อานิสงส์ของการสวดมนต์ เทศนาโดย ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ดังปรากฎในงานของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จโตมาเทศน์ที่บ้าน ********************* ครั้นพลบค่ำ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต พร้อมลูกศิษย์ได้เดินทางจากวัดระฆังมายังบ้านของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี ซึ่งในขณะนั้นมีอุบาสก อุบาสิกา นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันเป็นจำนวนมาก ด้วยต้องการสดับรับฟังการเทศน์ของท่านเจ้าประคุณ ณ ที่เรือนของท่านเจ้าพระยา เจ้าประคุณสมเด็จโต ได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวบูชาพระรัตนตรัย เมื่อจบแล้ว ท่านจึงเทศน์ เรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้กล่าวว่ายังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อยและเสียเวลามากหรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านมีคุณวิเศษเช่นไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์อรหันต์อริยะเจ้ามีคุณเช่นไร การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฎในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มี 5 โอกาสด้วยกันคือ 1. เมื่อฟังธรรม 2. เมื่อแสดงธรรม 3. เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์ 4. เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น 5. เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น 2 เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไปเพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่น คือ 1. กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม 2 ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย 3. วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐ ในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมา ในการผิดพลาดหากมี และกล่าวสักการะเทอดทูนที่สูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็นการสร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดทีเดียว อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดังพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่น * ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิต ก็จะทำให้เกิดความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้น ๆ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด * ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดจะพลอย ให้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการสวดมนต์ มีอยู่จำนวนมาก ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผู้สวดมนต์ได้ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์ ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดา ทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตราย ได้อย่างดีเยี่ยม ดูก่อน... ท่านเจ้าพระยาและอุบาสกอุบาสิกาในที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เมื่อจิตมีที่พึ่งคือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี และความขนพองสยองเกล้าก็ดี ภัยอันตรายใด ๆ ก็ดี จะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั่นแล... ***************************** ความมหัศจรรย์ของการสวดมนต์ อาตมา... ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ด้วยตัวของอาตมาเอง ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร ในสมัยนั้นเต็มไปด้วยความทุรกันดาร และความอดอยาก เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูติผีวิญญาณตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถาและเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น อาตมาได้เดินธุดงค์ไปเพียงลำพัง ในช่วงเวลานั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนต์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่นพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใด ก็จะกล่าวเพียงแต่คำนี้ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมาเอง อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยามในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านนั้นมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้ เมื่อเห็นมีพระภิกษุมาปักกลดในที่แห่งนั้น อาตมาอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาหลายปี และ ณ ที่แห่งนั้น อาตมาจึงได้พบคุณวิเศษแห่งการสวดมนต์ มีชาวบ้านผู้หนึ่งได้เข้ามาสนทนากับอาตมาหลังจากได้ถวายอาหารแล้ว ชาวบ้านผู้นั้นอาตมาทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายผล นายผลได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เขาเป็นผู้ฝึกเวทย์มนต์คาถาอาคม เล่าเรียนจนมีญาณแก่กล้า และมักจะทดสอบเวทย์มนต์คาถาอาคมแก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปักกลด ณ บริเวณนี้เป็นประจำ เขาเล่าให้อาตมาฟังว่า เขาได้ส่งอำนาจคุณไสยเข้ามาทำร้ายอาตมาทุกคืน แต่ไม่ได้หวังทำร้ายเป็นบาปเป็นกรรมถึงตาย เพียงแต่ต้องการทดสอบดูว่าภิกษุรูปนั้นจะมีวิชาอาคมแก่กล้าสามารถที่จะต่อสู้กับคุณไสยเขาได้หรือไม่ นายผลก็ได้ทำคุณไสยใส่อาตมาถึง 7 วันเต็ม ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยควายธนูหรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้ายอาตมา แต่ปรากฎว่าสิ่งที่ปล่อยมา ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายอาตมาได้เลย วันนี้จึงได้มากราบเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับอาตมา อาตมาจึงได้บอกว่าตัวอาตมาเองไม่ได้ศึกษาเวทย์มนต์คาถาหรือคุณไสยใด นายผลก็ไม่ยอมเชื่อหาว่าอาตมาโกหก ถ้าหากว่าไม่มีของดีแล้วไซร้ไฉนอำนาจคุณไสยดำที่เขาส่งมา จึงกลับมายังที่เขาซึ่งเป็นผู้กระทำ ไม่สามารถทำร้ายอาตมาได้ อาตมาก็พยายามชี้แจงให้เขารู้ว่า อาตมาไม่มีวิชาเหล่านี้จริง ๆ ทำให้นายผลสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดอาตมาจึงไม่ได้รับภัยอันตรายจากอำนาจเวทมนต์คุณไสยดำที่เขาส่งมาทำลายได้ อาตมาได้บอกกล่าวแก่เขาว่า เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย และอาตมาก็จำวัดนอนเป็นปกติ นายผลเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงได้บอกแก่อาตมาว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์ ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่าน ในวันนี้ก่อนที่ท่านจะจำวัด จงหยุดการสวดมนต์สัก 1 คืนได้หรือไม่ ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่าการสวดมนต์ของท่านเช่นนี้ จะเป็นเกราะคุ้มครองภัยท่านหรือเป็นเพราะอำนาจเวทมนต์คาถาในภูติผีปีศาจของข้าพเจ้าเสื่อมกันแน่ ข้าพเจ้าขอรับรองว่า จะไม่ทำอันตรายแก่ท่านอาจารย์อย่างเด็ดขาด เพียงแต่ต้องการที่จะทดสอบให้รู้แจ้งเห็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น อาตมาก็ตกลงรับปากแก่นายผลว่า คืนนี้จะไม่ทำการสวดมนต์ นายผลจึงได้ลากลับไป ครั้นถึงเวลาพลบค่ำอาตมาก็นอนโดยมิได้ทำการสวดมนต์ตามที่ได้ปฏิบัติเป็นปกติ เมื่ออาตมานอนและหลับไป อาตมารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฎว่าอาตมาได้ยินเสียง กุกกัก กุกกัก ขึ้นมา จึงจุดเทียนและพบตะขาบใหญ่ยาวเท่ากับขาของอาตมากำลังเลื้อย เข้ามาอยู่ใกล้ตัวของอาตมามาก อาตมารู้สึกตกใจถึงกับหน้าถอดสี และด้วยสัญชาติญาณจึงกล่าวคำสวดมนต์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยจิตยึดมั่นในพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ เสียงกุกกัก และตะขาบที่อยู่ข้างหน้าก็อันตรธานหายไป จากนั้นอาตมาจึงได้จำวัดนอนเป็นปกติ ในวันรุ่งขึ้นนายผล ก็มาหาอาตมาและได้กล่าวว่าเมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ปล่อยตะขาบเข้าไปในกุฏิที่ท่านพำนักอยู่ อาตมาบอกว่า อาตมาได้ตื่นมาและตกใจ จึงได้สวดมนต์ภาวนาตะขาบตัวนั้นก็ได้อันตรธานหายไป นายผลจึงได้ยกมือพนมขึ้น แล้วกล่าวว่าบัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า อำนาจเวทมนต์คาถาและคุณไสยใด ๆ ของข้าพเจ้ามิอาจทำร้ายท่านได้ ก็เพราะอำนาจแห่งการสวดมนต์ภาวนาของท่าน เป็นเกราะคุ้มครองภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ ที่อาตมาได้เล่าให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ได้ฟังกัน เพื่อให้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ว่า เหล่าพรพมเทพได้มาฟังการสวดมนต์จริงดังที่อาตมาได้เทศน์ไว้ เพราะถ้าไม่ใช่เหล่าพวกพรหมเทพแล้วไซร้ ก็คงไม่สามารถที่จะขับไล่สิ่งที่เกิดจากอำนาจคุณไสย ที่นายผลส่งมาเล่นงานอาตมาได้อย่างแน่นอน ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาในที่นั้น เมื่อได้ฟังคำเทศนาแล้วต่างก็ยกมือขึ้นสาธุว่า อานิสงส์ของการสวดมนต์ช่างมีคุณค่าสูงส่งยิ่งนัก ******************************** เนื่องจากข้าพเจ้าได้รับเมล์จากคุณแหม่มส่งมาให้ข้าพเจ้าอ่านเพราะได้ส่งกลอนที่ได้แต่งเองเกี่ยวกับ สติปัฏฐานสูตร ยังไม่จบ และกลอนเกี่ยวกับธรรมมะอีกหลายตอนด้วยกัน คุณแหม่มซึ่งได้เห็นคุณค่าของการเผยแพร่ธรรมของข้าพเจ้าจึงได้ส่งมาให้ อ่านแล้วได้สาระคุณประโยชน์มากมายจึงคิดถึงเพื่อนทั้งหลายในไทยโพเอ็ม และได้ช่วยเผยแพร่แก่สาธุชนเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงได้นำมาเผยแพร่ หากผิดพลาดประการใดข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว หากเป็นผลบุญขอมอบให้ประคุณเจ้า ท่านเจ้าคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ด้วยเทอญ. ๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
29 ตุลาคม 2547 22:54 น. - comment id 359917
ชอบสวดมนตร์เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะช่วงเวลาไม่มีสมาธิ พอสวดแล้วจิตใจสบายดี มีสมาธิมากขึ้น ขอบคุณคุณแก้วค่ะ ที่นำสิ่งดีๆมาให้อ่าน
29 ตุลาคม 2547 22:58 น. - comment id 359921
ก็สวดอยู่เหมือนกันนะค่ะ และคืนนี้คงต้องบอกว่าราตรีสวัสดิ์แล้วค่ะ หลับฝันดีนะคะ
29 ตุลาคม 2547 23:04 น. - comment id 359925
สวดไม่เป็นค่ะพี่แก้ว คือที่ยากๆน่ะคะ แต่ที่ง่ายก็พอได้ค่ะ ไหว้พระก่อนนอนด้วยค่ะ สาธุ..... ฝันดีค่ะพี่แก้ว
30 ตุลาคม 2547 00:42 น. - comment id 359978
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี นับถือ..ศรัทธา.. แล้วก็สวดคาถาชินบัญชร..ประจำเช่นกัน.. แวะมาเยี่ยมค่ะ
30 ตุลาคม 2547 07:48 น. - comment id 360007
..อืมๆ วีนัสก็สวดก่อนนอน ส่วนใหญ่จะขึ้นนะโมก่อน..แล้วตามด้วยชินบัญชร แต่เด็กจนโต.. อันนี้ก็แนะนำเหมือนกันว่าทำแล้วดีคะ.. แวะมาอ่านกลอนเพื่อนค่ะ วีนัสก่ะเจ้า
30 ตุลาคม 2547 10:47 น. - comment id 360072
สาธุ สาธุ.....หลวงปู่โตพรหมรังสี .....สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณค่ะ ว่างเว้นการสวดมนต์ มานาน แอะ
30 ตุลาคม 2547 10:52 น. - comment id 360076
อนุโมทนาบุญทั้งคุณแก้วประเสริฐ และ คุณแหม่มนะคะ อิอิ สงสัยคุณแก้วลืมไปเปิดลงหน้าเรื่องสั้นหรือเปล่าคะ
30 ตุลาคม 2547 11:57 น. - comment id 360106
หนูกุ้งก็สวดจ๊ะ.. อานิสงค์ นำพาให้หน้าตาสดใสน่ะจ๊ะ.. ..
