url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3816 (ดวงตะวัน) ********* ตะวันหวังตะวันหวานตะวันหล้า ตะวันลาตะวันลับกลับมาใหม่ ตะวันเอ๋ยไยมิเผยม่านหมอกใจ ตะวันไพรตะวันรุ้งตะวันรอน ตะวันหวานผ่านมาโอบอ้อมอุ่น ฝากหอมกรุ่นกลางกลีบใจในเกสร ตะวันลาขวัญเหว่ว้าหลงอาวรณ์ โอ้ทินกรทอเสน่หาอย่าลาไกล.. ส่องประกายทายทักละอองน้ำค้าง อุษาสางระเหยหายให้หวามไหว รอวันรุ่งตะวันหวานห่มห้องใจ นำทางใจนำทางฝันตะวันวอน.. ดั่งตะวันมั่นคงตรงต่อฟ้า คืนกลับมารับขวัญรอออดอ้อน ลบคืนหนาวดายเดียวเปลี่ยวร้าวรอน ยังรออ้อนรอรักภักดิ์ตะวัน... ******** ตะวันจริงลาลับฟ้า..ยังมีวันหวังว่าจะหวนคืนกลับมาใหม่ ตะวันชีวิต..ดับเมื่อใดดวงใจก็มืดมน ตะวันวน ตะวันวอน ตะวันลับฟ้าตะวันไปไปมามา ดั่งบูมเมอแรงรักดั่งบูมเมอแรงแสงตะวัน... ปล่อยให้ใจดวงฝันฝันฝัน ดายเดียวเดียวดาย ไร้สิ้นซึ้งซึ่งคำถาม ตามตะวัน..ลา มีเพียงลมหายใจอ่อนหวานอ่อนล้า เฝ้าหวังเฝ้าฝันและเฝ้ารอ รอ และรอ ตะวัน..หากมิแรงร้อนก็แกล้งหลบซ่อนกายเร้นหาย ไปท่ามกลางเมฆหมอกหม่น ให้หัวใจใครบางคน สับสน รอพรายแสงงามแห่งตะวันวาม ทุกทิวาวัน..ทิวาหวาม อย่างมีความหวังริบหรี่ ริบหรี่ รออรุณหวานแสนมั่นคงจงรักภักดี พลีพร้อมคืนฟ้า หวังหมุนวนกลับมาจุดใจเติมไฟฝัน ให้พลันพร่างโชนช่วงตามตะวันดวงกลม จนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะสิ้น ไปกับตะวันจริงตะวันใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร..!! *********... http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_33679.php ตะวันลา..... ที่รักของผม........... ใกล้วสันตฤดูแล้ว.. อากาศที่นี่เริ่มหนาวนิดๆ..... ต้นไม้แข่งกันออกดอกพราวสะพรั่ง ... แลดูสดชื่น สดใส ผู้คน และ ทุกสิ่งรอบข้างดูสดชื่นเบิกบาน ราวกับ จะรอวันเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาเยือน..... ยกเว้น... ใจของผู้ชายคนนี้ของคุณ....... ที่เดียวดาย..หมองหม่น...สุดจะทานทน.... ทุกเช้า....เมื่อผมตื่นขึ้นมา..... ผมจะนอนนิ่งๆ มองแแลลอดบานหน้าต่างออกไป...... เห็นต้นปีบแสนรักของคุณ ที่กำลังออกดอกงาม...ท้าทายลมหนาว.... ทองกวาวอวดดอกแดงสะพรั่ง ลำดวนส่งกลิ่นหอม แย้มบานรับแสงอาทิตย์.....สดใส.... ผิดกับใจผมที่น่าจะสดชื่นกว่านี้....... เพียงแต่ถ้ามีคุณนอนเคียงข้าง ให้ก่ายกอด ... และชวนให้ชี้ชมทั้งเนื้อตัวคุณ..... และนวลหอมของดอกไม้ ต้นไม้รายรอบ... ในยามเช้าที่แสนหวาน.... ยากที่ผมจะลืมเลือน..... เหมือนดังเช่นคืนวันเก่าก่อน...... ที่รัก... คุณทิ้งผมนานเกินไป...... จนใจดวงนี้เริ่มชินชา....