ก่อนลอยลิ่วปลิวสู่นภา ว่าวตัวบางร่างแบนแขวนติดหญ้า เด็กเดินมาซื้อว่าอยากได้จังฮ้า..ป๊า เลยได้มาเล่นว่าวกลางสนามหลวง ปล่อยสายป่านออกไป ส่งว่าวให้สายลมคอยอุ้มชู สองขาน้อยวิ่งสองตาดู ลมพัดกรูพาว่าวลอยไปไกล ไกลจนลิบตาว่าวว่าใหญ่ก็คล้ายเล็กลง นักปราชญ์แทะเม็ดตะขบคิดมากจากท่าพระจันทร์ เห็นว่าวพลันเลยสนทนาในใจอึงคะนึง อยากโดดเด่นเช่นดังว่าวที่บินสูง แม้มีสายจูงก็ต้องปล่อยจนสุดสาย หากสายป่านสุดต้านทานแรงพระพาย เป็นเพียงเส้นด้ายฝั้นใช่สลิงเหล็ก คงหลุดลอยละลิ่วเคว้งก่อนปล่อยร่างลงสู่แรงโน้มถ่วงค่าจีฟอร์ซ ไม่ทันจะมีอะไรไปตะคองคอด ว่าวคงมอดม้วยหมดสิ้นชีวินว่าว หากจะคิดเป็นว่าวแล้วเฝ้าปฐพี คงปลอดภัยสิ้นดีแต่เสียทีชาติว่าว เกิดเป็นมนุษย์แม้จะสูงสุดด้วยแรงส่งบุญกรรม เป็นสายใยอดีตชาติวาสนาชะตากรรม อย่าอายว่าวจงก้าวไปไม่ระย่อความ บทสนทนากลางฟ้ากว้าง ก่อเกิดใจกลางความคิดผู้คน สิ่งของมองดูคือบุคลิกมากล้น หมั่นฝึกฝนจะเป็นคนสูงค่าด้วยสายตาใคร ว่าวลอยสูงด้วยเชือกจูง คนลอยสูงจูงด้วยสายปัญญา ครั้นไขว่คว้าสูงเกินกว่าแรงสายขึง ครั้นพอตึงขาดผึงพลัน พิจารณา ....
30 กันยายน 2547 18:52 น. - comment id 341555
เปรียบเทียบได้ดีนะค่ะ ว่าวอยู่สูงเพราะเชือก คนอยู่สูงเพราะปัญญา จริง ๆ ค่ะ
1 ตุลาคม 2547 07:06 น. - comment id 341960
สวัดีครับ............. เข้ามาเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี กำลังใจจากข้างในส่วนลึก ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี