url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5820 http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420 ************** คนดี.. อย่าร้องไห้.. พี่กำลังจะกระซิบเล่าอะไรให้ฟัง เอียงแก้มมานะครับ พี่จะเช็ดหยาดน้ำตาให้ และสัญญานะครับคนดี.. ว่า.. น้องจะต้องหยุดร้องไห้เสียที ก่อน ที่พี่คนนี้จะเล่าเรื่องราวทั้งสิ้นทั้งหมด ที่ปรากฎแก่สายตาน้องน้อย นะบัดนี้นะนาทีนี้..! ให้น้องได้รับทราบได้รับฟัง อย่างหมดจดใจ อย่างถอดใจ..นะครับสัญญา..! ************* จำได้ไหม. ในวันปลายฝนต้นหนาวหนึ่ง ที่พี่บอกกับน้องว่า.. จะลาไปไหนสักสองสามอาทิตย์ และ กลายกลับไป.. เป็นนานแสนนาน.. นานติดต่อกันหลายเดือน.... ให้น้องน้อยคอยห่วงใยติดตาม เฝ้าเพียรถาม ด้วยความคิดถึงคะนึงหา กลัวว่าพี่คนนี้จะลาลับ.. ไม่กลับมาหาน้องอีก..ตราบชั่วชีวิต... ที่... พี่เพียงแค่มีโอกาส.. ส่งเมล์มาย้ำ *คำมั่นสัญญาสั้นๆซึ้งๆ ซึ่งหากทว่าล้ำลึก.. ทางจิตวิญญาญ์แห่งสองเรา*เป็นยิ่งนัก.. และคนดี ระหว่างเรา.. จากจิตถึงจิต จากรักถึงรัก จากใจถึงใจ จากฝันถึงฝัน จากคิดแค่คิด คิดถึงความผูกพัน.. กันมายาวนาน ราวจากภพก่อนปางก่อน ให้หวนหาย้อนคืนกลับมาในชาตินี้.. ที่มิเคยคิด.. เพียงหวังแค่ครอบครองร่าง ยอมอ้างว้างเดียวดาย แบบมิต้องการกาย เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ให้ต้องยึดติดหมองหม่นใจ เพียงรัก ด้วยดวงใจพิสุทธิ์ใส ที่จะประคองใจช่วยกันฉุดดึง พาไปพบที่แห่งหนึ่ง ซึ่งจำต้องใช้ ความเพียรพยายามอย่างมาก และยากเย็นนัก..ถึงจะไปถึงไปพบ.. หากยังมิอาจตัดรัก หักอาลัยในทุกสรรพสิ่งได้ ก็อย่าหวังเลย พี่จึงได้เพียงแค่ส่งข่าวมาว่า พี่ยังรัก และยังคะนึงห่วงหาน้อง แต่ มีภาระกิจติดพัน.. เพื่อ มิให้น้องน้อยนั้นต้องเสียน้ำตาร้องไห้ห่วงใย กลัวภัยอันตรายจะเกิดกับชีวิตพี่นะที่รัก.. พี่ผู้ที่มีหน้าที่เสี่ยงภัย ต้องผจญภัย ไปตามไพรกว้าง เพื่อทำงานบางสิ่งบางอย่าง ต้องทำหน้าที่อย่างลูกผู้ชายไทย ที่ต้องทำหน้าที่ ตอบแทนรับใช้ชาติและผืนดิน อันเป็นสิ่งที่ พี่รักแสนรัก..รักยิ่งกว่าชีวิต รักเหนือกว่ารักเกินจะกล่าว.. ********** ฟังนะครับคนดี กับ วันที่.. พี่พรากลาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พี่จะเล่าอย่างช้าๆนะครับ นอนหนุนตักแล้วหลับตานะครับคนดี และมาพี่จะเช็ดหยาดน้ำตา ให้หยุดระรินเสียทีจะดีไหม..ครับ.. ............................. คนดี พี่..ตื่นมารับอรุณรุ่ง ในยามอุษาฟ้าสาง ฟ้าใกล้จะสว่างรำไรๆ กับ รินรินหอมหอมหวานหวาน ของดอกไม้ป่าดอกไม้ไพร ริมกระท่อมฝันที่กำลังสะพรั่งริน ดอกสรัสจันทร์ ดุสิตา เอื้องป่านวลจันทร์ ดอกหยาดน้ำค้าง.. กับ หนาวหมอกจางๆ ที่ยังพร่างพรม ห่มลำน้ำโขง...*ลำน้ำลำนำแห่งจิตวิญญาณ* สายธารแห่งชีวิตของผู้คน ทั้งสองฟากฝั่งทั้งไทยลาว ที่ยังรายล้อม ไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ของหลากหลายเชื้อชาติ เป็นแหล่งของการศึกษาค้นคว้า ข้อมูล จากยุคก่อนประวัติศาสตร์ อุทยานแห่งชาติ น้ำตก และจุดรวมของแม่น้ำสองสาย ที่ทุกคนพากันกล่าวขานขนานนาม ให้อย่างแสนงามแสนไพเราะว่า * โขงสีปูน มูลสีคราม* ให้คล้องจ้อง และมีความหมายอย่างเหมาะเจาะว่า คือ.. แม่น้ำสองสายสองสีที่ กลายมาบรรจบพบกันอย่างสวยงาม อย่างผสานผสม ก่อให้เกิด สีสันได้อย่างงดงาม ระหว่างสีน้ำตาลของแม่น้ำโขง และ สีที่สดใสของแม่น้ำมูล เกิดกลายเป็นสายน้ำสองสี ที่ หล่อหลอมวิถีวัฒนธรรมชุมชน ชาวโขงเจียมและชาวลาวเข้าไว้ด้วยกัน ที่นะบัดนี้... ราวพญางูยักษ์ที่กำลังหลับไหล นอนทอดตัวอย่างสงบงาม และ ราวสายธารธาราธรรม ธรรมชาติแห่งสายน้ำ กำลังจะสอนสัจจธรรม อันเที่ยงแท้แน่นอน ให้กับมนุษย์ทุกผู้คน บนผืนโลกโศกสุขทุกข์รักนี้..ได้ประจักษ์ ได้สัมผัสซึ้งถึงความผูกพันนั้น อันควรจะหลอมละลายให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ใช่เพียงจะปันแบ่ง คอยกั้นเพียงอาณาเขต หากต้องร่วมเสพสุข ร่วมทุกข์ทนยาก ร่วมรักษาและให้รู้รักษ์ค่างาม อย่าหยามล่วงล้ำ ให้น้ำนั้นพลันกลายเสีย พลันพลอยพา ให้โซ่แห่งน้ำฟ้าป่าดินพลอยเสียสมดุลย์ หมุนให้ทุกสรรพสัตว์ และสรรพสิ่งพลอยสิ้นสลาย ล้มหายตายจากไปสิ้น มิอาจจะผันย้อนอดีตคืนอันงามเงางามงด พี่. จึงได้เลือกที่จะมาพัก ในกระท่อม... รีสอร์ทคล้ายเกสต์เฮ้าส์แห่งนี้ ในอำเภอที่ชื่อแสนงาม นามแสนจะเจียมตนเจียมใจ..ว่า*โขงเจียม..* ที่ห่างไกลออกมา จากตัวเมืองอุบลราชธานี ราวแปดสิบกว่ากิโลเมตร ซึ่งยังคงมีป่าไม้งามพร้อม งามละม่อมละมุน และ ยังมีความสมบูรณ์หอมกรุ่น ด้วยไม้หอม..พืชไพรนานาพรรณ กล้วยไม้ป่าอันหายาก ให้พี่ได้รู้สึกว่า ราวได้สัมผัสธรรมชาติ อย่างแท้จริง สามารถมองเห็นวิว อันไม่มีรู้สิ้นสุดของลำน้ำโขง และ แผ่นดิน อันแสนสุดกว้างยาว ของทั้งสองฝั่งทั้งลาว และไทย เป็นธรรมชาติหอมงามแห่ง ความทรงจำ อันมีค่ามากมาย ที่ยากจะเลือนลืมได้ เมื่อมาพักนะที่แห่งนี้ และกับอรุณรุ่ง ของเช้าวันหนึ่ง ที่พี่หวัง จะได้เห็นตะวันแรกขึ้นก่อนใครๆในสยาม นิยาม ที่กล่าวขานถึงแผ่นดินแถบนี้มานานนม ว่าลำแสงทองแห่งอรุณรุ่งณ..ริมฝั่งฝัน ริมลำน้ำโขงนั้น จะงามเพริดงามพราว งามอะคร้าว ราวทองทาบทาแผ่นดิน ราวสวรรค์เนรมิต ให้มวลมนุษย์ได้สัมผัสถวิลหา ลอยเลื่อน..ลงมาเยือนหล้าโลกประดับใจ คนดี และแล้ว ภาพฝัน ก็พลันปรากฎแก่ตา นะบัดนี้.. ที่จริงเสียยิ่งกว่าจริง งามเสียยิ่งกว่างาม ยิ่งกว่าสวรรค์ลอย ยามที่.. ลำแสงสีทอง... กำลังค่อยๆสาดส่องลงมา สัมผัสผืนน้ำ.. ลำน้ำโขง สายธารสายธาราแห่งชีวาชีวิต ให้เกิดแสงวะวิบวับ ระยับยิบราวอัญมณีเพชร อัญมณีไพร..เม็ดงาม..กลางผืนป่า ยามที่ แสงสวยสุริยาสีทองอันละอออ่อนอุ่น สาดส่องประกายหวาน ค่อยๆคลี่แสงจรัสเจรือง ทายทักมวลทุกสรรพสิ่ง และ ให้หัวใจทุกดวงนิ่งงันงามเงียบอิ่มเอิบ ผ่านม่านหมอกดวงดอกไม้ป่า ลงมากระทบกับผืนน้ำเบื้องหน้า และ ให้ละอองหมอกบางๆ ค่อยๆเลือนหายสลาย...ลา ไปกับสายลมและแสงแดดในยามอรุณรุ่ง ที่นะบัดนี้ มวลหมู่นกกา วิหคไพรพนาเริ่ม ผกโผผินออกจากรัง..ถลาบินออกหาเหยื่อล่าเหยื่อ... .......... คนดี ก่อนหน้าที่พี่จะมาพักที่นี่ พี่ได้ขับรถไปเยี่ยมชมทอดทัศนา หลายสถานที่ท่องเที่ยว ทุ่งศรีเมือง.. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี หาดวัดใต้ พิพิธภัณฑ์เปิดบ้านก้านเหลือง หาดคูเดื่อ บ้านปะอาว บ้านท่าข้องเหล็ก แก่งสะพือ เขื่อนสิรินธร บ่อน้ำบุ้น ชายแดนช่องเม็ก ถ้ำเหวสินธุ์ชัย เขื่อนปากมูล น้ำตกห้วยทรายใหญ่ .......... และ ที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้พี่คิดถึงน้องน้อยอย่างที่สุดแล้วคนดี คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นะแห่งนี้ *ภูหล่น* ที่ตั้งอยู่ที่ตำบลสงยาง