เสียงฝนโปรยเป็นสายปรายกระหน่ำ พาใจช้ำคร่ำครวญหาสิ่งขาดหาย ความอบอุ่นจากอกกว้างที่ร้างกลาย แตกสลายไปพร้อมรักปรักหักพัง กลิ่นไอฝนปนความหนาวร้าวรานจิต เคยใกล้ชิดสนิทแนบแปลบความหลัง ในดวงจิตไม่คิดยึดติดเหนี่ยวรั้ง จึงยับยั้งกลั้นใจจากพรากรักจร พลันฟ้าร้องก้องคำรามลามทั่วฟ้า กรีดใจข้าแทบปริแตกแยกเป็นสอง กวาดสายตาหาคนเคยข้างเคียงครอง แต่กลับมองไม่เห็นแม้เพียงเงา โอ้....น้ำตาข้าไหลรินปริ่มปนฝน เทบ่าล้นผสมผสานความเปลี่ยวเหงา มีฟ้าร้องก้องคำรามตามแยกเรา พรากรักเขาจากใจข้า.....ชั่วนิรันดร์.....
11 กันยายน 2547 21:15 น. - comment id 329284
สายฝนหลั่งพรั่งพรูดูชุ่มฉ่ำ ยินเสียงร่ำคร่ำครวญรัญจวนหา ใครคนหนึ่งซึ่งจากไปไกลลับตา ชลนารินหลั่งไหลคล้ายฝนพรำ โปรดหันมาทางนี้เถิดที่รัก ข้านี้จักปลอบประโลมเจ้างามขำ จะเป็นฝนชะล้างความระกำ จะรินร่ำน้ำรักไว้ในใจเธอ หวัดดีค่ะพี่สาว อ่านแล้วบาดใจจริง ๆ เลย
11 กันยายน 2547 21:27 น. - comment id 329295
แวะมาทักทายนะคะเศร้าจังเลยเขียนถึงกันพรากจากกันได้เศร้ากินใจจริงช่วงนี้ฝนยิ่งตกปล่อยนะคะยิ่งได้อารามณ์ใหญ่เลยนะคะพี่กี้ขอบคุณที่เข้าไปทักทายกันนะคะ
11 กันยายน 2547 21:42 น. - comment id 329303
ฟ้าคำรามก้องปนาทบาดดวงจิต รักเคยชิดห่างไกลใจโหยหา อดีตช้ำซ้ำติดสนิทอุรา ฝนยิ่งตกใจของข้าล้าเกินทน.. ++++++++++++++++++++++++ มาเป็นกำลังใจจ่ะ.. เพราะมาก.. ^___^
11 กันยายน 2547 21:43 น. - comment id 329304
บุคคลผู้อกตัญญู ย่อมถึงอนิฏฐผล มีนินทาเป็นต้น ส่วนบุคคลผู้กตัญญู แม้พระ ศาสดา ก็ทรงสรรเสริญ มังคลัตถทีปนี ภาค ๒ ข้อ ๓๗๘ หน้า ๒๙๓ ความกตัญญู คือความรู้คุณ หมายถึงความเป็นผู้มีใจกระจ่าง มีสติปัญญาบริบูรณ์ รู้อุปการคุณที่ผู้อื่นกระทำแล้วแก่ตน ผู้ใดก็ตามที่ทำคุณแก่ตนแล้ว ไม่ว่า จะมากก็ตามน้อยก็ตาม เช่น เลี้ยงดู สั่งสอน ให้ที่พัก ให้งานทำ ฯลฯ ย่อมระลึกถึงด้วยความซาบซึ้งอยู่เสมอ ไม่ลืมอุปการคุณนั้นเลย อีกนัยหนึ่ง ความกตัญญู หมายถึงความรู้บุญหรือรู้อุปการะของบุญ ที่ตน ทำไว้แล้ว รู้ว่าที่ตนเองพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลาย ได้ดีมีสุขอยู่ใน ปัจจุบัน ก็เพราะบุญทั้งหลายที่เคยทำไว้ในอดีตส่งผลให้ จึงไม่ลืม อุปการะของบุญนั้นเลย และตั้งใจสร้างสมบุญใหม่ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป รวมความแล้ว กตัญญูจึงหมายถึงการรู้จักบุญคุณ อะไรก็ตามที่เป็นบุญ หรือมีคุณต่อตนแล้ว ก็ตามระลึกนึกถึงด้วยความซาบซึ้งไม่ลืมเลย คนมี กตัญญูถึงแม้จะนัยน์ตาบอดมืดทั้งสองข้าง แต่ใจของเขาใสกระจ่างยิ่ง กว่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์รวมกันเสียอีก คนตาบอด ย่อมมองไม่เห็นโลก แม้ดวงอาทิตย์จะส่องสว่างอยู่ฉันใด คนใจบอด ย่อมมองไม่เห็นพระคุณ แม้จะได้รับความเมตตากรุณาจากผู้มีอุปการคุณฉันนั้น +-*-+-*-+ +-*-+-*-+เพื่อคุณพ่อผู้ล่วงลับ+-*-+-*-+ +-*-+-*-+
12 กันยายน 2547 01:31 น. - comment id 329353
เศร้าเท่าไหร่ ก็ฝากไป กับสายฝน เกินจะทน ฝนรินรด ล้างหมดใจ ถ้าฝนแล้ง ฟ้าแกล้ง เหี่ยวแห้งตาย แล้วหัวใจ เหลืออะไร ยามฝนมา @@@@@@@@@@@@@@@@@ ภาษาคนเล่นดนตรีเขาว่ามือแตกครับ เขียนได้ลื่นดีครับแต่เศร้าจังเลย อารมณ์ไหนหนอ
12 กันยายน 2547 01:51 น. - comment id 329355
เขียนได้ดีครับ แต่สงสัยใจรูปอะไรนะ ดูไม่ออกครับ ;)
12 กันยายน 2547 09:21 น. - comment id 329445
งดงามบาดใจ ในลีลาความเศร้าสร้อยครับ ๚ะ๛ size>
12 กันยายน 2547 11:06 น. - comment id 329522
สายฝนหลั่งพรั่งพรูดูหนาหนัก ใจช้ำรักแลเห็นเป็นเส้นหนา แท้ที่จริงฝนปรอยโปรยนภา ที่หนักหนาคือน้ำตาของเราเอง ไม่อยกาให้ฝนตก ก็อย่างร้องไห้ด้วยนะคะ ทัศนวิสัยจะได้แจ่มใส
12 กันยายน 2547 12:58 น. - comment id 329552
แวะมาอ่านครับพี่ กี้
12 กันยายน 2547 14:40 น. - comment id 329644
เศร้าเคล้าสายฝนค่ะ
12 กันยายน 2547 22:19 น. - comment id 329961
ถ้าฝนตก คงคละเคล้าหยาดน้ำตาใช่ไหมคะ แวะมาทักทายค่ะ อิ อิ
13 กันยายน 2547 21:49 น. - comment id 330632
วันนี้ฝนตก..... แย่จริงจริง..... พอฝนตกทีไร.... ก็รู้สึกแบบนี้ทุกที.... ขอได้ไหมคะฟ้า.... ขอให้ฝนอย่าตก.... ได้ไหมคะ....