30 ตุลาคม 2547 12:37 น. - comment id 360140
เมกเห็นด้วยครับพี่ การสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดีมาก สิ่งที่เมกเห็นได้ชัดหลังจากสวดมนต์ก็คือ ใจสงบขึ้น ใจเย็น ใจนิ่ง ไม่วอกแวก และที่ดีกว่านั้น เวลาจะคิดนึกอะไร มักจะเป็นไปได้เร็วและแม่นยำ ทุกวันนี้ เมกจะสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอทุกวัน พอตื่นนอนจะสวด บทชินบัญชร และบทพาหุง ทุกวัน เมกชอบนะครับ ทำให้ใจนิ่งและสงบดี +-*-+ +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+
30 ตุลาคม 2547 14:59 น. - comment id 360262
ไม่ค่อยได้สวดมนต์ค่ะ เดี๋ยวนี้หัวถึงหมอนก็หลับแล้วค่ะ ต่อไปจะพยายามสวดก่อนนอนให้ได้ทุกวันค่ะ
31 ตุลาคม 2547 12:55 น. - comment id 360800
คุณ นางฟ้าซาตาน สิ่งดีๆในโลกนี้มีแยะ สุดจะสรรค์หาหากทุกคนเมื่อได้รับเห็นเป็นประโยชน์ก็ควรนำมาเผยแพร่ เพราะคนที่ไม่ได้รับจะได้รับรู้ไว้บ้างครับ นี่คือความคิดของผมครับ ขอบคุณมากที่มาเยือนแวะอ่านสิ่งเหล่านี้ครับ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 12:59 น. - comment id 360803
คุณ ผู้หญิงไร้เงา ผมเองสวดมนต์และหลังจากนั้นจะนั่งสมาธิสักครู่มิได้หวังอะไรเพียงแต่ต้องการให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ได้ผลครับเวลามีเหตุการณ์ที่กระชั้นชิดทำให้สะดุ้งตื่นตกใจ จะสามารถรวบรวมสติได้รวดเร็วกว่าปกติครับ จึงอยากจะให้พวกเราได้หันมาหาทางสงบอย่าหวังอะไรมากนัก ตัวเราย่อมช่วยตัวเราก่อนเสมอ จะคอยคนอื่นนั้นก็เมื่อเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้วล่ะ ขอบคุณมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 13:04 น. - comment id 360805
คุณ เพราะรัก พยายามซิครับ เอาอย่างนี้นะครับ ตั้งนะโม 3 จงคิดว่าทำได้ พุทธัง อภิปูชยามิ ธัมมังอภิปูชยามิ สังฆังอภิปูชยามิ แล้วต่อด้วย พุทธัง สะระณังคัจฉามิ ธัมมัง สะระณังคัจฉามิ สังฆัง สะระณังคัจฉามิ ส่วนท่อนหลัง เอาเป็นคำภาวนาก่อนนอนจนกว่าจะเคลิ้มหลับไป รับรองว่าจะฝันดีหรือไม่ฝันเลยครับ ทดลองดูก่อนก็ได้ถ้าไม่ดีไม่ต้องทำนะครับ ไม่ยาวและไม่ยากครับ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 13:06 น. - comment id 360806
คุณ ภูตะวันฯ การสวดมนต์เป็นสิ่งที่สามารถทำให้จิตใจเราสงบ เยือกเย็น แถมสติมั่นคงแฝงไว้ด้วยปัญญาครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 13:07 น. - comment id 360808
คุณ VeNus แสดงว่าคุณได้รับการอบรมที่ดีมากตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน ครับสิ่งดีเช่นนี้น้อยคนจะสามารถทำได้ครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 13:11 น. - comment id 360809
คุณ ลูกดาหลา ผมเองสวดมนต์และหลังจากนั้นจะนั่งสมาธิสักครู่มิได้หวังอะไรเพียงแต่ต้องการให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ได้ผลครับเวลามีเหตุการณ์ที่กระชั้นชิดทำให้สะดุ้งตื่นตกใจ จะสามารถรวบรวมสติได้รวดเร็วกว่าปกติครับ จึงอยากจะให้พวกเราได้หันมาหาทางสงบอย่าหวังอะไรมากนัก ตัวเราย่อมช่วยตัวเราก่อนเสมอ จะคอยคนอื่นนั้นก็เมื่อเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้วล่ะ สิ่งดีๆเหล่านี้คนเรามักไม่ค่อยมองเห็นว่าล้าหลังเป็นคนหลังเขา แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยขจัดขัดเกลาจิตใจเราได้ดีขณะที่คนอื่นไม่สามารถช่วยได้ ในยามว้าวุ่นเสมอ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 13:17 น. - comment id 360814