ห่างจากตัวอำเภอศรีเมืองใหม่ ไปทางทิศเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นภูเขา ขนาดย่อม มีต้นไม้ปกคลุมเป็นระยะ สลับกับโขดหินน้อยใหญ่ บริเวณนั้น มีถ้ำซึ่งสร้างเป็นสำนักสงฆ์ โดย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ เพื่อใช้เป็นที่วิปัสสนาธรรม บริเวณโดยรอบเย็นสบาย เงียบสงบ เหมาะแก่ การพักผ่อนและปฏิบัติธรรม ................... และ.. นะนาทีนั้นเอง..นะครับคนดี ที่พี่คิดอะไรบางสิ่งบางอย่าง ขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน ราวกับ... มีเสียงจากสวรรค์ พลังแห่งเบื้องบน ฝากสายลมฝัน สายลมหนาวปลายวสันต์ลา มากระซิบย้ำเตือน ให้พี่นั้น...สร้างฝัน สิ่งอันมหัศจรรย์แทนปาฎิหารย์แห่งรักนิรันดร์ ยามเมื่อได้พบสถานที่แห่งนี้ สถานที่ แห่งความฝันอันยาวนานของสองเรา ที่พี่เพียง..แค่เพียรขอรอเวลา หวัง จะมาสร้างอนุสรณ์แห่งความรักความทรงจำ ระหว่างเรา.. แม้นอาจจะมิใช่ยิ่งใหญ่ เสมือน*ปราสาททัชมาฮาล* ที่กษัตริย์ ชาห์ ชาฮาน แห่งราชวงค์โมกุลสร้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ที่พระองค์ทรงมีต่อพระนางมุมตัช มาฮาล พระมเหสี ผู้สิ้นพระชนม์ไปก่อนหน้า และ เพราะพี่เชื่อมั่นว่า น้องน้อยคนดีจะต้องชอบที่นี่ สถานที่ซึ่ง บางทีอาจจะเป็นลิขิตแห่งฟ้าดิน และ ราวสวรรค์สั่งตรงลงมา ให้พี่ได้มาพบมาพ้องพาน สถานสถิตราววิมานสรวงแห่งหล้า นะที่แห่งนี่ด้วยตัวเอง ที่แสนวิเวกเงียบสงบงาม และ ราวกับพี่สัมผัสได้ ด้วยจิตวิญญาณบ้านภายใน ด้วยความรำลึกรู้ ด้วยหัวใจ ด้วยดวงจิตอันแสนผ่องใสอันผ่องแผ้ว ว่าที่แห่งนี้ จะเป็นดั่งสถานแก้วสถานทิพย์ทอง ที่จะพาพี่และน้องลอยล่องท่องจิต ไปสู่ความเงียบงามอันเป็นนิรันดร์ และ ก่อน.ที่จะ. ถึงวัน.. ที่สายแสงแห่งตะวันชีวิตจะลาลับดับลง วันที่.. เราทั้งคู่ ที่เกิดมาเพื่อ จะเป็นประดุจดังคู่ใจคู่ธรรมคู่ทอง จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ได้ชิดใกล้กับความฝันฝั่งฝัน อันกำลังจะกลายเป็นจริงในไม่ช้า กับวันเวลาแห่งชีวิตที่เหลือ ที่จะได้ชิดใกล้ ธรรมชาติของทั้งสองฟากฝั่งโขง สายธารแห่งความงามล้ำงามเลิศ และ ในทางจิตบรรเจิด เรา ก็อาจจะพักพิงร่มเงา อาศัยไม่ไกลจาก ร่มธรรมร่มทองร่มวิปัสสนา ที่เปรียบประดุจดั่งสายธาราธรรม อันแสนยังอีกยาวไกล ที่จะพาให้เราผู้เพียรปรารถนา จะฝึกสมาธิได้มีปัญญาหลุดพ้น ไปพบทางแห่งความว่างความงาม *อันจักเป็นดั่งรักนิรันดร* คนดี พี่จึงไม่ลังเลใจ.. ที่จะติดต่อตัดสินใจ เมื่อพบผืนดินงามล้ำดั่งอัญมณีไพร ที่ซุกซ่อนตัวอยุ่ในหุบผาแห่งฝัน ที่ พี่กำลังจะพยายามเนรมิตรฝันทิพย์นี้ เพื่อมอบแด่น้องน้อยนะที่รัก พี่จึงตั้งใจลงมือปักหลัก สร้างสานวิมาน กระท่อมทับนะแห่งนี้ ที่พี่พร้อมพลีจิตพลีใจ ขนานนามแสนงามแสนวิไล แสนล้ำค่าทางใจ ตามชื่อน้องน้อย... *กระท่อมพุดไพร ในหุบผาแห่งฝันนิรันดร์รัก* **************** โปรดติดตาม ภาคต่อไปค่ะ.. *กระท่อมพุดไพร ในหุบผาแห่งฝันนิรันดร์รัก* นะคะทุกดวงใจ ************* http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_49260.php แพธรรม..แพทอง! ใต้ร่มไม้ใต้ฉัตรธรรมงามล้ำลึก สร้อยผลึกสอนใจใฝ่เพชรล้ำ ลงแพทองล่องทะเลโลกย์โศกระกำ ขอแพธรรมนำทางสว่างใจ.. สู่ฝั่งฝันสว่างสอาดสงบสยบโลกย์ แม้นใจโศกรู้ทันเท่ามิหวั่นไหว ขอแพธรรมแพทองล่องลอยไป พาแพใจรู้วางทางนิพพาน.. ขุดบ่อบุญกลางใจไว้รินดื่ม แม้นหลงลืมเรียกขวัญวันพบหวาน นวลเนื้อใจเพียร*งามให้*อย่าโศกราน อุปาทานทำใจใครพรากลา.. รู้วางใจรู้ไม่หวั่นรู้สรรสร้าง เส้นทางงามไม่ท้อถอยเพียรค้นหา ใจเหนือโลกโศกไม่นานนะดวงชีวา ทุกข์ผ่านมาวูบวับรู้ดับทัน.. ดอกลั่นทมร่วงพร่างกลางร่างร้าว ตาซึ้งเศร้าซ่อนน้ำตาอย่าหลงฝัน รู้ทันโลกโศกชั่วครู่ใช่นิรันดร์ ใจเพียรฝันหวังเพียรสร้างงานงามใจ เมื่อมีรักจักรู้คู่ทุกข์โศก เป็นรอยโลกการอยร้าวให้เศร้าไหว รู้รักเย็นรักให้เป็นพลีพร้อมใจ เก็บกลางใจกระจ่างสร้างสรรดี.. เกิดมาแล้วเพียรสร้างทางกุศล หวังไม่วนหลงวงกรรมซ้ำชีพนี้ ใช้แพธรรมแพทองล่องชีวี จิตวิญญาณพลีพบฝั่งฝันวันไร้เธอ.. ที่มาแห่งคำ..ชื่อเรื่องที่มีคนฝากถามมาว่าผู้รจนาใช้คำซ้ำซ้อน สายธาร..ธาราธรรม สายธาร.. คือลำน้ำโขงที่หล่อเลื้ยงร่าง.. ผืนดินพืชพรรณเป็นแรงฝันบันดาลใจ เป็นตำนานให้เกิดแหล่งอารยธรรมแห่งพลังบุญ ให้มากมีมากมายวัฒนธรรม ประเพณี ที่ทำให้ทุกผู้คนบนสองฟากฝั่ง อยู่กับความสมถะสงบงามเงียบเรียบง่าย ใช้วิถีชีวิตอย่างมีความสุขมาอย่างยาวนานยาวยืน ส่วน ธาราธรรม.. คือเส้นทางทางจิตวิญญาณผ่านสายน้ำ ที่ผู้รจนาทอดยาวเสียงธารา ล้อธารธรรมดา เพื่อจะนำมาห่มหอมสอนบทเรียนใจ ให้คิดไกลไปตามธรรมชาติว่า คนเรานั้นกว่าจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุ่ษย์ผู้บริสุทธิ พร้อมด้วยทาน ศีล ภาวนา สมาธิพาให้มีปัญญาหลุดพ้นนั้น ต้องใช้เวลายาวยืนเช่นเฉกกัน เพื่อจะข้ามห้วงแห่งฝันนามมหานทีสีทันดร ไปสู้ฝังพระนฤพาน ที่งามเงียบไร้สุขทุกข์มีแต่ความว่างเปล่า.. ไม่มีเขาเราและใคร คำธาราจึงลากยาวมาซ้ำซ้อน มาฝากบทตอน ให้ทุกดวงจิต ได้เดินไปค้นหาเส้นทางสีขาว งามพราวนั้นที่ฝันไว้เพียรไว้ยังดีกว่าไม่เลย ที่ทุกสรรพสิง มักฝากให้อิงอ้อนซ่อนคำสอนวอนคำงามตามความจริง ไว้ในธรรมชาติรายรอบแห่งดินน้ำลมไฟ ที่มนุษย์เรามักหนีไม่พ้น ว่ายวนวงกรรมซ้ำรอยด้วยน้อยเพียรภาวนาค่ะ หากมิตามจิตคิดหยุดให้พบทางหลุดพ้นค่ะ
15 ตุลาคม 2547 19:51 น. - comment id 351738
~*~ขอให้ฉันได้รักเธออยู่เงียบเงียบอย่างนี้ เหมือนบทเพลงไร้เสียงที่มีในความฝัน เหมือนดวงดาวแห่งความสงัดงัน เหมือนวิถีโคจรของแสงตะวันอันเหว่ว้า ~*~ขอให้ฉันได้รักเธออยู่เงียบเงียบอย่างนี้ รักโดยที่ไม่อาจปรารถนา เพราะหัวใจอาจขับไล่หยดน้ำตา ให้โรยรินลงช้า-ช้าเหมือนแสงดาว ~*~ดวงตะวันกล่าวคำกับขอบฟ้าบ้างหรือไร เมื่อมันเคลื่อนตัวจากไปในคืนหนาว ดอกไม้เคยเอ่ยบอกถึงข่าวคราว และอ้างต่อดวงดาวว่า รัก หรือไร ~*~ปล่อยให้ฉันได้รักเธอเงียบ-เงียบอย่างนี้ ขีดวงล้อมความรู้สึกให้หยุดอยู่ที่ความอ่อนไหว ปล่อยให้ฉันกระซิบบอกเพียงตัวเองและหัวใจ ว่า..เธอคือคนที่แม้ชีวิตจะถูกกระทบด้วยสิ่งใด ความรู้สึกสุดท้ายก็คือ รัก ฯ งดงามในความรู้สึกเสมอครับพี่ +-*-+-*-+ +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+-*-+
15 ตุลาคม 2547 21:03 น. - comment id 351766
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=373 บัวขาว สวลี ผกาพันธุ์ : : Key Eb เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่ ดอกใบ บุปผชาติ สะอาดตา น้ำใส ไหลกระเซ็น เห็นตัวปลา ว่ายวน ไปมา น่าเอ็นดู หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ...