และตายด้าน..... หลวงพ่อถามถึงคุณ...ทุกครั้ง.. ที่ผมแวะเวียนเข้าไปกราบท่าน.... ผมละอายใจที่จะ สารภาพว่า.... ผมเซซัง มาหาท่าน และ โลกแห่งธรรมะ ... เพื่อเป็นที่ประโลมใจ...... ให้ผมประคองชีวิตอยู่ได้.....เมื่อโลกนี้สิ้นไร้คุณ............ ที่รัก..... หลวงพ่อแค่มองตาผม...... ราวกับท่านจะล่วงรู้ถึงใจ.... ถึง..ความสับสน..... มืดบอด.... ที่ค้นหาแแสงสว่างไม่พบเจอของผม ..... ท่านให้สติผม.... ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน... และ ด้วยดวงตา... ที่แฝงความเมตตาเต็มเปี่ยม.... ท่านบอกกว่า....มาที่นี่แหละ.... หลวงพ่อมีหนังสือดีๆมากมาย..... ที่นี่เงียบสงบ..... ใจจะได้สบาย.... ฝึกสมาธิไว้... เพราะคุณมีศีลพร้อมแล้ว ... วันหนึ่งจะเกิดปัญญา........ ที่จะรู้แจ้ง เห็นจริง.. กับโลกใบนี้ ที่ไม่มีอะไรน่ายึดมั่น...ถือมั่น......... ที่รัก.... ผมจะทำอย่างไรกับตัวเองดี.... ให้ยอมรับความจริงของชีวิตว่า คืนวันของผม ในโลกสับสนใบนี้.. จะไม่มีคุณเคียงข้าง.... อีกต่อไป...... ที่รัก....ทำไม....และทำไม..... ผมจึงมีใจดวงอ่อนแอ.. และ...หม่นเศร้ามากมายเกินทน..... ทั้งที่ผมแสนจะเข้มแข็ง ในแทบทุกเรื่องของชีวิต...เท่าที่ผ่านเลยมา..... ทุกที่....ทุกหนแห่ง ... คุณตามติดในใจผม มิห่างหาย...... ชีวิตนี้ผมเป็นของคุณ... มิใช่เพียงเฉพาะร่างกาย..... แต่ทั้งชีวิต....ทั้งวิญญานเป็นของคุณ ผมรู้.... ไม่ว่าชาตินี้.....และชาติไหนๆ..... ตราบนานเท่านาน..... ที่ผมยังไม่พบแสงสว่าง.... แห่งการหลุดพ้นจากพันธนาการรัก... ทุกภพ..ทุกชาติ ที่เราได้ร่วมสร้างสมกันมาแต่ปางก่อน...... ผมคิดถึงคุณ..... คิดถึง แม้กระทั่งยามนั่งอยู่ในวัด... ที่ๆผมพยายามหาทางหนีโซ่ตรวน.. ที่คุณพันธนาการใจของผมไว้..... ที่รัก...... คุณคงจำวันแรก ที่คุณพาผมปีนขึ้นมา.. จนถึงวัดเขาถ้ำ.... ที่ตั้งบนชะง่อนผาสูง.... แห่งนี้.ได้..... คุณทำให้ผมตะลึงตะไล...แทบลืมหายใจ... ไปกับทัศนียภาพรายรอบที่แลเห็น..... จากลานหินกว้าง.. ที่ข้างล่างคือถ้ำ จะมีทางเล็กๆ เลาะลัดเลียบทอดลงไป........ แลไกลออกไป.... คือโลกสีคราม...กว้าง...ไกล....สุดตา..... เวิ้งทะเล..สีน้ำเงิน...เขียวมรกต..... และโทนสีทะเล ที่ค่อยๆไล่สีอ่อนจางลงมาตามลำดับ.... แทรกด้วยฟองคลื่นสีขาว.....เป็นระลอกงาม...... เรือลำน้อย... ค่อยๆวิ่งฝ่ากระแสชลแตกฟองขาวนวล...... ตรงมายังอ่าวท่าเทียบเรือ.... ตรงหน้าจะมีเกาะสมุย..... ชิดใกล้ขนาบด้วย..