๏ ลาสรวงลงสู่พื้น.....................ไผท พรายแข่งแสงอุไร....................อร่ามฟ้า อรุณรุ่งรุจไว-...........................แววเก็จ วางเพชรเพียงพื้นหญ้า............หยาดน้ำค้างฉาย ฯ ๏ เครื่องหมายคราเมื่อเช้า........ช่วงวัน โชติเฉิดประกายฉัน.................แฉกรุ้ง คราสายขาดหายหัน..................เห็นระแหก ระเหยระเห็จไอน้ำฟุ้ง...............ฟ่องคว้างกลางลม ฯ ๏ ชนม์สมเฉกเช่นแม้น...........เสมือนชล ชนม์ชาตชวาลผล.....................เพริศแพร้ว ชนม์ชีระด้วยกล.......................กาลกร่อน ชนม์ดับลับพ้นแล้ว....................ภาพรุ้งฤๅเห็น ฯ ๏ อย่าเป็นเช่นแค่น้ำ-...............ค้างนอง ครั้งหนึ่งเคยเรืองรอง................รุ่งล้น แล้วเลือนแปดเปื้อนหมอง........ปนหม่น ปลงหมดชีพแล้วพ้น..................พากย์รู้ผู้ขาน ๚ะ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๗
1 กันยายน 2547 11:28 น. - comment id 320794
งดงามในภาษา และ ปรัชญา ที่แฝงเร้นมาลึกซึ้งครับ๚ะ๛ size>
1 กันยายน 2547 12:02 น. - comment id 320833
สวัสดีครับ อาหมอ สวยงามมากเลยครับ มาให้กำลังใจด้วย... อิ....อิ....
1 กันยายน 2547 12:45 น. - comment id 320876
คงเหมือนคนมีความรู้กระมังคุณหมอ..ปล่อยไว้เฉยๆ ก็ระเหยหดหาย.. ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น ความรู้ที่ถ่ายทอดไม่ถูกวิธี ก็ย่อมระเหยหายไป.. แวะมาทักทายครับ ว่างๆพักนี้หาคนแหย่เล่นลำบาก เหงาๆ แต่ไม่ได้มาเย้าคุณหมอนะครับ ยกเว้นไว้คน อาจเพราะมีศรัทธาส่วนตัว พี่ๆน้องๆที่นี่ ใครมีปัญหาเรื่องการเขียนโคลง สอบถามคุณหมอได้ครับ ท่านนี้ดูชำนาญโคลงมากที่สุด ในโลกเนตนี่ เท่าที่ผมเคยเห็น... ฮิ ฮิ..แล้วอย่าเอา โทคู่..เขวี้ยงมาล่ะ..หวัดดี ไปล่ะ...เอาซะหน่อย เหงา..
1 กันยายน 2547 13:15 น. - comment id 320915
...ดวงตะวันโผล่พ้น................ม่านโลก ยามจิตพิศม์วิโยค...................เสื่อมร้าง มหรรณพ์ม่านดังโศก..............ใจสลด ใยเยื่อเหลือน้ำค้าง..................สละสิ้นกลายโฉม ฯ
1 กันยายน 2547 14:33 น. - comment id 320989
สวยงามในรสวรรณกรรม
1 กันยายน 2547 15:06 น. - comment id 321017
สวัสดีครับสหาย ผู้เดินทางสายวรรณศิลป์ ขอขอบคุณมากครับ ทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน และขอบคุณมากยิ่งสำหรับความคิดเห็นที่บอกกล่าวเอาไว้ คุณ Robert TingNongNoi : ขอบคุณที่ให้กำลังใจเสมอมา คุณ ผลิใบสู่วัยกล้า : ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจกันเสมอ คุณอำนาจ : ขอบคุณมากครับที่เข้ามาแหย่เล่น ทำให้ไม่เหงา อ่า... ไม้โทไม่ใช่ไม้ที เอามาตีกันไม่ได้ขอรับ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะลอยไปลอยมา คุณ(หนู) อัลมิตรา (เจี๊ยก) เป็นจะไดไปแอ่วเหนือ ม่วนก๋า ..... เสียดายที่ไม่ได้ไปด้วย เพราะติดงานพอดี คุณ นิสิตแพทย์ นามนี้มิคุ้น แต่ก็ขอบคุณยิ่งที่มาร่วมสายธารวรรณศิลป์ด้วยกันครับ