15 ตุลาคม 2547 21:47 น. - comment id 351789
แวะมาทักทายพี่พุดนะคะ เพราะค่ะ สื่อความหมายออกมาได้ดีเหมือนเคยนะคะ คิดถึงค่ะ
15 ตุลาคม 2547 22:03 น. - comment id 351803
กำลังรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ คิดถึงค่า
15 ตุลาคม 2547 22:54 น. - comment id 351831
ขอบคุณมากครับ ที่มาโฆษณาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดอุบลให้ ตามสถานที่ยกมา ผมเองยังไม่ได้ไปเที่ยวทุกแห่ง คิดว่าช่วงหนาวจะไปเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เขียนเรื่องหวาน ๆ เป็นิราศมาเล่าสู่กันฟัง
15 ตุลาคม 2547 23:59 น. - comment id 351886
ช้ำรักจากอุบล สิทธิพร สุนทรพจน์ : : Key F เหม่อมองฟ้าหม่น คิดถึงอุบล บ้านแฟน ไม่พบแม่ตาซอนแลน บ่เห็นหน้าแฟน มาแล้วตั้งโดน คิดฮอดทูนหัว แม่พุ่มดอกบัว เมืองอุบล แห่เทียนพรรษา นัดเจอะหน้ามล แต่สาวอุบลก็เงียบหาย ห่างไกลขวัญอ่อน บ่าว ยโสธร โศกศัลย์ โอ้สาวเมืองดอกบัวบาน ยามร้างห่างกัน พี่แสนหวั่นไหว สวนพระยาแถน เสี่ยงบั้งไฟแสน กับพี่ชาย เจ้าลืมแล้วบ่ แม่ช่อผักไซ ความหลังบั้งไฟ ยโสธร แก่งสะพือ เคยเที่ยวด้วยกัน สงกรานต์ผ่านมา ท่าเดื่อและหาดสวนยา ล่องเรือลำมูล ชมคูนเหลืองอ่อน พาเธอเที่ยวแถม ผาแต้มโขงเจียม เขื่อนสิรินธร เคยได้พาขวัญอ่อน ดูโขงสีปูนเชื่อมมูลสีคราม เหม่อมองฟ้าหม่น คิดถึงหน้ามล ยิ่งเหลือ จนพ้น พรรษาแข่งเรือ ไม่เห็นหน้าแฟน ที่แสนวาบหวาม กลับมา ยโสฯ มานั่งโศกาอยู่นาทาม เหม่อมองเมฆฟ้าสีหม่นปนคราม คิดถึงโฉมงาม เมืองดอกบัว
16 ตุลาคม 2547 08:27 น. - comment id 351946
โหย!!!! เป็นอาไรที่ยาวมักๆๆ(หุหุ) หวัดดีค่ะ พี่พุด(พัดชา)ฟ้าสวยเองค่ะ มาเยี่มตอนเช้าๆๆนะคะ กลอนเท่มากๆๆค่ะ ชอบบบ ........ฟ้าสวยเองคร่า......... ..........ชา...........แว๊ป...............
16 ตุลาคม 2547 08:29 น. - comment id 351947
งดงามด้วยความรู้สึก จินตนาการและความรู้จากแหล่งท่องเที่ยว จะติดตามรออ่านตอนต่อไปครับ
16 ตุลาคม 2547 13:39 น. - comment id 352122
งานด้านเขียนต้องพุดพัดชาดารดาษด้วยสิ่งนานาสาระความรู้แฝงธรรม ยอดเยี่ยมจริงๆ แก้วประเสริฐ.
16 ตุลาคม 2547 18:38 น. - comment id 352222
แดดยามเช้าส่งแสงสาดแสดส่อ เมฆสีขาว - ลอยละล่อง - บนท้องฟ้า ฟ้าสีสวย..กว้างกระจาย..สุดสายตา เสียงลมพัดพลิ้ว..ๆ พร่าตามอารมณ์ เห็นธารน้ำไหลตามทางวางตามสาย ปลาเวียนว่าย ฉวัดเฉวียน มีสุขสม กุ้ง หอย ปู ว่ายตามน้ำ ช่างน่าชม ...กอหญ้าเลื้อยปลิวลมไปตามธาร... ต้นไม้เล็ก ต้นไม่ใหญ่ ตั้งยืนเด่น ใบพริ้วลม ปลิวใบเล่น สนุกสนาน ดอกไม้หอมสีสวยส่งกลิ่นหอมหวนนาน บ้างแย้มบาน บ้างดอกตูม ผลิดอกใบ สายลมเอื่อยพัดเรื่อยๆพร้อมกับแสง มีแมลงบินลอยฟุ้ง ลอยผ่านๆ เป็นไหนๆ - ดูดน้ำหวาน - ผสมเกสร - เล่นตามใจ - มีความสุขสบายใจ....ธรรมชาติสวยงาม อิอิ มาอ่านอีกรอบครับพี่ +-*-+-*-+ +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+-*-+