เกาะแตนอก..แตใน.. ราวกับจะห่วงว่าเกาะพะงัน จะเหว่ว้า..... แลลงไปเบื้องล่าง จะมองเห็น...ทิวมะพร้าวสลับซับซ้อนเป็นหมื่นหมื่นต้น...... บ้านเรือนซ่อนตัวอยู่ในดงไม้..เงียบสงบ.... จะมีก็แต่ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง ขับฟ้างามอย่างช้าๆ....... บนหน้าผา..ชะโงกง้ำ..ลอยเลื่อน.. ราวทายทักเมฆ.... จะมีหอระฆัง...และพระพุทธรูป.... ให้กราบไหว้...อธิษฐานจิต...... มีลั่นทมขาวออกดอกพราวไปทั้งต้น..บนชะง่อนผางาม...... ส่งกลิ่นหวานเศร้า.. อบร่ำให้ใจ..นิ่ง..เยือกเย็น..ล้ำลึก..... อวลมากับสายลมเย็น.......กับบรรยากาศ เงีบบงาม..ที่รายล้อม...... ที่รัก....ผมกอดคุณไว้แนบแน่น.... ราวกลัวคุณจะหลุดลอยจากสรวงสวรรค์ตรงหน้า........ จากสวรรค์ในอก...ในอ้อมแขน..ในอ้อมใจของผม..... ผมหยิบลั่นทมทัดหู..ให้คุณ.. พร้อมพรมจูบ..ไรผมงาม อย่างอ่อนหวาน อ่อนโยน อย่างละเมียดละมุน เท่าที่ใจ แสนสุขล้ำจะทำได้... ผมพร่ำบอกคุณว่า...สวรรค์มีจริง...สวรรค์มีจริง. ด้วยใจทั้งดวงที่เต็มอิ่ม..จากทุกสิ่ง ที่สวรรค์หยิบยื่นและประทานมาให้ผม..... ในนาทีของชีวิต ที่ผมปรารถนาจะให้โลกทั้งโลกหยุดหมุน ผมจำ....คืนวัน ที่มีคุณ.. ไม่ว่าบนภูสูงแห่งนี้.... หรือแม้แต่....กลางทะเล....ในค่ำคืน.... ที่ร่างของคุณถูกแสงจันทราอาบไล้..... นุ่มนวล..งามสล้าง..ราวกับเทพีจากแดนสรวง... ที่รัก..ทุกฉากตอน.. ตามมาให้ใจดวงนี้ ที่ร้าวระบม..ระทม... พร่ำวนเวียนคอยเรียกหาคุณ อย่างไม่มีวันจบสิ้น............ และแม้แต่นาทีแรกที่ได้พบคุณ.... ผมถูกย้าย.... มารับตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ ที่ดิน.. ที่นี่ อำเภอที่เป็นเกาะเล็กๆ..ไกลห่าง..... จากแผ่นดินใหญ่... ที่งดงามราวกับเกาะในฝัน...... ในเวลานั้น ผมกลับว้าเหว่....และคิดว่า....... ทำไมนะ .... โชคชะตา..ฟ้าถึงลิขิต ให้คนหนุ่มอนาคตไกลอย่างผม.... ต้องถูกชีวิตราชการ.... นำมาปล่อยไว้บนเกาะแสนไกลแห่งนี้............... ผมเพิ่งคิดได้..... และไม่เคยเสียใจเลย.. ในเวลาต่อมา.. ที่ชะตาฟ้าดินส่งให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ ผมรู้แล้วว่า... ผมมาที่นี่...เพื่อพบคุณ.... สวรรค์เป็นใจ.... ให้เราต้องมาพบเพื่อพราก...เพื่อเรียกคืน.......... เที่ยงวัน....ที่แดดจ้า....ฟ้าใส..... พร้อมสายลมร้อน.....ของเหมันตฤดู........ เกาะแห่งนี้คึกคัก...คลาคร่ำ.... ไปด้วยผู้คน.. นักท่องเที่ยวจากแดนไกล... ที่หวังมาแสวงหาความสุข ความเบิกบานใจ... และเติมเต็มให้โลกของตัวเองมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น... คุณมาปรากฏตัวที่อำเภอของผม.. ราวกับฤดูร้อนได้นำดอกไม้..สดสวย...แสนงาม มาคลี่บานในโลก. .และในใจของผม... ให้มีชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน...... ทันทีที่คุณแย้มยิ้ม.... และทายทักกับเพื่อนเก่า..... กับคนที่คุณคุ้นชิน......... โลกของอำเภอที่แสนเงียบเหงา.. ก็ถูกปลุกให้พลัน.... สว่างกระจ่างใส..ไปกับรอยยิ้มนั้น.... คุณนั่งตรงหน้าผม..... เพื่อจะทำธุระเรื่องการโอนที่ดิน..... ที่คุณบอกผมถึงเหตุผล..... ในเวลาต่อมา......... คุณพยายามเป็นเจ้าของ.... เพราะคุณเกิดที่นี่..... คุณไม่อยากให้คน..ต่างถิ่น..... และคน ต่างชาติ.. ที่พยายามหาช่องว่างของกฏหมาย เพื่อถือกรรมสิทธิ์ครอบครอง......... คุณกลัวทุกคน.. หวังแค่มาแสวงหาประโยชน์... แล้วลาจากไป...โดยเหลือเพียง.... ความสูญเสียของธรรมชาติ..... คุณคิดว่า....คุณรักแผ่นดินนี้.. และเข้าใจ..แผ่นดินเกิดของคุณ มากกว่าใครๆ . ที่รัก....ผมโต้แย้งคุณ...... ผมบอกคุณว่า..... คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไป...... ไม่มีคนไทยคนไหน. .จะไม่รักแผ่นดินไทย..... ไม่ว่าที่ไหนๆทุกตารางนิ้วในประเทศนี้....... คุณอวดกล้า....อวดเก่ง... ว่าตัวคุณเองมีอุดมคติล้นเหลือ... ถ้าอย่างนั้นคุณมีเงินมากพอ ที่จะตาม เพื่อไปปกป้อง......ทุกแห่งหนมั้ยล่ะ..... คุณมองผม....นิ่งเงียบ....ตาแสนเศร้า....ราวสำนึก.... คุณบอกไม่เลย....ที่คุณจะดูถูกใคร..... เพียงแต่คุณอาจจะอ่อนไหวมากไป.... และอาจจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลง...... อย่างรุนแรง.... และน่ากลัว..ที่กำลังรานรุกทำลายทั้งวัฒนธรรม.. และทั้งธรรมชาติที่แสนงาม..ที่คุณสัมผัสมา.... ตั้งแต่วัยเยาว์..... คุณทำใจยากที่จะยอมรับ..... คุณเสียดาย....คืนวันอันแสนงาม..ในความทรงจำ นาทีนั้น คุณสบตาผม....นิ่งนาน.... และบอกว่าคุณคงต้องเริ่มทำใจให้ยอมรับ.......... ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ยากจะห้ามได้..... โลกที่คงต้องหมุนไป....ทุกเมื่อเชื่อวัน....... ทุกอย่างคงต้องหมุนตามโลกไปไม่มีวันสิ้นสุด....... และคุณได้เพียงหวัง....... แค่ให้มันหมุนออย่างช้าๆ...ช้าๆ อย่างงดงาม....และสร้างสรรค์.....เพียงนั้น...... ที่รัก..... เพราะทุกบทสนทนาราวโต้แย้งระหว่างเรา.... และจากทุกประโยคที่กลั่นออกมา จากใจดวงงามของคุณ.... เพราะคำพูดที่คุณฝังฝากใจเอาไว้...... ให้ผมช่วยปกป้องผืนแผ่นดินนี้ของคุณ... ทำให้....หัวใจของผม....สะเทือนไหว....... ผมชอบคุณ......ผมชอบคุณ.... ผมบอกกับใจตัวเอง..นับเนื่องจากนาทีนั้น...... มิใช่เพราะคุณ..ดูน่าติดตา..ต้องใจ.. ในรูปลักษณ์ภายนอก..... ที่ดูแสนเก๋....แสนมีบุคลิก.... เชื่อมั่น...... แต่ผม...ชอบคุณ.... และแสนประทับใจ...ทัศนในการมองโลก...และชีวิต.... จากใจดวงงาม...ดวงละมุนของคุณ........... และด้วยคำพูดอ่อนโยน..ในวันนั้น.. ที่ตามติดมาหลอกหลอน.....ให้ผม..ถวิลหาคุณ........ เฝ้าเพียรพยายาม..... ที่จะได้ชิดใกล้.... และรู้จักคุณให้มากขึ้น...กว่าเดิม..ในเวลาต่อมา...... คุณบอกผมว่า..... คุณชอบชื่อผม....*ธนูอินทร์* วันหนึ่งถ้าคุณมีลูกชาย... คุณจะตั้งชื่อนี้ให้ กับเขา......... ที่รัก.....ระหว่างเรา.... ไม่มีบทขึ้นต้น....ไม่มีบทลงท้าย..... ทุกอย่างระหว่างเรา.. เกิดจากน้ำมือของชะตากรรม......... ผมยอมรับความจริงข้อนี้....โดยดุษฎี........ ที่รัก.......ผมเป็นลูกผู้ชาย.... คุณบอกว่า.... น้ำตาลูกผู้ชายควรเก็บไว้ให้รินรดภายในใจ.... มิใช่หรือ.... แต่คุณรู้ไหม..... ทุกยามเย็น...ใกล้อาทิตย์อัสดง.... ผมจะขับรถจิ๊ปคู่ใจ..พร้อมกับเจ้าลิเดย์ เพื่อนคู่ทุกข์..คู่ยากของผม...... มานั่งเดียวดายตรงโค้งอ่าว.. ที่จะมองเห็นพระอาทิตย์ลาลับ ลงผืนน้ำ..... และลูกผู้ชายคนนี้ของคุณ....... จะสั่งลากับพระอาทิตย์...ผืนน้ำ...และแผ่นฟ้า ไปถึงคุณให้รับรู้..... รับทราบถึงใจที่ร่ำร้อง... .เรียกหาคุณทุกทุกนาทีแห่งลมหายใจ......... เพื่อให้นำคุณ....กลับมา.... พร้อมอรุณรุ่งแห่งวันใหม่.......และ...... ด้วยน้ำตาที่หลั่งล้นท่วมท้นใจ...... ราวกับสิ้นไร้แสงตะวันแห่งชีวิตนี้....!! **************************** http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3816 ดวงตะวัน แอม & ดา : : Key Am ดวงตะวัน ที่เคยส่องแสงให้ความ สว่าง กำลังจะจาง กำลังจะเลือนหายไป คนที่ดี ที่มีแก่ใจให้กัน มาก่อน กำลังจะลืม กำลังจะเดินหนีไป ท้องฟ้าก็คงมืดมน และคงมีคนเสียใจ อา!! แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน แม้แต่ดาว ที่พราวบนฟ้าก็ดู เลือนลาง และมันก็จาง ไม่พอจะแทนที่ใคร คนใด มีแต่เธอ เป็นเพียงตะวันไม่มี คนอื่น และเธอเท่านั้น คือดวงตะวันที่หายไป ท้องฟ้าก็คงมืดมน และคงมีคนเสียใจ อา!! แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน ท้องฟ้าก็คงมืดมน และคงมีคนเสียใจ อา!! แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน...
22 กันยายน 2547 21:04 น. - comment id 336246
เพราะดีค่ะ
22 กันยายน 2547 22:36 น. - comment id 336311
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4858 ตะวันลับฟ้า...โอ้ตะวัน ตะวัน..ลับฟ้า แสงสุริยาจวนลาเหลี่ยมโลก ลมเย็นไผ่เอนไหวโยก ลมโชยโบกพัดพริ้วลิ่วมา จักจั่นเรไร หริ่งร้องก้องพนา จวนสิ้นแสงสุริยา ประหนึ่งว่าดนตรีสวรรค์ แสน สุดเสียดายมองไปใจเต้น ยามเมื่อตะวันเย็นๆ เคยว่ายน้ำเล่นเคียงคู่ร่วมกัน ตะวันลับฟ้าเสียงน้ำซัดซ่า ไหลเซาะลำธาร เคยเด็ดดอกบัวสาบาน เห็นทุกวันแล้วเศร้าใจ โอ พี่จ๋า พี่ เอย ลืมง่าย จังเลย เปลี่ยนคู่เชยโอ้ใจหนอใจ ลืม สัญญาที่เคยว่าไว้ กอดหมอนนอนเดียวดาย คิดถึงแทบตายน้ำตาไหลริน เห็น หมู่นกกาถลาลมล่อง จับคู่จู๋จี๋ประคอง เหมือนพี่กับน้องเคยร่วมอยู่กิน ตะวันลับฟ้า พี่จ๋าน้องเฝ้าถวิล จะคอยจนชั่วชีวิน ตราบชั่วฟ้าดินน้องลืมไม่ลง โอ พี่จ๋า พี่ เอย ลืมง่าย จังเลย เปลี่ยนคู่เชยโอ้ใจหนอใจ ลืม สัญญาที่เคยว่าไว้ กอดหมอนนอนเดียวดาย คิดถึงแทบตายน้ำตาไหลริน เห็น หมู่นกกาถลาลมล่อง จับคู่จู๋จี๋ประคอง เหมือนพี่กับน้องเคยร่วมอยู่กิน ตะวันลับฟ้า พี่จ๋าน้องเฝ้าถวิล จะคอยจนชั่วชีวิน ตราบชั่วฟ้าดินน้องลืมไม่ลง...
22 กันยายน 2547 22:39 น. - comment id 336315
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=7068 รักเธอผู้เดียว ละครตะวันลับฟ้า : : Key Db ฮู ฮู ฮู เนิ่นนาน ผ่านฟ้าและทะเลกว้างใหญ่ ผ่านฤดูดินแดน กว้างไกล แต่ความรักนั้นมั่นคง เธอกับฉัน ให้รักและให้ความซื่อตรง พายุหรือฝนมาไม่หวั่น มีเธอและมีฉันนิรันดร์ ไม่คิดว่ารักจะดีอย่างนี้ ไม่คิดว่าฝันจะเป็นไปได้ วันนับวันฉันเฝ้าแต่รอ เมื่อเห็นหน้าเธอฉันจึงเป็นสุข อยู่ในหัวใจ เนิ่นนาน ผ่านฟ้าและทะเล กว้างใหญ่ ผ่านฤดูดินแดน กว้างไกล แต่ความรักนั้นมั่นคง ไม่คิดว่ารักจะดีอย่างนี้ ไม่คิดว่าฝันจะเป็นไปได้ วันนับวันฉันเฝ้าแต่รอ เมื่อเห็นหน้าเธอฉันจึงเป็นสุข อยู่ในหัวใจ ฮึมฮึม ฮือ ดาดา ดาดา โฮว ฟาดาดาดา ดาดาดาดา โฮ โอ โฮว ไม่คิดว่ารักจะดีอย่างนี้ ไม่คิดว่าฝันจะเป็นไปได้ วันนับวันฉันเฝ้าแต่รอ เมื่อเห็นหน้าเธอฉันจึงเป็นสุข อยู่ในหัวใจ รักเธอผู้เดียว จะนานเท่าใด รักเธอผู้เดียว จบ...
