++ รมณียรส ++ ..๏ พัวพันรรรรักร่วม..................ใจรอน กรต่อกรกุมกร...........................ก่ายกลุ้ม ภุชงค์กระหวัดชร........................กลเช่น แลเร่าระริกรุ่ม............................ผูกร้อนโรมรึง ฯ ..๏ คลึงคลอนบรบุษย์เบื้อง..........บานบง ผึ้งผ้ายผ่ายผายพง.......................ปีกพล่าน ผาณิตชิดแนบองค์......................อิงเอิบ เริงกลั้วตลอดก้าน.......................กลัดสู้เกสร ฯ ..๏ ดอนรินดินชุ่มแช่ม................ชลธาร กล้าสักปักดิ่งดาน........................เดาะแยก หนามไหน่ไต่ระพาน...................วัชพืช รกโร่ละเมาะแมก- .....................ไม้ปลูกปางไหน ฯ ..๏ โซมสินธุ์เสโทท่วม................ถึงพรหม แรงรื่นอภิรมย์............................หลั่งหล้า เกษียรสมุทรระดม..................... ดรงค์สาด ทบท่าวฤทัยท่า...........................เทียบน้องนานฉนำ ๚ะ๛ ++ ขุนกระบี่ ++ ..๏ คมดาบตราบแอบซ่อน..........ในฝัก คงไม่อาจแจ้งประจักษ์................ฤทธิ์แล้ว หากยามเมื่อใครชัก....................ออกจาก- ฝักแฮ ดาบจักแทงชีพแคล้ว...................มิดด้ามดาบคม ฯ ..๏ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง...........ปฐพี ดาบดื่มเลือดกี่ที.........................ไป่สิ้น ชักเข้าชักออกมี.........................โลหิต โดนปักเสียบด่าวดิ้น....................ร่ำร้องครวญคราง ฯ ..๏ ดาบทื่อทื่อแต่เบื้อง................ปลายดาบ หากแต่อาจกำราบ......................ทั่วหล้า ยังสามารถฟันปราบ....................อีกฝ่าย นึงแล ดาบทื่อท่านอย่าท้า.....................ว่าไร้สรรพคุณ ฯ ..๏ ชักทีมีเลือดคลุ้ง.....................เวหา แทงยับใช่ชีวา.............................มอดม้วย ดวงจิตมุ่งปรารถนา.....................รสดาบ- ทื่อแฮ ขุนศึกต่างคึกด้วย........................ดาบนี้ตลอดกาล ๚ะ๛ ++ สาง ++ ..๏ ซ่อนพรางไพรพฤกษ์จ้อง.....โจนทะยาน คว้าตะปบเหยื่อเพียงพราน.........ล่าเนื้อ สบเขี้ยวคร่าสังขาร....................ทรายรุ่น เอมโอชรสอาบเอื้อ....................โอษฐ์ด้วยเสน่หา ฯ ..๏ เย็นลมพาแผ่วพลิ้ว..............ยะเยือกกาย พรมพร่ำหยาดพิรุณคลาย..........พิโรธฟ้า หนาวใดกว่าหนาวดาย...............เดียวดั่ง นี้นอ พายุอารมณ์ว้า..........................อกว้างหวั่นไหว ฯ ..๏ ดอมกลิ่นกายกรุ่นเจ้า..........จอมขวัญ แก้มแนบแก้มนวลพรรณ..........พิลาสไล้ เคล้าเคลียร่างราวสวรรค์...........เสวยสุข นาสิกกำซาบไซ้........................สนิทแก้มเนียนนาง ฯ ..๏ ครวญครางรินหลั่งน้ำ..........ตาทราย งามเนตรดุจดาวราย.................เบิกค้าง หนั่นเนื้อระริกกาย....................ระรัวสั่น โลมลูบเลียร่างล้าง....................เลือดด้วยชิวหา ฯ ..๏ เอมโอชารสเนื้อ..................ทรายนวล โลหิตโซมร่างยวน.....................ยั่วข้าฯ หัวใจแผ่วยามจวน.....................จบชีพ ควักออกกลืนช้าช้า.....................ชื่นแท้เพียงสวรรค์ ๚ะ๛ อาศรมชาวโคลง..
1 สิงหาคม 2547 11:21 น. - comment id 303865
อะโห เยี่ยมยุทธ ๆ บทกลอนไพเราะมากค่ะ แวะมาเยี่ยมชมผลงานค่ะ
1 สิงหาคม 2547 11:24 น. - comment id 303869
(o_o) ๚ะ๛ size>
1 สิงหาคม 2547 12:34 น. - comment id 303884
สูงส่ง อลังการงานกวี แฝงไว้ด้วยปรัชญาและคำสอน ดีใจที่ได้อ่านครับ นับว่าชีวิตนี้สมหวังจริง ๆ
1 สิงหาคม 2547 14:53 น. - comment id 303948
ขอคารวะ ท่านผู้เยี่ยมยุทธ
1 สิงหาคม 2547 15:42 น. - comment id 303952
ยอดเยี่ยมทั้งสามท่านเลยค่ะ .......................................... ลี่...ผู้มาเยือน .
1 สิงหาคม 2547 17:25 น. - comment id 304000
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกท่าน ง่า-ขอตามเข้ามาให้เหตุผลในเรื่องของการเขียนบทอัศจรรย์ในส่วนของผมสักนิดนะครับ กันการเข้าใจผิด ก่อนอื่นต้องเรียนว่า ขณะเขียนความรู้สึกของผมนิ่งสงบ ไม่มีความรู้สึกในด้านลี้ลับเกิดขึ้นเลย เขียนจากคำชวนเชิญของมิตรสหาย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ในอันที่จะบรรยายสิ่งที่เราอาจถือว่าเป็นเรื่องควรปกปิด ให้ดูไม่น่ารังเกียจ ลักษณะการเขียน เป็นลักษณะการนำแบบอย่างของโบราณมาใช้ คือการใช้สัญญลักษณ์สื่อสาร เทียบเข้าไปหาเรื่องราว เราอาจเรียกว่าเป็นการเขียนแบบ ขนบ ก็ได้ ข้อดีก็คือ หากเขียนได้แนบเนียนพอ จะสามารถอ่านได้ในทุกระดับคน โปรดอย่าได้เข้าใจผิดว่านำเรื่องชั่วร้ายมาเขียนนะครับ การเขียนเชิง Erotic นั้นเราต่างพบมากมายในงานร้อยแก้ว ซึ่งบรรยายอย่างตรงไปตรงมา งานร้อยกรองเองก็สามารถทำได้ แต่มันอาจจะเปลือยและไม่น่าดูเท่าไรนัก ผมเองเขียนได้ไม่สู้ดี ขอได้โปรดทำใจให้นิ่ง ๆ พิจารณาเฉพาะด้านที่ว่า หากจำเป็นต้องเขียนแล้ว เราจะทำอย่างไรให้มันดูดีที่สุด ขอบคุณครับ
1 สิงหาคม 2547 17:29 น. - comment id 304001
ขออภัยครับข้างบนลืมลงชื่อ นึกว่าล็อคอินแล้ว
1 สิงหาคม 2547 19:07 น. - comment id 304034
อ้าว นึกว่าใครที่แท้ก็ศิษย์พี่เรานี่เอง เยี่ยมมากเลยครับ อ่านแล้ว อัศจรรย์จริงๆ :)
1 สิงหาคม 2547 22:01 น. - comment id 304112
ดอนดานรานแกร่งแห้ง เหือดชล ลมป่วนสินธุ์ดาลดล จากฟ้า สาดนองเจิ่งปรายฝน หายผาก ดินฉ่ำจามปักกล้า รากไม้ไชชอน แตกดอกบานแยกแย้ม รอภมร สยายกลีบชูเกษร เปิดอ้า ผึ้งภู่จู่เฟ้นฟอน ฟัดมุด เมาแฮ แรงเรี่ยวเริงโรยล้า ดอกร้อนโหยหา มาร่วมแจมสามอาจารย์อัศจรรย์ด้วยคน อิอิ
1 สิงหาคม 2547 22:02 น. - comment id 304113
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ น่ะครับ แต่ชื่อไม่ขึ้นขออภัย
1 สิงหาคม 2547 22:45 น. - comment id 304136
๏บัวบานส่งกลิ่นฟุ้ง...........ไปไกล เพื่อหมู่ภมรชอนไช.........ฟ่อนเฟ้น แบ่งบานผ่านแสงชัย........ที่ส่อง เสมอนา ด้วยจักไม่ว่างเว้น.............สืบเชื้อพงศา๚๛
2 สิงหาคม 2547 20:09 น. - comment id 304582
จะกล่าวคำใด ให้เกินใจกว่าคำยอดเยี่ยมครับคุณทั้งหลาย...
2 สิงหาคม 2547 21:35 น. - comment id 304698
กุมยกปืนขึ้นส่อง เล็งไป มือเหนี่ยวชี้ไกล ลั่นโป้ง ปืนกลส่ายรัวไว ชุดใหญ่ ข้าศึกนอนโก้งโค้ง คว่ำหน้าฟุบลง เคาะสนิมซะบ้างไม่ได้แต่งโคลงนานเดี๋ยวลืม
5 สิงหาคม 2547 07:51 น. - comment id 306340
คุณตฤณ .. ขอบคุณมากค่ะ คุณทิงนองนอย .. ตาโตเชียวค่ะ คุณยโส .. เป็นบทอัศจรรย์ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คุณSandsum ...ขอบคุณมากค่ะ คุณลี่ .. ขอบคุณค่ะ ศิษย์น้อง .. ไม่รู้จะเขียนบทอัศจรรย์แนวไหนดี ก็เลยสร้างเรื่องมาค่ะ คุณฤกษ์ .. อัศจรรย์แท้ ค่ะ ยัยไหม ..ขอบคุณนะคะ คุณแทนคุณแทนไท .. ขอบคุณมากค่ะ คุณชัยชนะ .. แฮ่ม !! ปืน บ่ มีลูก ยิงถูก ก็ บ่ ตาย .. //// บทอัศจรรย์ทั้งสามชุดนี้ อัลมิตรา + ลุงราม + ม้าลาย เขียนไว้ที่อาศรมชาวโคลง ถนนนักเขียน พันทิป ค่ะ อย่างที่ลุงรามอธิบายไปนะคะ