คุณ ทิกิ ไม่หรอกครับผมไม่ลืมแต่ไม่ทำครับ เพราะตั้งแต่ผมเล่น ไทยโพเอ็มมา เล่นแค่เวปกลอนตามใจคุณ จนปัจจุบันไม่เคยส่งเรื่องเข้าเวปอื่นเลยหรือแม้กระทั่งไปตามเวปต่างๆยกเว้นที่เคยเข้าไปสองครั้งคือ เวปกลอนกำลังใจ เพื่อไปหาคุณราชิกา กับเวปเรื่องสั้นเพื่อไปอ่านและยังเจอของคุณด้วยครับ ขอบคุณมากนะครับที่แวะมาเยี่ยมเยือนผมเสมอครับ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 13:20 น. - comment id 360817
คุณ กุ้งหนามแดง โอ้ช่างเลิศอะไรเช่นนั้นงามทั้งจิตใจและร่างกาย สวดมนต์ภาวนากายาสร้างสรรค์เผยแพร่พระธรรมช่างเลิศบริสุทธิ์จริงๆ อนุโมทนาด้วยคนนะแม่คุณ ขอบใจมากจ้า แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 13:22 น. - comment id 360820
คุณ เมกกะ ผมทราบว่าคุณก็เป็นพุทธมามะกะที่มั่นคงยิ่งคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะชอบสนุกสนานไปตามวัยก็ตาม ในส่วนลึกคุณมั่นคงต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เสมอมา อนุโมทนาด้วยครับ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 13:24 น. - comment id 360822
คุณ คนเมืองลิง ทดลองดูซิครับถ้าดีก็ทำ ถ้าไม่ดีก็อย่าทำไม่เสียหายอะไรเลยล่ะ ผมเองสวดมนต์และหลังจากนั้นจะนั่งสมาธิสักครู่มิได้หวังอะไรเพียงแต่ต้องการให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ได้ผลครับเวลามีเหตุการณ์ที่กระชั้นชิดทำให้สะดุ้งตื่นตกใจ จะสามารถรวบรวมสติได้รวดเร็วกว่าปกติครับ จึงอยากจะให้พวกเราได้หันมาหาทางสงบอย่าหวังอะไรมากนัก ตัวเราย่อมช่วยตัวเราก่อนเสมอ จะคอยคนอื่นนั้นก็เมื่อเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้วล่ะ ขอบคุณมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
31 ตุลาคม 2547 18:21 น. - comment id 361040
พุดค่ะคุณแก้ว พุดสวดมนต์ประจำทุกค่ำคืนมานานแล้วค่ะ แทบจะตั้งแต่ยามเยาว์เลยค่ะ เพราะพุดเป็นหลานรักของคุณย่าค่ะ และท่านถือศีลภาวนา และนั่งวิปัสนากรรมฐานค่ะ พุด..สวดคาถาชิณบัญชรจนจำขึ้นใจแล้วค่ะ และบทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก ต้นฉบับเดิม และยังมีอีกหลายๆบทค่ะ พุด.. รู้สึกขนลุกปิติใจเกษมจิตมากค่ะ กับบทความที่แสนงดงามมีค่ามากทางจิตวิญญาณจนเกินจะกล่าวค่ะ พุด..ตามอ่านงานคุณแก้วเสมอมานะคะ ด้วยความคารวะและชื่นชมค่ะ ขออนุโมทนาบุญ ร่วมกับจิตอันผ่องใสของคุณแก้วนะคะ ด้วยรักค่ะ
1 พฤศจิกายน 2547 02:07 น. - comment id 361244
คุณ พุด ครับผมเองเชื่อมั่นในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก จึงได้พยายามหาทางเผยแพร่ธรรมอันทรงคุณค่าหาที่เปรียบมิได้แก่สังคม ในเมื่อผมมีโอกาสที่ดีงามเช่นนี้ การที่คุณพุดเจริญธรรมตั้งแต่เยาว์นั้นยังผลให้คุณเป็นผู้ทรงคุณวุฒิยิ่งคนหนึ่งในด้านปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม ผมเองปิติเป็นอันมากที่มีเพื่อนเช่นคุณครับ ขอบคุณมากนะครับแม่ดอกพุดอันทรงกลิ่นหอมขจรยิ่ง แก้วประเสริฐ.