22 กันยายน 2547 22:41 น. - comment id 336316
แปลกใหม่ไร้เทียมทานต้องอ่านงานของพุดพัดชาคนเดียว แก้วประเสริฐ.
22 กันยายน 2547 23:13 น. - comment id 336353
ตะวันสาดแสงส่องฟ้า ช่างสุขอุราหาไหน ตะวันเฉิดฉายฟ้าไกล ช่างสุขในใจเหลือคณา *-*กลอนไพเราะจังเลยค่ะ ชอบค่ะชอบ*-*
23 กันยายน 2547 05:49 น. - comment id 336464
ตะวันคงไม่โศก...ให้โลกเหงา...
23 กันยายน 2547 06:52 น. - comment id 336496
สวัดีครับ.............พี่พุด ผมเข้ามาอ่านเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี หาก ผลิใบ ยังอยู่ก็จะคอยให้ความอบอุ่นเช่นนี้ตลอดไป กำลังใจจากข้างในส่วนลึก ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
23 กันยายน 2547 08:19 น. - comment id 336540
ตะวันโศก โลกเศร้า เจ้าสิ้นคิด ฟ้าลิขิต กำหนดมา พาเศร้าหมอง ต้องยอมรับ ชะตา น้ำตานอง เพราะหวังปอง ดอกฟ้า จึงพาตรม
23 กันยายน 2547 10:12 น. - comment id 336582
งามครับพี่ ชีวิตที่เต็มไปด้วยหวังช่างทำให้รักงดงามนัก... อ่านแล้วสบายตา สะบายใจ... เป็นงานที่สวย และไพเราะมากเหมือนเดิม.... ชอบเกินจะกล่าวได้หมดใจ....
23 กันยายน 2547 12:53 น. - comment id 336642
ไม่หายไปไหนครับ งานยุ่งมาก ออนไลน์ไม่เคยพบสักที คงไม่มีวาสนา มาเยี่ยมนะครับ
23 กันยายน 2547 14:08 น. - comment id 336687
ถ้ากระทั้งตะวันยังโศก โลกทั้งโลกคงเศร้า... Y__Y
23 กันยายน 2547 19:05 น. - comment id 336864
เมฆฝนคือราคีที่บังฟ้า แต่เมฆก็มีค่ามหาศาล จอกแหนคือราคีนทีธาร แต่จอกแหนคืออาหารปันปูปลา ความทุกข์คือราคีของชีวิต ซึ่งบัณฑิตทุกผู้ย่อมรู้ค่า อันความทุกทุกข์ที่ย่อมมีมา คือกำลังผู้กล้ากาจทรนง ยาขมมีค่ารักษาโรค ทุกข์และโศกมีค่ามาเสริมส่ง เสริมให้แกร่งให้กล้าให้มั่นคง เพื่อความจริงยืนยงคงชีวิต ฟ้าต้องหลั่งน้ำตาก่อนฟ้าใส ฝนตกแล้วฉันฟ้าไพจิต ทุกข์ระทมท้อแท้รอยแผลพิษ อาจพิชิตพรุ้งนี้มีโชคชัย เจ้าจงอยู่อย่างที่มีความหวัง มีพลังที่จะรักจะผลักใส อิสระต่อตัวต่อหัวใจ แล้วจะไม่เสียน้ำตาเหมือนครานี้ ฯ เมกแวะมาเยี่ยมครับพี่ โชคดีครับ +-*-+-*-+ +-*-+-*-+ปู้ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+-*-+
23 กันยายน 2547 20:59 น. - comment id 336957
สุริยน สนธยา ลาลับแล้ว ยังมีแวว อรุโณทัย ขัยแสงส่อง ตะวันจ๋า ลับตาไป ไม่มามอง คิดถึงน้อง มองฟ้า อ่อนล้าใจ