนจะสร้างสิ่งที่สวยงาม
25 ธันวาคม 2547 23:09 น. - comment id 396021
แต่สำหรับเรา เธอเป็นความทรงจำที่ดีและมีต่อหัวใจฉันเสมอ ทั้งที่ไม่เคยสั่งให้จดจำแต่ใจดื้อรั้นเอง
26 ธันวาคม 2547 15:20 น. - comment id 396293
ขอปรบมือให้กับกลอนที่บาดใจสุด ๆ เลย เฮ้ออ่านก็น้ำตาไหลไป ท่าจะเป็นเอามาก