1 กันยายน 2547 16:06 น. - comment id 321050
อาหมอคะ .. เล่ายาวนะคะ แต่คงไม่ถึง 7 ภาคเหมือนบุญชูหรอกค่ะ .. พลพรรคล่วงหน้าไปก่อน อัลมิตราบินตามไปอีกวันค่ะ เจออาจารย์เฉลิมชัยด้วยนะคะ ที่วัดร่องขุ่น และได้แวะชมที่ห้องนิทรรศการด้วยค่ะ มีรูปภาพเขียนสวยๆแยะเลยค่ะ ที่อาศรมเล่ากันแล้ว แต่ยังไม่ถึงซีนที่อัลมิตราเล่าบ้าง เก็บกด เก็บกด ..555
1 กันยายน 2547 17:16 น. - comment id 321132
อย่างไรเสียเห็นชื่อนี้ก็ต้องเข้ามาอ่านเพื่อสะสมความรู้ ถึงแม้ผมเองจะไม่สันทัดในคำศัพท์สักเท่าไหร่ คลังศัพท์ผมยังไม่มากพอ เลยเขียนได้แต่แบบพื้นๆ ;)
1 กันยายน 2547 17:30 น. - comment id 321142
ไพเราะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ มาชื่นชมในผลงานค่ะ
1 กันยายน 2547 21:01 น. - comment id 321314
ผมไม่พลาดที่จะเข้ามาอ่าน เพื่อเก็บคำ เก็บความ เก็บลีลา เอาไปใช้ประโยชน์ วันหนึ่งข้างหน้า ผมฝันที่จะเป็นคนเขียนโคลงเป็นเรื่องเป็นราว ขอบคุณครับ
1 กันยายน 2547 21:36 น. - comment id 321338
สวัสดีค่ะคุณวฤก.. มาอ่านกลอนคุณภาพ..จึงขอทักทายสักหน่อย ขอบคุณค่ะ
1 กันยายน 2547 22:27 น. - comment id 321383
น้ำค้างกระจ้างแจ้ง ใจจิต ดึกดื่นดูครุ่นคิด ดื่มได้ อรุณส่องแสงประชิด บางบก สิ่งที่แน่นอนไซ้ เที่ยงแท้ไม่มี
2 กันยายน 2547 18:53 น. - comment id 322158
พิศเพลินเดินหยาดรุ้ง......เรียงหาว เผลอปาดน้ำค้างพราว.........ห่มพื้น ฤทัยจักเยิรยาว..................รอกว่า...สางจาง เพียงครู่แสงพลิกฟื้น..........เหิดแห้งเหินลม งามมากค่ะคุณหมอวฤก ทิกิ_tiki
3 กันยายน 2547 12:41 น. - comment id 322895
อาจารย์เป็นผู้จุดประกายให้ผมเขียนโคลง ซึ่ง...ไม่มีความชอบมาก่อนเลย ข้างล่างคือการบ้านครับอาจารย์...... มิใช่.......มาตีเสมอนะครับเพื่อนๆๆๆๆๆ --------------------------------------------------------------- หรีดทานหยดหยาดน้ำ-------------ค้างใบ เสียงเยี่ยมกังวาลใส--------------------เมื่อร้อง ลาเอาอย่างเลียไอ----------------------เมินธัญญ์ ลาโง่ซูบผอมพร่อง---------------------เยี่ยงนี้นิทาน สองการณ์อาจไม่ต้อง--------------สองคน เหตุหนึ่งหามีผล-----------------------ทั่วหล้า หากหลงเชื่อภาพยล------------------ตาพร่าง----สูเอย ตรองจ่งหนักนึกถ้า--------------------ใคร่ได้เหมือนเขา เบาพิสุทธิ์น้ำค้าง-------------------บังใบ แสงส่องดุจเพชรใส--------------------ค่าล้ำ สรวงเจียร์เหลี่ยมลวงไพร------------พืชป่า---งามเอย พิษซ่อนซบในน้ำ----------------------หนึ่งด้านจงมอง
3 กันยายน 2547 21:10 น. - comment id 323338
แวะมาคารวะท่านอาจารย์ครับ ช่วงนี้เดินผ่านท่านอาจารย์บ่อย แอบยิ้มเล็กๆ :)
4 กันยายน 2547 02:37 น. - comment id 323544
แต่งได้ดีครับ